พัดทะนา พรมมะเทพPress Release

น้ำตาหล่นที่มาเลเซีย "พัดทะนา พรมมะเทพ" แข้งลาวแห่งกาฬสินธ์ เอฟซี

เสียงนกหวีดยาวสุดท้าย ที่สนาม UITM Stadium ในช่วงเวลาพระอาทิตย์คล้อยตกดิน กลายเป็นสัญญาณที่กรีดหัวใจของ นักฟุตบอลทีมชาติลาวในความหมายว่า เส้นทางในฟุตบอลชาย ซีเกมส์ 2017 ของพวกเขาใกล้ที่จะสิ้นสุด ไว้เพียงแค่รอบแรก ด้วยความพ่ายแพ้ต่อ สิงคโปร์ 2-0

พายุแห่งความผิดหวังพัดผ่านเข้ามาสู่ จิตใจของเด็กหนุ่มวัย 18 ปี ที่แบกคำว่า “ความหวัง” อย่างที่เขาไม่อาจทัดทานมันได้  น้ำตาที่ไม่คิดว่าจะต้องเสีย ก็พรั่งพรูออกมา ยากจะบอกได้ว่า มวลความรู้สึกในใจลึกๆ ของหนุ่มผมทอง ที่ชื่อ “พัดทะนา พรมมะเทพ” กองกลางหมายเลข 8 ทีมชาติลาว มีหน้าตาอย่างไร

อ่านบทความต่อด้านล่าง
พัดทะนา พรมมะเทพ

สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก “จั่นเจา” (ชื่อเล่นของ พัดทะนา) นี่คือดาวรุ่งที่ถูกยกให้เป็น ความหวังใหม่ของวงการฟุตบอลลาว หลังพ้นผ่านยุคของ ลำเนา สิงโต, กัลยา สายสมหวัง, คำแพง สายวุฒิ สุขพร วงศ์เชียงคำ 

บนวัย 18 ปีหมาดๆ เขามีได้โอกาสเดินตามรอยเท้า รุ่นพี่ ด้วยการมาค้าแข้งในเมืองไทย กับ กาฬสินธุ์ เอฟซี บน เวทียูโร่  เค้ก ลีก โปร (T3) โซนภาคเหนือ ในช่วงเลกสองที่ผ่านมา… และด้วยความเก่งกาจที่เกินวัยนี่เองทำให้ พัดทะนา ต้องแบกอายุ และกลายเป็นตัวหลักของ ทีมชาติลาว รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี อย่างหลีกไม่ได้

เขาทำประตูใส่ ทีมชาติเมียนมา ได้ตั้งแต่นัดแรก ซีเกมส์ 2017 และเกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 แต่ทว่า ลาว มาเสีย 2 ประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ กลายเป็นผู้แพ้ในนัดเปิดสนาม ต่อด้วยการพลาดท่าเสีย 2 ประตูในช่วง 10 นาทีแรกของกับ สิงคโปร์ จนกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ “ลาว” จ่อตกรอบแรก ซีเกมส์อย่างเต็มที่ หาก มาเลเซีย เก็บได้อย่างน้อย 1 คะแนนจาก 2 เกมที่เหลืออยู่

ในวันรุ่งขึ้น หลังจากหนุ่มน้อยจากสะหวันนะเขต พ้นผ่านความเสียใจ… ผู้เขียน มีโอกาสได้นัดพบกับ “จั่นเจา” ที่เริ่มกลับมายิ้มได้อีกครั้ง ภายในล็อบบี้้ โรงแรมที่พักนักกีฬาทีมชาติลาว กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อสัมภาษณ์ พูดคุยกับ หลากหลายเรื่องที่ซ่อนอยู่ภายใต้น้ำตาของเขา ในวันนั้น...

รู้สึกอย่างไรที่มีสื่ออย่าง FourFourTwo บอกว่า “คุณคือดาวรุ่งที่น่าจับตามองสุดของ ลาว”

มันเป็นเรื่องดีนะ ที่คนอื่นมองว่าเราเป็นแบบนั้น แต่สำหรับผม ยังรู้สึกว่าตัวเองธรรมดา ไม่ได้วิเศษวิโส กว่าใคร และผมยังไม่ได้เก่งพอที่จะบอกว่าไปถึงจุดนั้นแล้ว 


เส้นทางฟุตบอลของคุณ เริ่มต้นขึ้นอย่างไร

ผมเริ่มต้นเล่นฟุตบอล ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ตามหมู่บ้านแถว สะหวันนะเขต ซึ่งก็ใกล้ๆกับ จังหวัดมุกดาหาร นั่นแหละ ด้วยความที่ครอบครัวผม ทั้งพ่อ และพี่ชาย ชอบเตะฟุตบอลมาก ผมก็เริ่มไปดู และซึบซับมา จนเริ่มสนุกกับมัน เพราะว่าได้เจอกับเพื่อนหลายคน ตามประสาเด็กๆ
 
ต่อมาผมได้เข้าไปอยู่ใน ศูนย์ฝึกฟุตบอลเอซรา (Ezra) ที่เป็นของคนเกาหลีใต้มาเปิดเพื่อพัฒนาเยาวชนของลาว นักเตะหลายๆคนในลีกสูงสุดลาว ที่มีจุดเริ่มต้นจากเอซรา อย่าง พี่สุขพร (วงศ์เชียงคำ) นี่ก็ใช่ เขาเป็นเยาวชนรุ่นแรกของ เอซรา ส่วนผมเป็นรุ่นที่ 6 

ผมอยู่ที่ศูนย์ฝึก เอซรา เป็นเวลา 7 ปี แต่ว่าที่นี่ไม่มีทีมชุดใหญ่ มีแค่ทีมเยาวชน ทำให้เด็กๆต้องแยกย้ายกันไปหาสโมสรอาชีพ 

พอดีตอนนั้น พี่สุขพร(วงศ์เชียงคำ) พาผมมาคัดตัวกับ ล้านช้าง ยูไนเต็ด แล้วก็ได้ติดทีม จนมีโอกาส มาเตะโตโยต้า แม่โขง คลับ แชมเปียนชิพ เจอกับทีมจากกัมพูชา แล้วชนะ จนผ่านเข้ามาชิงกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก และเริ่มทำให้คนรู้จักขึ้นผมมากขึ้น 

พัดทะนา พรมมะเทพGoal

ใครเป็นไอดอลหรือต้นแบบของคุณ

คงเป็น พี่สุขพร แหละครับ เขาเป็นคนตัวเล็ก ที่เก่งและมีความฝันยิ่งใหญ่ เขาพาตัวเองไปเล่นในลีกอาชีพที่ไทยได้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่เขาทำงานหนัก เช้าก็ซ้อมฟุตบอล เย็นก็ซ้อมฟุตบอล อยู่กับฟุตบอลทุกวัน มันเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ อยากเดินรอยตามเขา ตอนนั้น ผมคิดเสมอว่าสักวันหนึ่ง อยากเก่งเหมือน พี่สุขพร และไปเล่นต่างประเทศแบบเขาให้ได้

ผมดีใจที่มีโอกาสมาถึงตรงนี้ ต้องขอบคุณพี่สุขพร ที่คอยแนะนำ และสอนในทุกๆเรื่อง ทั้งในและนอกสนาม อย่างก่อนแข่ง หลังแข่งในซีเกมส์หนนี้ พี่สุขพร ก็ยังส่งข้อความมาถามไถ่ ให้กำลังใจผมอยู่ตลอด รวมถึงเด็กคนอื่นๆ 


ทำไมถึงตัดสินเข้ามาค้าแข้งในเมืองไทย

ตอนนั้น ล้านช้าง ยูไนเต็ด ประกาศเลิกทำทีม ทุกคนในทีมก็แยกย้ายกัน อย่าง พี่สุขพร (วงศ์เชียงคำ) เขาตัดสินใจเลิกเล่น กลับไปเป็นโค้ชสอนฟุตบอลให้กับ ศูนย์ฝึกเอซรา เพราะว่าโค้ชเกาหลีกลับบ้านไปแล้ว และยังไม่รู้ว่าอนาคตจะกลับมาอีกไหม 

วันหนึ่งเขาก็ถามผมว่า “ความฝันของเจาคืออะไร” ผมบอกว่า อยากไปค้าแข้งต่างประเทศ พี่สุขพร เลยแนะนำให้ผมไปคัดตัว กับ กาฬสินธุ์ เอฟซี ซึ่งช่วงก่อนจะมาคัดตัวกับทีม พี่สุขพร ก็เป็นคนที่ติวและสอนฟุตบอล แบบตัวต่อตัวแก่ผม รวมถึงให้คำแนะนำ และบอกเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับฟุตบอลไทยหลายอย่าง

พอได้มาสัมผัสแล้ว ฟุตบอลบอลลีกไทยกับลาว แตกต่างกันอย่างไร (ระหว่าง ยูโร่ เค้ก ลีกโปร กับ ลาวพรีเมียร์ลีก)

ผมคิดว่า ฟุตบอลไทยเล่นกันเป็นระบบ ช้าแต่ชัวร์ รวมถึงมีแรงดึงดูดอย่างอื่น เช่น แฟนคลับที่เข้ามาชม ทำให้ คนที่ลงไปเล่น รู้สึกสนุกและตื่นเต้น อีกทั้งที่เมืองไทย ยังมีการสนับสนุนและเอาจริงเอาจังกับฟุตบอลมาก ส่วน ฟุตบอลลีกลาวนั้น คนดูยังน้อย หลายๆอย่าง ยังไม่เข้าที่ เข้าทาง 


ผมจำได้ว่า แมตช์แรกที่เล่นบอลอาชีพในไทย เป็นเกมที่ กาฬสินธุ์ เอฟซี เจอกับ สุพรรณบุรี เอฟซี ในฟุตบอลถ้วย ได้เห็นกองเชียร์ ได้เจอกับบรรยากาศใหม่ๆ ผมประทับใจมาก และรู้สึกว่านี่แหละคืออาชีพที่เรารัก มันต้องเป็นแบบนี้ 

ยิ่งวันไหนได้ดูเกมระดับไทยลีก อย่าง บุรีรัมย์ฯ เตะ มีกองเชียร์จำนวนมาก ยิ่งทำให้รู้สึกว่า บอลไทยพัฒนาไปมากเลยทีเดียว ส่วนเรื่องการปรับตัว ผมไม่มีปัญหาเลย อาหารการกิน ภาษาทีนี่ ใกล้เคียงกับที่ลาว

พัดทะนา พรมมะเทพPress Release

คาดหวังกับการเล่นฟุตบอลไทยไว้ขนาดไหน

อยากทำให้ได้อย่างพวกรุ่นพี่คนลาว ที่เคยมาเล่นในลีกระดับสูงของไทย อย่างตอนนี้ ผมเล่นใน ไทยลีก 3 ปีหน้าก็หวังว่าจะได้เลื่อนชั้น ขยับมาเล่น ไทยลีก 2 จนไปถึง ไทยลีก ค่อยๆสร้างกระดูกขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะผมยังเป็นดาวรุ่งอยู่ ไต่ขึ้นไปทีละระดับครับ

ผมได้ยินมาว่า ปีหน้าไทยลีกจะเปิดโควต้าอาเซียนด้วย น่าจะเป็นโอกาสที่ดีของผม รวมถึงนักฟุตบอลคนอื่น แต่อันดับแรกต้องเริ่มจากการทำผลงานและโชว์ให้ผู้คนเห็นในลีกล่างก่อน 

อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ คุณเลือกย้ายจากลีกสูงสุดของประเทศลาว มาเล่นลีกระดับ 3 ของไทย

ผมคิดเสมอ ถ้าอยากพัฒนา อยากเก่งกว่านี้ ผมต้องออกไปหาประสบการณ์ข้างนอก 

โอเค ผมสามารถเล่นในลีกสูงสุดลาวก็ได้ แต่ว่าชีวิตผมคงไม่ได้เจอกับความท้าทาย หรือไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในระดับไหน การได้มาเล่นต่างประเทศ ทำให้ผมได้ย้อนมาดูตัวเอง และรู้ว่า เรายังอ่อน และสู้คนอื่นไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่ผมอยากย้ายมาเล่นในเมืองไทย

พูดถึงซีเกมส์ คุณมีความทรงจำเกี่ยวกับรายการนี้อย่างไร

คงเป็นซีเกมส์ ปี 2009 ที่ประเทศลาว ตอนนั้นผมน่าจะประมาณ 10 ขวบ ได้ดูถ่ายทอดสดแล้ว รู้สึกชอบมาก เลยตั้งใจกับตัวเองว่า อยากมีโอกาสสักครั้งในชีวิต ได้มาแข่งซีเกมส์ ซึ่งนี่ถือเป็นแรงผลักดันอย่างหนึ่งของผม ที่อยากไปยืนตรงจุดนั้น อย่างพวกรุ่นพี่ 

ผมก็ค่อยๆ พัฒนาตัวเองจนมีชื่อ ติดเยาวชนมาทุกชุดจนถึงปัจจุบัน ไล่มาตั้งแต่ ชุดเยาวชน 13 ปี ไล่มาทุกชุด จนมาถึงปัจจุบัน อย่างตอน ยู-13 เคยไปได้แข่งที่ประเทมาเลเซีย, ตอนติด ยู-16 ก็ได้แข่งที่ เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่ผมจำชื่อรายการไม่ได้ จำได้ว่า ลงแข่งกับทีมเยาวชนของ บาเยิร์น มิวนิค, ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ก็สนุกดีครับ พวกฝรั่งนี่ตัวใหญ่มาก ผมสูงได้แค่หัวไหล่เด็กพวกนั้นเลย (หัวเราะ) 


ในที่สุด คุณก็ได้ทำตามฝันในวัยเด็ก คือการติดทีมชาติลาว ลงเล่น ซีเกมส์ 2017 ที่มาเลเซีย 

ใช่ มันตื่นเต้นดีนะครับ กับซีเกมส์ครั้งแรกของผม ผมพยายามทุ่มเทเป็นพิเศษ และเต็มที่ทุกนัด แต่พอได้มาสัมผัสจริงๆแล้ว มันทำให้ผมรู้สึกว่า เรายังต้องกลับไปพัฒนาตัวเองอีก เพราะว่าทุกประเทศก็ล้วนแข็งแกร่ง และพัฒนาขึ้นเช่นกัน  

ผิดหวังกับผลการแข่งขันหรือไม่

ผิดหวังมาก เพราะว่าความตั้งใจของผม อยากจะผ่านเข้ารอบต่อไปให้ได้ คิดไว้เสมอว่า จะยังไงก็จะสู้เต็มที่ แต่ว่าในเกมที่ผ่านๆมา เรายังมีข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆเกิดขึ้นอยู่ ทำให้ผลการแข่งขันไม่เป็นอย่างใจหวัง ซึ่งผมเองก็รู้สึกผิดหวัง ไม่น้อยไปกว่าทุกคน 

ทุกครั้งก่อนลงสนาม หรือตอนที่แข่ง ผมคิดเสมอว่า เราจะมาที่นี่ทำไม เราจะลงไปเล่นเพื่อใคร เวลามองไปที่ธงชาติลาวตรงหน้าอกเสื้อ มันมีความหมายมาก และเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเราไม่อยากแพ้ เราเป็นหน้าตาของประเทศนะ เราต้องสู้เพื่อชาติ และคนลาว ทำให้พวกเรามีความตั้งใจกันมาก แม้ว่าสุดท้ายจะตกรอบหรือยังไงก็ตาม เรายังอยากเล่นให้ดีที่สุด ในอีก 2 เกมที่เหลือเพื่อให้สมกับที่ได้มายืนตรงนี้

ถึงจะเป็นรองคู่แข่ง เราก็ไม่เคยกลัวใคร ผมคิดเสมอว่า การเตะฟุตบอล “ถ้าใจคุณไม่สู้มันก็จบ... ถ้าไม่เก่ง แต่ว่ามีใจ มันก็ยังพอสู้ได้” 

อย่าง 2 เกมที่ผ่านมา เราไม่น่าแพ้ เกมแรกกับ เมียนมา ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เหลืออีกไม่กี่นาที เราเกือบจะเสมอได้อยู่แล้ว แต่มาเสีย 2 ประตู ทำให้เราแพ้ 3-1  ถ้าเรามี 1 แต้มกับ เมียนมา ผมเชื่อว่าเราจะมีแรงใจ และเอาชนะ สิงคโปร์ ได้ ทีนี้พอนัดสอง เรามาเสียประตูเร็ว 2 ลูกในช่วง 10 นาทีแรก มันก็ทำให้เรากลับมาไม่ได้

พอจบเกมกับ สิงคโปร์ เท่ากับว่าเราแพ้ 2 นัดติด มันเป็นสิ่งที่ผมรับไม่ได้จริงๆ  ผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่หรอก กลับมาถึงห้องพัก ก็ยังร้องไห้ เสียใจอยู่ คืนนั้นผมข่มตานอนหลับไม่ลงจริงๆ คิดตลอดว่า เราสามารถสู้กับ เมียนมา, สิงคโปร์ ได้ แต่ทำไมผลถึงออกมาเป็นแบบนี้ มันยากที่จะทำใจ

แต่อย่างไรซะ เราต้องลืมความผิดหวัง แล้วกลับไปพัฒนาตัวเอง เพื่อกลับมาสู้ใหม่ในอีก 2 ปีข้างหน้า

ตั้งเป้าหมายตัวเองอย่างไร หลังผ่านความผิดหวังในวันนั้น 

ผมจะกับไปพัฒนาตัวเองให้ดีกว่านี้ เราอาจทำได้ไม่ดีในซีเกมส์หนนี้ แต่เราจะกลับมาดีกว่าเดิม และผมเชื่อว่า ลาว จะผ่านเข้ารอบในซีเกมส์ ครั้งต่อไปได้แน่นอน

ส่วนในการเล่นอาชีพนั้น ความฝันสูงสุดของผม คือการไปเล่น เจลีก หรือ เคลีก ได้สัมผัสกับทีมระดับชั้นนำของทวีป 

แต่ว่าการเล่นที่เมืองไทย ผมเองก็มีความสุขดี และคิดว่าสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นไปได้ คงมองไปทีละก้าว ต้องเริ่มจากการพัฒนาตัวเอง จนได้มีโอกาสขึ้นไปไทยลีกให้ได้ก่อนครับ

โฆษณา