Toyota Thai League Match of The Week 10 : โปลิศ เทโรฯ 1-3 เอสซีจี เมืองทองฯ

มาริโอ ยูรอฟสกี้ เข้ามารับตำแหน่งกุนซือ เมืองทองฯ ท่ามกลางความหวังว่า อดีตแข้งระดับตำนานของสโมสร จะสามารถพาทีมกลับสู่เส้นทางที่ควรจะเป็นอีกครั้ง ซึ่งผลที่ออกมาก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวัง เมื่อบุกมาเอาชนะ โปลิศ เทโร เอฟซี 3-1

อย่างไรก็ตามย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ในวันที่ โค้ชอ้น รังสรรค์ ถูกแต่งตั้งเป็นกุนซือมังกรโล่เงิน ซึ่งไม่ใช่ถูกเลือกแค่ฝีมือ แต่ถูกเลือกเพราะมีเลือดมังกรไฟอยู่ในตัว ก็เหมือนกับที่ เมืองทอง ตั้ง มาริโอ คุมทัพ เขาเป็นคนที่แสดงออกเสมอว่า เมืองทอง คือบ้านหลังที่สอง และรักสโมสรแห่งนี้มากแค่ไหน

ในเกมกับ เทโร มาริโอ ปลุกความกระหายของบรรดาผู้เล่น เมืองทองฯ สร้างทีมเวิร์คอันแข็งแกร่ง และรูปแบบการเข้าทำที่น่าสนใจ เหนือสิ่งอื่นใดคือวิธีการพูดคุยกับลูกทีมทราทำให้ทุกคน วิ่งจนนาทีสุดท้าย กล้าเล่นกล้าลุย และกลับมาเป็น กิเลนผยอง ตัวเดิมอีกครั้ง

การตัดสินใจดัน มาริโอ ยูรอฟสกี้ ขึ้นมานั่งกุนซือใหญ่ของ เอสซีจี เมืองทองฯ ช่วยปลุกไฟให้ทีมอีกครั้ง

เดิมทีอดีตแข้งระดับตำนานของสโมสร มีเวลาเตรียมทีมไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ด้วย ซ้ำ แต่กลับมอบสิ่งที่มากกว่ารูปแบบการเล่นให้กับทีมนั่นคือ Passion และความเป็น กิเลนผยอง ให้กับนักเตะทุกคน สร้างความมั่นใจให้กับลูกทีม เล่นฟุตบอลให้สนุก ซึ่งทำให้ กิเลนฯ ตัวนี้กลับมาผยองอีกครั้ง

ส่วนทีมเยือน โปลิศ เทโร เอฟซี ของ โค้ชอ้น รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค จัดทัพเต็มกำลัง ส่งทั้ง เกร็ก ฮูรา , มาร์ค บาโบ แลนดี และ อาทิตย์ บุตรจินดา ลงสนามพร้อมกัน แต่ความแตกต่างในเกมคือ ความกระหายของทีมเยือนที่มีมากกว่า และนักเตะทุกคนต่างอยากพิสูจน์ตัวเองภายใต้กุนซือคนใหม่ จนสามารถบุกมาคว้าชัยได้สำเร็จ

ขณะเดียวกันยังกระตุ้นให้ วิลเลียน ป็อปป์ ที่ฟอร์มฝืดมาหลายเกม กลายเป็นแนวรุกสุดอันตรายในเกมดังกล่าว เช่นเดียวกับทีมเวิร์คของ เมืองทองฯ ที่ดูดีขึ้นทันตา

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงเกมแรกของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ แต่ก็เป็นการจุดไฟที่กระตุ้นให้ทีมกลับมาอยู่ในเส้นทางที่ควรจะเป็น

และสิ่งสำคัญคือการรักษามาตรฐานที่พวกเขาต้องทำให้ได้ ซึ่งเราคงได้เห็นในเกมต่อไปที่จะบุกเยือน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เขาจะได้ประชันกึ๋นกับอดีตเจ้านายเก่า อเล็กซานเกร กามา....