Top/Flop of the Day : เด่น - ดับ ประจำวันในเวิลด์คัพ 2018 (วันที่ 7)

ผู้รักษาประตูวัย 30 ปี ซึ่งเพิ่งจะเซ็นสัญญาย้ายมาอยู่กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส เมื่อไม่กี่วันก่อน โชว์ฟอร์มสุดหนึบก่อนจะมาลงเล่นให้ทีมน้องใหม่พรีเมียร์ลีก ด้วยการทำสถิติเซฟไปถึง 4 ครั้ง ช่วยให้โปรตุเกสที่โดนบุกกระหน่ำเกือบตลอดทั้งเกม สามารถเอาตัวรอดเก็บคลีนชีตพร้อมชัยชนะได้สำเร็จ

แนวรุกจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พยายามลากเลื้อยบอลเพื่อช่วยสร้างสรรค์เกมรุกทางกราบขวา ทว่าเขาดันกลับเป็นผู้เล่นที่ทำเสียบอลมากที่สุดในเกมนี้ของโปรตุเกส จนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกมรุกของทีมดูไม่เป็นชิ้นเป็นอันนัก ส่งผลให้โดนเปลี่ยนตัวออกขณะที่เกมยังไม่ครบ 1 ชั่วโมงดีด้วยซ้ำ

แม้เขาจะดูไม่ค่อยเข้าขากับกองหน้าคู่หูในทีมชาติอย่าง เอดินสัน คาวานี แต่ถ้าพูดถึงผลงานส่วนตัว 'ซัวเรซก็ยังเป็นซัวเรซ' การอยู่ถูกที่ถูกเวลาของหัวหอกบาร์เซโลนาก็สามารถพาบ้านเกิดเข้าถึงรอบน็อคเอาท์ฟุตบอลโลก 2018 ได้สำเร็จและยังเป็นการฉลองลงเล่นครบ 100 นัดในนามทีมชาติของสไตรเกอร์วัย 31 ปีด้วย

นายทวารวัย 26 ปี ได้รับความไว้ใจให้เป็นมือ 1 ในเกมนัดที่สองของรอบแบ่งกลุ่มแทนที่ของ อับดุลลอฮ์ อัล-มายูฟ แต่เขากลับทำผลาดมหันต์จากจังหวะที่เขาออกมาตัดบอลแบบจั่วลมจนทำให้บอลเข้าทางปืน หลุยส์ ซัวเรซ ยิงเข้าไปง่ายๆ และนั่นก็กลายเป็นประตูที่ส่งซาอุดิอาระเบียกลับบ้านในทันที

ในเกมที่อึดอัดทั้งสองฝ่ายและหนึ่งประตูอาจชี้เป็นชี้ตายผลการแข่งขันได้ ระบบวิดีโอช่วยตัดสินหรือ VAR ก็กลายเป็นฮีโร่ในเกมนี้อีกครั้ง เมื่อมันแสดงให้เห็นว่าประตูตีเสมอของอิหร่านมีการล้ำหน้าก่อนอย่างชัดเจน และเป็นคำตัดสินที่บริสุทธิ์ยุติธรรมสำหรับทุกฝ่าย

เกมนี้อาจมีรายละเอียดหลายอย่างที่ควรพูดถึง และมีหลายเรื่องที่ควรชื่นชม ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมรับอย่างอดทนของอิหร่าน, การต่อบอลที่แม่นยำและสวยงามของสเปน หรือแม้กระทั่งเรื่องแท็กติกของทั้งสองฝ่าย แต่ทั้งสองทีมล้วนแต่มีปัญหาในเรื่องเกมรุกอย่างเห็นได้ชัด เมื่อตลอด 90 นาที มีการยิงตรงกรอบเกิดขึ้นเพียง 3 ครั้ง และประตูที่สเปนได้ยังเป็นลูกโชคช่วยอีกต่างหาก