บางครั้งชีวิตก็จำเป็นต้องรู้จักถอยหลังหนึ่งก้าว เพื่อที่จะเดินต่อไปข้างหน้า
การเดินทางของกองหลังบอร์กโดซ์อย่างพาโบลคือหลักฐานชั้นดีสำหรับคำกล่าวข้างต้น เมื่อเขาได้ทำตามความฝันอันยาวนานเมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา ด้วยการได้สวมเสื้อทีมชาติบราซิลลงสนามเป็นครั้งแรก
เมื่อ 18 เดือนก่อนหน้านี้ เขาถูกปล่อยตัวให้โครินเธียนส์ยืมตัวไปใช้งาน หลังจากที่ไม่สามารถทำผลงานได้ตามที่สโมสรคาดหวังเอาไว้จากค่าตัว 6 ล้านยูโรที่ซื้อเข้ามา ฤดูกาลแรกของเขาจบลงด้วยอาการบาดเจ็บ ก่อนจะถูกดองยาวในฤดูกาลที่สอง
แข้งวัย 27 ปี เริ่มต้นฤดูกาล 2018-19 ด้วยการโดนใบแดงเมื่อผ่านไปเพียง 13 นาที ในเกมที่ต้นสังกัดของเขาพ่าย สตาร์สบูร์ก 2-0 แต่เขาเปิดเผยว่าแทบจะร้องไห้ ตอนได้ใส่เสื้อทีมชาติบราซิลครั้งแรก "ผมแทบจะร้องไห้เลยล่ะ ตอนที่ผมใส่เสื้อทีมชาติ"
"ผมประหลาดใจมาก ตอนที่ผมถูกเรียก ผมไม่คิดว่าผมจะได้รับโอกาสนะ พ่อของผมโทรมาหาแล้วบอกว่า ผมติดทีมชาติแล้ว ผมยังตอบกลับไปเลยว่า เล่นมุกรึเปล่า พ่อ แต่มันเป็นเรื่องจริง ผมร้องไห้หนักมาก และร้องตะโกนดีใจไปกับภรรยา นี่มันสุดยอดไปเลย"
นัดต่อไป
อย่างไรก็ดี กว่าจะมีถึงจุดนี้ พาโบลยอมรับว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายมาตั้งแต่ตอนย้ายมาเล่นที่ฝรั่งเศสเมื่อเดือนสิงหาคม 2015 แต่เขาก็เชื่อว่ามันคุ้มค่าแล้วที่เลือกเส้นทางนี้
"การย้ายมาอยู่กับบอร์กโดซ์ของผมมันซับซ้อนมาก ทั้งเรื่องฟุตบอล เรื่องวัฒนธรรม เรื่องการปรับตัว
"ผมยังเด็ก ผมต้องการประสบการณ์มากกว่านี้
"ตอนที่ผมกลับมาจากสัญญายืมตัว ผมแข็งแกร่งมากขึ้น ตอนนี้ผมรักฝรั่งเศสแล้วละ"
เมื่อกลับมาจากบราซิล บอร์กโดซ์มีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป โฌซแล็ง กูร์กเวนเน็ก โค้ชที่เคยมองข้ามเขาถูกปลดออกจากตำแหน่ง และทางสโมสรแต่งตั้ง กุสตาโว โปเยต์ เข้ามาทำหน้าที่แทน ทำให้พาโบลได้รับโอกาสจากความแข็งแกร่งในเรื่องลูกกลางอากาศและการเล่นเกมรับ ที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาของทีมได้เป็นอย่างดี
"การอยู่กับบอร์กโดซ์ต่อในซัมเมอร์นี้เป็นการเลือกเพื่อครอบครัว แต่ก็มีเหตุผลเรื่องกีฬาด้วย เพราะบอร์กโดซ์เป็นสโมสรใหญ่ และให้โอกาสผมได้ติดทีมชาติบราซิล
"ตอนนี้ผมได้มาอยู่ตรงนี้แล้ว สิ่งที่ยากที่สุดคือต้องอยู่ที่นี่ต่อไปให้ได้ ผมไม่ได้อยากจะติดทีมเพียงครั้งเดียวเท่านั้น"
ซึ่งนั่นต้องรอดูว่า ด้วยผลงานของเขากับทีมแห่งลีกเอิงจะทำได้ดีแค่ไหน เมื่อได้รับโอกาสเสียที หลังจากที่รอคอยมานานแสนนาน