Toyota Thai League Match of The Week 18 : การท่าเรือ 2-2 ชลบุรี

"ยิ่งแก้ยิ่งแย่" คือคำพูดที่เหมาะกับ ท่าเรือฯ ที่สุดในเกมที่พวกเขาเปิดบ้านเสมอกับ ชลบุรี เอฟซี และทำสถิติลงเล่นเกมลีก 5 นัดหลังสุดโดยไม่สามารถชนะใครได้เลย...

นี่คือเกมที่ไม่แตกต่างจากเกมก่อนเท่าๆไรนักสำหรับ สิงห์เจ้าท่า ทีมยังคงเน้นเกมริมเส้นเหมือนช่วง 13 เกมแรกที่เป็นจ่าฝูง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือประสิทธิภาพที่กลายเป็นว่าเมื่อถึงช่วงเวลาที่กดดันและจำเป็นต้องชนะเท่านั้นพวกเขาไม่สามารถทำได้

จเด็จ มีลาภ ทำให้รูปแบบเกมนี้ออกมาอึดอัด ท่าเรือครองบอลได้แต่ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า 2 ประตูในครึ่งแรก เพราะเมื่อเข้าครึ่งหลังการเปลี่ยน บดินทร์ ผาลา นักเตะคนเดียวที่สามารถเลี้ยงกินตัวและเปิดพื้นที่ในแนวรุกได้ออก ทุกอย่างแทบจะจบตรงนั้นเลย

เพราะ นูรูล ศรียานเก็ม ที่ลงมาไม่ได้มีจังหวะโชว์ความเร็วและแสดงทักษะที่สร้างความเปลี่ยนแปลงได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นการเปลี่ยนตัวสำรองตัวที่ 2 ยิ่งทำให้เกมแย่ลงไปอีก สุมัญญา ปุริสาย ลงมาแทน โจซิมาร์ โรดริเกส กองหน้าคนเดียวที่มีอยู่ ทำให้เเดนหน้าไม่สามารถเก็บบอลได้ และจากนั้นเกมรุกก็หายไปเลย...ไม่มีจังหวะง้างยิงให้ได้ลุ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว

หากการเปลี่ยนตัวที่สองว่าแย่แล้วการเปลี่ยนตัวตัวสุดท้ายนั้นคือจุดตัดสินผลการแข่งขันของจริง ท่าเรือฯ เปลี่ยนเอา ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ลงมาแทน ศิวกรณ์ จักรขุประสาท ในช่วงเวลาที่ทีมไร้กองหน้าธรรมชาติ และต้องการประตูเพื่อชัยชนะ นั่นจึงทำให้จังหวะสุดท้ายที่หาได้ยากอยู่แล้วหายากยิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีก

ส่วน ชลบุรี เอฟซี ของสะสม พบประเสริฐ นั้นมาแบบปิดตายท่าเรือฯได้หมด เกมริมเส้นหนาแน่น ใช้ผู้เล่นเกมรับหลายคน และการสวนกลับที่มีประสิทธิภาพ ใช้แค่ 2-3 คนแต่กลับไปถึงกรอบเขตโทษคู่แข่งได้แทบจะทุกครั้ง

ยิ่งเมื่อท่าเรือฯ ยิ่งเปลี่ยนตัวเลือกในแนวรุกยิ่งน้อยลงจึงยิ่งเป็นงานสบายของฉลามชลที่ประคองเอา 1 แต้มได้โดยง่าย และดูจะเป็นทีมที่มีโอกาสชนะมากกว่าด้วยซ้ำ...

เป็นเกมส์ที่ต่างฝ่ายต้องการสามแต้ม​ ชลบุรีก็ต้องการปลดล็อคคว้าสามแต้มในเกมส์เยือนยุคโค้ชเตี้ย​ ส่วนการท่าเรือไม่ชนะใครมาสี่นัดหลังและเก็บได้แต้มเดียว​ ​ การท่าเรือดูจะเป็นต่อเรื่องขุมกำลังและได้เล่นในบ้าน​ที่มีแฟนบอลคับคั่งดังคำเรียกย่านนี้ว่าเขตปกครองพิเศษคลองเตย​

เมื่อสัญญาณ​นกหวีดเริ่มต้น​ ชลบุรี​เล่นเกมส์บุกใส่เจ้าบ้าน​ ก่อนจะได้ประตูขึ้นนำจากวรชิต และเกือบขึ้นนำเป็น2-0จากการจ่ายคิลเลอร์พาสสวยๆของวรชิตให้ภานุพงศ์​ แต่ยิงชนเสาออกไป​ 15นาทีแรกชลบุรี​กดดันท่าเรือได้ดี​ แต่ท่าเรือก็สู้ไม่ถอย​ จนได้การเปิดริมเส้นของปกรณ์​มาถึงโจซิมาร์​โขกไปให้ศิวกรโหม่งทำประตู​ตีเสมอ​

เจ้าบ้านโหมบุกอย่างหนัก​ ขณะที่ทีมเยือน​ กลับมาเล่นรอสวนกลับและได้ประตูขึ้นนำจากการต่อบอลสั้น​ของเกริกฤทธิ์​ วรชิต​ และไคออนในจังหวะสุดท้าย​ เจ้าบ้านไม่นิ่งนอนใจ​ บุกแหลกและตีเสมอสำเร็จจาก​ การครอสบอลของสตูเบิ้ล​ ถึง​ซัวเรซวอลเลย์ตีเสมอไป2-2​ในครึ่งแรก​

ครึ่งหลังเกมส์ยังคงสนุกเข้มข้น​ ด้วยแทคติกเกมส์ที่ต่างสู้ไม่ถอย​ ความทันกันของทั้งสองทีม​ จังหวะขึ้นเกมส์สวยๆแต่สุดท้ายยังไม่ผ่านมือของรัตนัยและกัมพลที่เกมส์นี้ได้รับโอกาสแทนชนินทร์​

ส่วนตัวมองว่าวรชิตค่อนข้างโดดเด่น​ในเกมส์นี้ด้วย1ประตู​1แอสซิสต์และส่วนร่วมในเกมส์​ ส่วนเจ้าบ้าน​ น่าเสียดายด้วยขุมกำลังผู้เล่นที่สามารถปรับเปลี่ยนเกมส์ได้มากกว่านี้​ นี่คือเกมส์ที่สนุกมากสมควรแก่เกมส์ยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์​ ถึงแม้ว่าคนจะไปโฟกัสประเด็นที่ต่อเนื่องหลังเกมส์จบแล้วก็ตาม​

ชลบุรี ขาดตัวจบสกอร์ถีงสองรายหลัง ธีรเทพ วิโนทัย ติดโทษแบน และเพิ่งเสีย ลูเคียน ที่ย้ายไปค้าแข้งเจลีก ทว่าผู้เล่นที่หลักที่เหลือแสดงสปิริตให้เห็นว่ามีดีพอที่จะทดแทนกันได้จนเราได้เห็นการประสานงานบรรดาแนวรุกสุดลงตัวอีกครั้งในยุคของ สะสม พบประเสริฐ

เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ รับหน้าที่ปั้นเกมร่วมกับ วรชิต กนิษศรีบำเพ็ญ คอยซัพพอร์ตเกมกลางสนามได้ไหลลื่น ขณะที่ วรชิต เองแม้จะมีจังหวะขาดๆเกินๆอยู่บ้าง แต่ต้องชื่นชมที่เป็นตัวเชื่อมบอลจนทีมมีรูปเกมที่ยอดเยี่ยม

แต่สิ่งที่ต้องพูดถึงคือผู้เล่น การท่าเรือ เอฟซี ที่แม้จะได้เล่นในบ้าน แต่ดูเหมือนจะแบกรับความกดดันเยอะกว่าผู้มาเยือนอย่าง ฉลามชล เป็นเท่าตัว เมื่อต้องการเก็บ 3 คะแนน เพื่อย่นระยะห่างจ่าฝูง บุรีรัมย์ แต่กลับไม่สามารถปิดเกมลงได้ทั้งยังเสียสมาธิจนโดนขึ้นนำไปก่อน รวมถึง ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ที่ยั้งอารมณ์ไม่ไหวมีปากเสียงกับแฟนบอลช่วงท้ายเกม

แม้จะสามารถเก็บแต้มได้ แต่มีหลายเรื่องที่ทีมของ มาดามแป้ง นวลพรรณล่ำซำ ต้องกลับไปแก้ไขกันใหม่ เหมาะดูเหมือนโอกาสลุ้นแชมป์ของ สิงห์เจ้าท่า กลายเป็นงานยากยิ่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัว