
Goal
Toyota Thai League Match of The Week 14 : การท่าเรือ 1-3 บุรีรัมย์

1ชยันธร ใจมูล - กองบรรณาธิการ Main Stand
ดูเหมือนว่าทั้งสองทีมจะเริ่มต้นเกมด้วยทัศนคติที่ต่างกันอย่างชัดเจน...
การท่าเรือฯ เล่นเกมเหย้าในปีนี้ยังไม่เคยแพ้ให้กับทีมใด(ชนะ 5 เสมอ 2) และสาเหตุที่เป็นแบบนั้นเพราะพวกเขามักจะเล่นแบบไม่กลัวกล้าได้กล้าเสียแพ้เป็นแพ้แบบไม่มีกลัว ต่างกันเกมนี้กลับเริ่มเกมด้วยการใช้ ดาบิด โรเชล่า ลงเล่นแทนในส่วนของ โก ซุล กิ ที่ติดสัญญายืมตัว
แม้ว่า โรเชล่า จะเคยเล่นตำแหน่งนี้ให้กับท่าเรือฯ มาเเล้ว 3-4 ในปีที่ผ่านๆมา แต่การเอากองหลังมาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับส่งผลให้บอลจากหลังไปหน้าของท่าเรือฯ ไม่มีประสิทธิภาพ และการหวังที่จะใช้ โรเชล่า คอยตัดเกมเเละชวยคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟอย่าง ทศพล และ เอเลียส ก็ไม่เวิร์คอีกต่างหาก
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนในเกมนี้คือท่าเรือฯพยายามเปลี่ยนตัวเองเพื่อเป็นสิ่งที่แตกต่าง นั่นคือการเพลย์เซฟอารมณ์ประมาณว่า "ไม่ชนะไม่เป็นไร เสมอก็ยังดี" ซึ่งท้ายที่สุดเเล้วการพยายามเปลี่ยนไปเป็นสิ่งใหม่ในช่วงเวลาที่กระช้้นนิดนี้ ทำให้ท่าเรือพ่ายคารังเป็นเกมแรกและเสียจ่าฝูงไปในท้ายที่สุด
ด้าน บุรีรัมย์ บุกมาเยือนด้วยความคาดหวังที่มองมาถึง 3 แต้มเท่านั้น แม้จะใช้งานแข้งดาวรุ่งแต่ทั้งหมดล้วนเป็นกลุ่มผู้เล่นที่มีประสบการณ์เป็นเเชมป์มาก่อน รู้ดีว่าสิ่งใดควรทำ จังหวะใดควรเร่ง จังหวะไหนควรรีบ
แม้ปีนี้หากว่ากันเรื่องความดุดันเร้าใจ บุรีรัมย์ อาจจะเป็นรองท่าเรือ แต่สิ่งที่พวกเขาเหนือกว่าคือความนิ่งและคงเส้นคงวามากกว่า และสำหรับเกมลีกที่ต้องวัดกันยาวๆ 30 นัดนั้น ความคงเส้นคงว่าคือสิ่งที่แชมเปี้ยนจำเป็นต้องมี
โดยรวมแล้วทั้งรูปแบบและผลการเเข่งขันเกมนี้เป็นเหมือนบทสรุปในเลกแรกของไทยลีก 2019 ได้เป็นอย่างดี ท่าเรือฯ เป็นผู้ท้าชิงที่ใจสู้แต่ขาดประสบการณ์ ขณะที่บุรีรัมย์เป็นแชมป์เก่าที่ไม่อันตรายเท่าในอดีตแต่ก็เอาตัวรอดได้ด้วยความเก๋ามาตลอด...
ดังนั้นต้องมาดูกันว่าท่าเรือจะแก้สั่นเกมใหญ่ได้หรือไม่ในเลกที่ 2 หากทำไม่ได้ก็ไม่เห็นแววว่าจะมีทีมไหนจะเข้าใกล้บุรีรัมย์ได้มากกว่านี้อีกเเล้ว

2ขจรยศ โชคธนเศรษฐ์ - Content Writer เพจ "จอน"
เกมนี้เป็นเกมใหญ่ ที่มีเดิมพันคือจ่าฝูงของลีก ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมการตัดสินของกรรมการ เพราะหลายๆ จังหวะที่อาจจะทำให้เกมเดือด หรือมีข้อสงสัย ก็สามารถทำได้ดี ไม่ว่าจะล้ำหน้าหรือไม่ แฮนด์บอลหรือเปล่า หรือจุดโทษหรือไม่ ก็ตัดสินได้ดี
บุรีรัมย์ เริ่มต้นได้อย่างเพอร์เฟค ในเกมที่ต้องพบกับความกดดันในการไปเยือนแพท สเตเดี้ยม เพราะได้จุดโทษออกนำไปก่อน และถึงแม้จะมาโดนตีเสมอได้ แต่จนแล้วจนรอด ความเด็ดขาดของพวกเขาก็ทำให้เก็บสามแต้มกลับอีสานใต้ได้สำเร็จ
จุดเปลี่ยนสำคัญในเกมนี้ คือ การไม่มีโก ซุล กิ ของการท่าเรือ ที่ทำให้แดนกลางของเจ้าบ้าน สู้กับแดนกลางของทีมเยือนไม่ได้
การใช้งาน โรเชล่า ที่ได้เรื่องทางบอลเป็นหลัก แต่ความฟิต และความแข็งแกร่ง สู้เหล่ากองกลางบุรีรัมย์ ไม่ได้ เป็นปัญหาทำให้โมเมนตั้มการควบคุมเกม ไหลไปทางทีมเยือนซะส่วนใหญ่ ซึ่งเมื่อทีมต้องเล่นเกมรับ และรับบทหนักกับการเพรสซิ่งของบุรีรัมย์ ก็ทำให้หอบัญชาการของทีมอย่าง ศิวกร จักขุประสาท ไม่สามารถออกบอลได้อย่างที่เคยเป็น
และที่สำคัญ พื้นที่ด้านข้างที่เป็นจุดเด่นของการโจมตีคู่ต่อสู้ของการท่าเรือ ที่เล่นในระบบ 4-4-2 ก็ไม่สามารถสร้างสรรค์โอกาสได้มากเท่าที่ควร เมื่อ บุรีรัมย์ ที่ใช้ระบบ 3-5-2 กลับมีตัวช่วยวิงแบ็คได้ตลอดเวลาที่กำลังถูกโจมตี ซึ่งทำให้พวกเขาเสียไปเพียงประตูเดียวในเกมนี้

3นาวาอากาศเอก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน - ตำนานนักฟุตบอลทีมชาติไทย, โตโยต้า ฟุตบอล แอมบาสเดอร์
เป็นเกมที่ทุกคนรอคอยประจำศึกโตโยต้า ไทยลีก 2019 เมื่อจ่าฝูง การท่าเรือ โคจรมาพบกับรองจ่าฝูง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เจอกันในเวลาสุดลงตัวเพื่อตัดสินแชมป์เลกแรก…
ก่อนเกมทั้งสองฝ่ายต่างส่งข้อความท้ารบไม่มีใครกลัวใคร ปราสาทสายฟ้า หมายมั่นบุกคว้าชัยให้ได้ในแพท สเตเดียม ขณะที่ การท่าเรือ เองก็พยายามเล่นอย่างรัดกุมรอบคอบให้มากที่สุด เพราะการเจอทีมอย่าง บุรีรัมย์ ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่การเสียประตูได้
และทุกอย่างเข้าทางของผู้มาเยือนเมื่อได้ประตูขึ้นนำจากจุดโทษ ขณะที่เจ้าบ้านแม้จะได้ประตูตีเสมอ แต่การไม่มี โก ซุล กิ ถือเป็นความเสียหายร้ายแรงส่งผลกระทบต่อเกมแดนกลางโดยตรง ซ้ำ บุรีรัมย์ ยังเล่นเพรซซิ่งจน สิงห์เจ้าท่า รับมือลำบาก
ที่สุดแล้ว บุรีรัมย์ ยิ่งเล่นเหมือนยิ่งมั่นใจ พยายามเปิดเกมรุกทั้งกลางสนาม และริมเส้นเพื่อเผด็จศึกให้ได้ กระทั่งท้ายที่สุดพวกเขาสามารถบุกปักธงชัยใน แพท สเตเดียม แซงขึ้นนำเป็นจ่าฝูงทันที ท่ามกลางความผิดหวังของแฟนบอล สิงห์เจ้าท่า ที่ต้องเห็นคู่แข่งได้ฉลองชัยในบ้านตัวเอง
โฆษณา


