Getty/Goal
Getty15บอร์ฆา อิเกลเซียส (เซลต้า ไป เอสปันญอล - 10 ล้านยูโร)
แม้ว่าผลงานของต้นสังกัดอย่างเอสปันญอลจะเพียงแค่เกาะกลุ่มกลางตาราง ทว่าดาวยิงวัย 26 ปีกลับสามารถแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัว ด้วยการกดไปถึง 17 ประตู จนตกเป็นข่าวว่าอาจจะถูกเอฟเวอร์ตันดึงตัวไปเสริมทัพในฤดูกาลหน้า
ก่อนหน้านี้ อิเกลเซียส เคยลงเล่นในลาลีกาแค่นัดเดียวเท่านั้นกับเซลต้า บีโก้ เมื่อปี 2015 และต้องใช้เวลาเกือบทั้งอาชีพค้าแข้งในระดับลีกรอง กระทั่งได้มีส่วนร่วมกับลีกสูงสุดแบบเต็มตัวครั้งแรกในฤดูกาลนี้
ทั้งนี้ เอสปันญอล ประทับใจฟอร์มของ อิเกลเซียส จากผลงานการทำไป 23 ประตู ในการลงเล่นให้ทีมระดับลาลีกา 2 อย่างเรอัล ซาราโกซาแบบยืมตัวเมื่อฤดูกาล 2017-2018 จนเลือกจ่ายเงินให้เซลต้า 10 ล้านยูโรเพื่อคว้าตัวมาร่วมทีม
Getty Images14ริคาร์โด้ เปเรรา (ปอร์โต้ ไป เลสเตอร์ ซิตี้ - 19.8 ล้านยูโร)
ดาวเตะชาวโปรตุกีสเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดทางกราบขวาของจิ้งจอกสยาม โดยความหลากหลายที่สามารถเล่นทั้งแบ็คและปีก ทำให้เขาเล่นเกมรุกและรับได้ดีพอกันแบบสมดุล
แน่นอนว่าดาวเตะวัยเบญจเพสซึ่งทำไป 7 แอสซิสต์ และยิงได้ 2 ประตูในฤดูกาลแรกบนเกาะอังกฤษ จะยังคงเป็นนักเตะคนสำคัญในทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต่อไปในฤดูกาลหน้า
Getty13ฟาบินโญ (โมนาโก ไป ลิเวอร์พูล - 50.4 ล้านยูโร)
มิดฟิลด์ชาวบราซิลต้องใช้เวลาปรับตัวกับฟุตบอลอังกฤษอย่างหนักในช่วงแรก จนทำให้กว่าที่เขาจะได้โอกาสลงเล่นในพรีเมียร์ลีกครั้งแรก ก็ต้องรอมาถึงเดือนตุลาคม
ทว่าหลังจากจูนเครื่องติดแล้ว ดาวเตะวัยเบญจเพสก็กลายเป็นกองกลางตัวรับคนสำคัญของหงส์แดงแบบเต็มตัว แม้จะมีบางเกมที่โดนถอยไปเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟจำเป็น แต่ก็ยังทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้ตำแหน่งหลัก
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเบื้องหลังเกมรับอันเหนียวแน่นของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากมี ฟาบินโญ คอยดูแลปัดกวาดอยู่เบื้องหลังนั่นเอง
Michael Regan12ราอูล ฮิเมเนซ (เบนฟิก้า ไป วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส - 34.5 ล้านยูโร)
ดาวยิงชาวเม็กซิกันงัดฟอร์มที่เรียกว่าอาจจะดีที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ ออกมาโชว์ให้เห็นในอังกฤษ ด้วยการกดไปถึง 13 ประตู จากการลงเล่นครบทั้ง 38 เกมในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
การที่ทัพหมาป่ากลายเป็นม้ามืดตัวแสบทีมใหญ่ ส่วนหนึ่งก็มาจากฟอร์มสุดเฉียบของหัวหอกวัย 28 ปี ด้วยการยิงใส่ทีมดังอย่างท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์และเชลซีได้ทั้ง 2 นัด รวมถึงพังประตูในเกมเขี่ยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตกรอบ 8 ทีมเอฟเอคัพได้อีกด้วย
ด้วยฟอร์มยอดเยี่ยมดังกล่าวนี้ ทำให้จากที่ตอนแรกวูล์ฟส์แค่ยืมตัวเขามาจากเบนฟิก้า ต้องตัดสินใจทุบสถิติค่าตัวสโมสรทุ่มซื้อมาเสริมทัพแบบถาวร พร้อมจับเซ็นสัญญาถึง 4 ปี

11ปาโก้ อัลกาเซร์ (บาร์เซโลนา ไป โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ - 21 ล้านยูโร)
ดาวยิงชาวสเปนกลายเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ของบุนเดสลีกา ที่สร้างสถิติลงสนามเป็นตัวสำรองแล้วยิงได้ถึง 10 ประตูภายในฤดูกาลเดียว ซึ่งเขาทำสถิตินี้ได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม
นอกจากนี้ ผลงาน 18 ประตูในบุนเดสลีกาฤดูกาลนี้ของเขานั้น ยังคิดเป็นค่าเฉลี่ยได้ว่าเขาจะยิงประตูทุก ๆ 66 นาทีอีกด้วย
ขณะเดียวกัน เสือเหลืองซึ่งทีแรกนั้นตั้งใจจะยืมตัว อัลกาเซร์ มาจากบาร์เซโลนาเพียงแค่ช่วงจบฤดูกาลนี้ ก็ตัดสินใจซื้อขาดมาร่วมทีมแบบถาวรไปตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
Getty10นิโกลา ซานิโอโล (อินเตอร์ ไป โรมา - ฟรี + แลกตัว รัดยา นาอิงโกลัน)
การซื้อตัว รัดยา นาอิงโกลัน ในช่วงซัมเมอร์ปีก่อน กลายเป็นความผิดพลาดของอินเตอร์ที่กลับต้องปล่อยให้ นิโกลา ซานิโอโล สลับตัวไปให้กับโรมาแบบไม่ได้เงินแม้แต่ยูโรเดียว
เนรัซซูรีตัดสินใจจ่ายเงิน 24 ล้านยูโรเพื่อดึงตัวดาวเตะที่วัยล่วงเลยเข้าเลขสาม พร้อมกับส่งดาวรุ่งที่วัยยังไม่บรรลุนิติภาวะสลับตัวมาให้กับจัลโลรอสซีแบบฟรี ๆ
จริงอยู่ว่า นาอิงโกลัน จะสามารถก้าวมาเป็นตัวหลักของงูใหญ่ได้ทันที แต่ด้วยวัยถึง 31 ปี อายุการใช้งานของเขานั้นเหลือไม่มากแล้ว เมื่อเทียบกับหมาป่าแห่งกรุงโรมที่ได้เพชรเม็ดงามวัยแค่ 19 ปีไปใช้งานแบบสุดคุ้ม
ซานิโอโล ก้าวมาเป็นกำลังสำคัญในแนวรุกของโรมาในฤดูกาลนี้ จนสามารถก้าวไปติดทีมชาติอิตาลีชุดใหญ่ได้แล้วด้วยเมื่อเดือนมีนาคม
Getty9ดูวาน ซาปาต้า (ซามพ์โดเรีย ไป อตาลันต้า - ยืมตัว)
ดาวยิงชาวโคลอมเบียกดไปถึง 22 ประตู ในกัลโช เซเรีย อาฤดูกาลนี้ รั้งตำแหน่งรองดาวซัลโวโดยเป็นรองเพียงแค่จอมเก๋าอย่าง ฟาบิโอ กวายาเรลลา (26 ประะตู) คนเดียวเท่านั้น และแน่นอนว่าเหนือกว่าซูเปอร์สตาร์อย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ (21 ประตู)
ฟอร์มอันร้อนแรงของกองหน้าวัย 28 ปีรายนี้ ช่วยให้อตาลันต้ายังเกาะกลุ่มท็อปโฟร์ซึ่งพื้นที่โควตายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการนำหน้ายักษ์ใหญ่อย่างเอซี มิลานและโรมา 3 แต้ม
แม้ว่า ซาปาต้า จะยังต้องลงเล่นให้อตาลันต้าภายใต้สัญญายืมตัวจากซามพ์โดเรียต่อไปในฤดูกาลหน้า แต่เขาก็ตกเป็นข่าวลือว่ามีทั้งทีมในอังกฤษและอิตาลีสนใจดึงตัวไปเสริมทัพอยู่ด้วย
Getty Images8ลูคัส ตอร์เรรา (ซามพ์โดเรีย ไป อาร์เซนอล - 31.1 ล้านยูโร)
หลังจากโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมกับทีมชาติอุรุกวัยในฟุตบอลโลก 2018 ตอร์เรรา จึงกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่เฮดโค้ชคนใหม่ของอาร์เซนอลอย่าง อูไน เอเมรี คว้าตัวมาเสริมทัพ
กองกลางวัย 23 ปี กลายมาเป็นขวัญใจคนใหม่ของเหล่ากูนเนอร์สอย่างรวดเร็ว ด้วยสไตล์การเล่นเป็นจอมบู๊จอมขยัน วิ่งไล่บอลไม่มีหมด แม้จะสูงไม่ถึง 170 เซนติเมตรก็ตาม
นอกจากนี้ ตอร์เรรา ยังทำได้ 2 ประตูในฤดูกาลนี้ โดยหนึ่งในนั้นคือการยิงใส่คู่ปรับร่วมย่านลอนดอนเหนืออย่างท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์อีกด้วย
Getty7อักเซล วิตเซล (เทียนจิน ฉวนเจี้ยน ไป โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ - 20 ล้านยูโร)
แม้ว่าจะเพิ่งคว้าอันดับ 3 ในฟุตบอลโลก 2018 ร่วมกับทีมชาติเบลเยียม แต่ก็ยังมีข้อสงสัยอยู่บ้างว่านักเตะที่ไม่เคยสัมผัสลีกใหญ่ของยุโรปมาก่อน จะทำได้ดีแค่ไหนกับการลงเล่นในบุนเดสลีกา
อย่างไรก็ตาม วิตเซล ตอบข้อสงสัยเหล่านั้น ด้วยการยิงประตู 2 ประตู จาก 2 นัดแรกที่ลงเล่นได้ทันที ทั้งในถ้วยเดเอฟเบ โพคาลและบุนเดสลีกา
แม้ว่าหลังจากนั้น ดาวเตะวัย 30 ปีจะยิงเพิ่มได้อีกเพียงแค่ 4 ลูก แต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือการเป็นเสาหลักในแดนกลางของเสือเหลือง ซึ่งยังมีลุ้นแย่งแชมป์บุนเดสลีกากับบาเยิร์น มิวนิคจนถึงนัดสุดท้าย
Getty Images6ไฆเม มาต้า (เรอัล บายาโดลิด ไป เกตาเฟ - ฟรี)
ผลงานสุดเซอร์ไพรส์ของเกตาเฟที่เกาะกลุ่มท็อปโฟร์ของลาลีกาในฤดูกาลนี้ เบื้องหลังส่วนหนึ่งก็มาจากฟอร์มอันยอดเยี่ยมของดาวยิงวัย 30 ปี
เกตาเฟได้ตัว มาต้า มาร่วมทีมแบบฟรีๆ หลังประทับใจฟอร์มสุดร้อนแรงกับเรอัล บายาโดลิดเมื่อฤดูกาลก่อนที่กดไปถึง 39 ประตู เท่ากับจำนวนนัดที่ลงเล่น จนพาอดีตต้นสังกัดเลื่อนชั้นสู่ลาลีกา
ขณะที่ในฤดูกาลนี้ มาต้า ก็ยิงไปแล้วถึง 17 ประตู จาก 33 นัด โดยช่วงที่เขาฟอร์มร้อนแรงที่สุดเกิดขึ้นระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม ซึ่งเขากดไปถึง 7 ประตู จากการลงเล่นเพียงแค่ 5 นัด
Getty Images5คริสตอฟ ปิออนเท็ค (คราโคเวีย คราคอฟ ไป เจนัว - 4.5 ล้านยูโร)
ศูนย์หน้าโนเนมถูกเจนัวดึงตัวมาจากทีมในโปแลนด์อย่างคราโคเวีย คราคอฟ ด้วยค่าตัวเพียงแค่ 4.5 ล้านยูโรเท่านั้น
ทว่าดาวยิงวัย 23 ปี กลับสามารถแจ้งเกิดได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการยิงไปถึง 19 ประตู จากการลงเล่นเพียงแค่ 21 นัด จนถูกเอซี มิลานกระชากไปเสริมทัพด้วยค่าตัวถึง 35.7 ล้านยูโรในช่วงตลาดเดือนมกราคม
การย้ายมาค้าแข้งในถิ่นซานซีโร ไม่ได้ฟอร์มอันร้อนแรงของ ปิออนเท็ค ดร็อปลงแต่อย่างใด ด้วยการยิงไปถึง 10 ประตู จากการลงเล่นให้ปีศาจแดงเพียงแค่ 19 นัด
Getty Images4อาร์ตูร์ (เกรมิโอ ไป บาร์เซโลนา - 31 ล้านยูโร)
การอำลาทีมไปของ อันเดรส อิเนียสต้า ทำให้บาร์ซาต้องไปคว้าตัวกองกลางชาวบราซิลมาอุดช่องโหว่และสวมเสื้อหมายเลข 8 ทดแทน
มิดฟิลด์วัย 22 ปี ก้าวมาเป็นกำลังสำคัญในถิ่นคัมป์นูได้ทันทีตั้งแต่ฤดูกาลแรก แม้จะยังทำประตูไม่ได้เลย จากการลงเล่นไปถึง 43 นัดก็ตาม
การที่ยังทำประตูไม่ได้ ทำให้มีบางช่วงที่ อาร์ตูร์ ต้องหลุดไปนั่งสำรองบ้าง แต่หากทีมต้องการความสมดุลในแดนกลาง เขาก็ยังตัวเลือกที่ดีเสมอ
Getty Images3คริสเตียโน โรนัลโด้ (เรอัล มาดริด ไป ยูเวนตุส - 100 ล้านยูโร)
ซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุกีสเข้ามาเป็นส่วนเติมเต็มที่ช่วยพายูเวนตุสคว้าแชมป์กัลโช เซเรีย อา 8 สมัยติดต่อกัน
ซีอาร์เซเว่นกดไปแล้วถึง 21 ประตู จากการลงเล่น 30 นัดในกัลโช เซเรีย อาฤดูกาลนี้ นอกจากนี้ม้าลายยังแพ้ไปเพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น เมื่อมีเขาอยู่ในสนาม
ขณะที่ในถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แม้ว่าจะต้องตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยการแพ้อาแย็กซ์ อัมเตอร์ดัม แต่การระเบิดฟอร์มกดแฮตทริคในเกมรอบ 16 ทีมนัดสองกับแอตเลติโก มาดริด ก็ถือเป็นความทรงจำที่ดีของเขาในฤดูกาลนี้
Getty2ดูซาน ทาดิช (เซาแธมป์ตัน ไป อาแย็กซ์ อัมสเตอร์ดัม - 11.4 ล้านยูโร)
จากนักเตะในทีมระดับกลางของพรีเมียร์ลีกอย่างเซาแธมป์ตัน ทาดิช ยกระดับมาเป็นหนึ่งในดาวดังประจำฤดูกาลนี้ ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมเกินคาดกับอาแย็กซ์ อัมสเตอร์ดัม
ใครจะเชื่อว่านักเตะที่วัยเข้าสู่เลขสามแล้วอย่างเขา จะกลายเป็นกุญแจสำคัญในการพาอาแย็กซ์ทะลุไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
แนวรุกชาวเซอร์เบียกดไปแล้ว 36 ประตูในฤดูกาลนี้ ซึ่งแม้จะชวดเข้ารอบชิงชนะเลิศในถ้วยยุโรป แต่อาแย็กซ์ก็จ่อจะคว้าดับเบิ้ลแชมป์ของเนเธอร์แลนด์อยู่ในเวลานี้
แน่นอนว่าเกมแห่งความทรงจำของ ทาดิช นั่นคือการฉายแสงเหนือบรรดาดาวดังของเรอัล มาดริดในซานติอาโก้ เบร์นาเบว จนไม่น่าเชื่อทัพนักบุญแห่งแดนผู้ดีปล่อยนักเตะฝีเท้าฉกาจอย่างเขาหลุดมือมาได้อย่างไร
Getty Images1อลิสสัน (โรมา ไป ลิเวอร์พูล - 75 ล้านยูโร)
ด้วยฟอร์มที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ของสองผู้รักษาประตูอย่าง ซิมง มิโญเลต์ และ ลอริส คาริอุส ทำให้ลิเวอร์พูลต้องเลือกทุ่มเงินเป็นสถิติโลกของตำแหน่งนี้ (ณ ช่วงเวลาที่ปิดดีล) ในการคว้าตัวนายด่านของโรมามาเฝ้าเสา
การทุ่มเงินของหงส์แดงกลายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เมื่อปัญหาในเกมรับนั้นลดน้อยลงไปอย่างชัดเจน การันตีได้จากการคว้ารางวัลถุงมือทองคำของมือกาวรายนี้ ที่เก็บคลีนชีตในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ได้มากที่สุดถึง 21 นัด
นอกจากนี้ เขายังเสียไปเพียงแค่ 22 ประตูเท่านั้น จากการลงเล่นครบทั้ง 38 นัด รวมถึงลิเวอร์พูลยังเป็นรองแชมป์ที่เก็บแต้มได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกถึง 97 คะแนน และยังแพ้ไปเพียงแค่นัดเดียวด้วย
โฆษณา