ดุสิต เฉลิมแสน

ย้อนรอยตำนานไทยลีก : ดุสิต เฉลิมแสน ดาราเอเชียคนที่ 6

ดุสิต เฉลิมแสน ชื่อนี้เป็นทีคุ้นหูแฟนบอลชาวไทยกับผลงานในสนามที่เขาเคยวาดลวดลายไว้สมัยเป็นนักเตะกับผู้เล่นตำแหน่งแบ็คซ้ายที่โดดเด่นกว่าใครในสนาม การผ่านบอลสุดแม่นยำที่สำคัญมีทีเด็ดลูกฟรีคิกปลิดวิญญาณเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวกับภาพจำของแฟนบอลทุกคน

ตลอดชีวิตของ ดุสิต มุ่งมั่น และก้าวเดินบนเส้นทางฟุตบอลมาตลอดตั้งแต่วัยเด็กที่ยังใช้ชีวิตอยู่บ้านเกิดจังหวัดสกลนคร จนวันหนึ่งฝีเท้าเตะตาแมวมองโรงเรียนศาสนวิทยา (โปลิศ เทโร เอฟซี ในปัจจุบัน) แต่ตัดสินใจเดินทางมาศึกษาต่อที่สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี ก่อนจะเริ่มต้นเล่นฟุตบอลกึ่งอาชีพให้ทีมศาสนวิทยาฯ กระทั่งต่อมาถูกเรียกติดทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี นับเป็นก้าวสำคัญสู่นักเตะอาชีพเต็มตัวในเวลาต่อมา

ดุสิต เฉลิมแสน

ดุสิต สร้างรายได้จากการลงเล่นให้สโมสรเพื่อนตำรวจ และ บีอีซี เทโรศาสน รวมถึงมีชื่อติดทีมชาติไทยอย่างต่อเนื่อง แต่ในเวลาเดียวกันความสำเร็จที่เกิดขึ้นกลายเป็นดาบสองคมเมื่อชีวิตนอกสนามสวนทางกับในสนาม เขาเริ่มเที่ยว เริ่มดื่มจนถูกมองเป็นนักเตะเพลย์บอยคนหนึ่งของวงการ ตกเป็นข่าวด้านลบบนหน้าสื่อในบางครั้ง อย่างไรก็ตามแม้ชีวิตนอกสนามจะออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง

แต่ด้วยความรักฟุตบอล เขายังคงโฟกัสมันเป็นหลัก นำข้อผิดพลาดมาแก้ไข กลับตัวใหม่ไม่เดินซ้ำรอยเดิมเพื่อให้ฟุตบอลยังอยู่คู่กับชีวิตต่อไป ส่งผลให้เขายังคงก้าวไปติดทีมชาติไทย ต่อเนื่อง ซึ่งฝีเท้าของเขายังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เมื่อถูกยกย่องเป็นแข้งดาราเอเชียในปี 1997 และเป็นผู้เล่นดาราเอเชียคนที่ 6 ของวงการฟุตบอลไทย

หลังค้าแข้งครั้งแรกกับ บีอีซี เทโรฯ เขาได้โอกาสย้ายไปเล่นต่างแดนกับ โมฮัน บากัน ทีมในอินเดีย ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขามีวินัยมากขึ้น และปฏิบัติตัวในแบบที่นักฟุตบอลอาชีพควรทำ สิ่งที่ได้กลับมาคือสภาพร่างกายที่ฟิตสมบูรณ์พร้อมฝึกซ้อม และลงเล่นสม่ำเสมอ ซึ่งในขณะนั้น ดุสิต อยู่ในวัย 30 ปี แต่ร่างกายฟิตเปรี๊ยะเหมือนสมัยยังหนุ่ม

หลังจากนั้น ดุสิต เก็บกระเป๋ากลับมาเมืองไทยซบ บีอีซี เทโรศาสน หนสอง และครั้งนี้เขามีส่วนในการช่วยทีมสร้างประวัติศาสตร์สุดยิ่งใหญ่ เมื่อสามารถพา มังกรไฟ ยุครุ่งเรืองโลดแล่นบนเวที เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยผลงานร้อนแรง แม้ขณะนั้นอายุจะเข้าเลขสาม แต่ความฟิต ฝีเท้า ทักษะของเขายังคงเหนือชั้น ก่อนจะจบลงด้วยการคว้ารองแชมป์ในปี 2002-03 

ดุสิต เฉลิมแสน

แม้จะเป็นช่วงบั้นปลายอาชีพกับวัย 33 ปี แต่ ดุสิต ยังมองหาความท้าทายในอาชีพต่อไป ก่อนจะเซ็นสัญญากับยักษ์ใหญ่วีลีกเวียดนามอย่าง ฮองอันห์ยาลาย ซึ่งยุคนั้น ฮองอันห์ฯ คว้าแข้งไทยไปร่วมทัพหลายคนอาทิ ศักดิ์ดา เจิมดี , “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือคนปัจจุบันของทีม โดยมี ดุสิต เป็นหนึ่งในนั้น

ตลอด 5 ปี กับ ฮองอันห์ฯ อดีตแข้งดาราเอเชียช่วยต้นสังกดคว้าแชมป์วีลีก 2 สมัย และที่น่าทึ่งคือเขาค้าแข้งกับทีมจนถึงอายุ 38 ปี โดยเมื่อปี 2020 เขาได้รับการโหวตจากแฟนบอลติดทีมยอดเยี่ยมตลอดกาลของ ฮองอันห์ยาลาย ร่วมกับ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อีกด้วย

ดุสิต เฉลิมแสน

หลังประสบความสำเร็จที่เวียดนาม ดุสิต ย้ายกลับมาค้าแข้งในไทยอีกครั้งกับยุคที่ไทยลีกเริ่มบูมมีความเป็นลีกอาชีพมากขึ้นจึงเซ็นสัญญากับทีมเก่าอย่าง เพื่อนตำรวจ แต่ก็เล่นเพียงช่วงส้นๆก่อนจะตัดสินใจประกาศแขวนสต๊ดในที่สุด โดยหลังเลิกเล่น เชายังคงเดินหน้าบนเส้นทางฟุตบอลต่อไปกับบทบาทโค้ช เริ่มต้นกับ ฮองอันห์ยาลาย ก่อนจะกลับมาจับงานโค้ชในไทยทั้ง ศรีราชา เอฟซี, พีทีที ระยอง, การท่าเรือ เอฟซี, พีที ประจวบ เอฟซี, ศรีสะเกษ เอฟซี, ตราด เอฟซี

ฤดูกาลล่าสุดที่เพิ่งผ่านพ้นไป เขากลายเป็นโค้ชผู้นำประวัติศาสตร์มาสู่สโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เพื่อพาทีมคว้าแชมป์โตโยต้า ไทยลีก สมัยแรกมาครองอย่างยิ่งใหญ่ด้วยผลงานชนะ 24 เสมอ 5 และแพ้เพียงนัดเดียว พร้อมซิวตั๋วร่วมศุกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2021 และ 2022 ต่อเนื่อง

ปัจจุบัน โค้ชโอ่ง ดุสิต เฉลิมแสน เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นเฮดโค้ช ราชประชา เอฟซี ในศึก M-150 แชมเปี้ยนชิพ และกำลังเตรียมเข้าอบรมผู้ฝึกสอนฟุตบอลหลักสูตร "AFC 'A' Certificate Coaching Course" ประจำปี 2564 ของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งเป็นแนวทางของ บีจี ปทุมฯ ที่ต้องการตอบแทนผลงานของเขา โดยวางรากฐานส่งศึกษาจนจบหลักสูตรระดับ AFC Pro-Diploma ที่ออกค่าใช้จ่าให้ทั้งหมดเพื่อกลับมาต่อยอดความสำเร็จของสโมสรในอนาคต...

ดุสิต เฉลิมแสน
โฆษณา