Top/Flop of the Day : เด่น - ดับ ประจำวันในเวิลด์คัพ 2018 (วันที่ 10)

ในเกมที่ทีมจำเป็นต้องเก็บชัยชนะให้ได้แต่ปราการหลังจาก บาเยิร์น มิวนิค กลับแสดงความผิดพลาดออกมาให้เห็นตลอดทั้งเกม ทั้งในการยืนตำแหน่งและการเข้าสกัดผิดจังหวะจนเป็นเหตุให้โดนใบเหลืองที่สองในช่วงท้ายเกมส่งผลให้เพื่อนร่วมทีมต้องเหนื่อยหนักกว่าเดิม ถ้าเกมนี้ผลการแข่งขันเป็นอินทรีเหล็กที่ต้องผิดหวัง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ร้ายในสายตาแฟนบอลจะเป็นใคร

กองกลางจาก เรอัล มาดริด เรียกได้ว่าเป็นทุกอย่างของเยอรมันในเกมกับ สวีเดน ตลอด 90 นาทีเขาช่วยทีมทั้งเกมรุกและรับ โดยมีสถิติการผ่านบอลคนเดียวมากกว่าผู้เล่นสวีเดนทั้งทีมรวมกันเสียอีก นอกจากนี้ยังโชว์ความเยือกเย็นยิงฟรีคิกในช่วงทดเวลาเจ็บเป็นประตูชัยช่วยพลิกสถานการณ์ของทีมจากใกล้หมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

ปีกวัย 22 ปียังโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น ในช่วงต้นเกมเขาลงมาช่วยตัดบอลเกาหลีใต้สวยๆ 2-3 ครั้ง ในขณะที่เกมรุกก็ยังจัดจ้านโดยเฉพาะจังหวะสวนกลับ ก่อนจะมีชื่อเป็นผู้แอสซิสต์ให้กับชิชาริโตในเกมนี้ด้วย

แบ็คขวาเอฟซีโตเกียวเข้าสกัดบอลโฉ่งฉ่าง มือกางออกจนโดนบอลในเขตโทษ นับเป็นสาเหตุให้เม็กซิโกปลดล็อคประตูแรกของเกม นอกจากนั้นเขายังเติมเกมจนถอยลงมารับไม่ทันจนทำให้ทีมเสียประตูที่สองด้วย

มิดฟิลด์กัปตันทีมโสมขาวเล่นไม่ได้ตามมาตรฐานแม้แต่น้อย นอกจากทำเสียฟาวล์บ่อยครั้งแล้ว เขายังไม่สามารถบัญชาเกมแดนกลางสู้กับเม็กซิโกได้เลย

ไม่ว่าลูกากูจะถูกวิจารณ์อย่างไรกับผลงานในระดับสโมสรเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แต่กับทีมชาติเบลเยียม เขาแสดงให้เห็นถึงความเฉียบคมเสมอ โดยในนัดนี้เขายิงอีก 2 ประตูทำให้นำเป็นดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์นี้ที่ 4 ประตู ร่วมกับคริสเตียโน โรนัลโด้ ส่งผลให้เวลานี้เขายิงได้ถึง 17 ประตู จากการลงเล่นให้เบลเยียม 11 นัดหลังสุด

นับเป็นเกมที่ไม่น่าจดจำสำหรับกองหลังหมายเลข 2 ของตูนิเซียอย่างแท้จริง เมื่อเจ้าตัวดันเป็นคนทำเสียจุดโทษอย่างรวดเร็วจากการไปตัดฟาวล์ใส่ เอเด็น อาซาร์ หนำว้ำเขายังมาโชคร้ายบาดเจ็บจนต้องถูกหามเปลออกสนามและโดนเปลี่ยนตัวออกช่วงท้ายครึ่งแรกด้วย

ปีกจอมเลื้อยของทีมชาติเบลเยียมเป็นคนเรียกจุดโทษให้ทีมขึ้นนำได้ตั้งแต่ต้นเกม รวมถึงทำจังหวะสวยๆ ให้เพื่อนได้อีกหลายครั้ง ก่อนจะยิงประตูที่สี่ในช่วงต้นครึ่งหลังด้วยทักษะที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่การจับบอล, แตะหลบผู้รักษาประตู ก่อนจะยิงเข้าไปโล่งๆ อย่างง่ายดาย