Pep Guardiola Didier Drogba Zinedine ZidaneGetty/Goal

RANK IT UP : ส่องเรตติ้ง 14 ไอคอนหน้าใหม่ใน FIFA20

  • ZidaneGetty

    1ซีเนดีน ซีดาน – ฝรั่งเศส – ค่าพลัง FUT Icon 91 | 96 | 94

    อดีตดาวเตะเฟร้นช์แมนผู้มีท่าเอกลักษณ์อย่าง 'ซีดาน เทิร์น' คือหนึ่งในนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของโลกทั้งกับสโมสรและทีมชาติ รวมถึงรางวัลส่วนตัวอีกนับไม่ถ้วน 

    ลูกโหม่ง 2 ลูก พาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1998 และประตูชัยในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกปี 2002 ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของแฟนบอลได้เป็นอย่างดี 

    นอกจากทัพตราไก่แลัว ซีดานยังถือเป็นตำนานของทั้งยูเวนตุสและเรอัล มาดริด สโมสรที่เขากลับมาคุมทีมเป็นคำรบที่ 2 หลังรอบแรกพาโลส บลังโกสคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ถึง 3 ฤดูกาลติดต่อกัน

  • โฆษณา
  • Guardiola Arsenal Barcelona 092999Getty Images

    2เป๊ป กวาร์ดิโอลา – สเปน – ค่าพลัง FUT Icon 90 | 87 | 85

    สมัยที่ยังค้าแข้งอยู่ ดาวเตะสแปนิชรายนี้คือกองกลางพรสวรรค์จากรั้วลา มาเซียที่เป็นกำลังหลักของเจ้าบุญทุ่มนับ 10 ปี และพาทีมประสบความสำเร็จมากมาย

    หลังแขวนสตั๊ด เขาก็ยกระดับตัวเองขึ้นไปเป็นหนึ่งในยอดโค้ชที่พาสโมสรบาร์เซโลนา, บาเยิร์น มิวนิค และแมนเชสเตอร์ ซิตี้กวาดแชมป์มานับไม่ถ้วนในฟุตบอลยุคปัจจุบัน

    ด้วยแทคติกอันเป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำตัวอย่าง 'ติกิ ตากา' เน้นจ่ายบอลหาช่องเข้าทำ ที่ตอนนี้เชื่อเหลือเกินว่าแทบไม่มีแฟนบอลคนไหนไม่รู้จัก

  • Ronald_KoemanGetty Images

    3โรนัลด์ คูมัน – เนเธอร์แลนด์ – ค่าพลัง FUT Icon 88 | 91 | 85

    อดีตกองหลังดัตช์แมนผู้มีเอกลักษณ์จากการเล่นลูกตั้งเตะ ประตูที่เป็นที่จดจำมากที่สุดก็คือลูกยิงฟรีคิกแบบชิพง่าย ๆ ข้ามกำแพงเขี่ยทีมชาติอังกฤษตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกปี 1994 

    รวมถึงลูกยิงฟรีคิกใส่ซามพ์โดเรียในนาทีที่ 112 พาบาร์เซโลนาคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพสมัยแรกได้สำเร็จเมื่อฤดูกาล 1991/1992 ก็ยังตราตรึงอยู่ในใจแฟนบอลอาซูลกรานา

    หลังแขวนสตั๊ด เขาก็ผันตัวเองมาเป็นผู้จัดการทีมเหมือนกับนักเตะชื่อดังอีกหลาย ๆ ราย และผ่านการคุมทีมดังมาแล้วอย่างอาแย็กซ์, เบนฟิก้า, พีเอสวี, บาเลนเซีย, เซาแธมป์ตัน, เอฟเวอร์ตัน และทีมชาติเนเธอร์แลนด์อยู่ในขณะนี้

  • Michael Essien ChelseaGetty Images

    4มิชาเอล เอสเซียง – กานา – ค่าพลัง FUT Icon 85 | 90 | 87

    กองกลางจอมเก๋าวัย 36 ปี ที่ยังค้าแข้งกับซาเบล เอฟเค ทีมในลีกอาเซอร์ไบจานอยู่ในขณะนี้ คืออดีตคนสำคัญที่เชลซีจะขาดไม่ได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

    เขาคือดาวรุ่งพุ่งแรงมากที่สุดคนหนึ่งของยุโรปสมัยที่ยังค้าแข้งอยู่กับโอลิมปิก ลียง ในฝรั่งเศส ก่อนจะถูกสิงห์บลูดึงตัวมาร่วมทีมในปี 2005 ด้วยค่าตัว 24.4 ล้านปอนด์

    ผลงานการลงสนาม 256 นัด ทำได้ 25 ประตู 18 แอสซิสต์ กับสิงโตน้ำเงินคราม พร้อมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, เอฟเอคัพ 4 สมัย, ลีกคัพและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอีกอย่างละ 1 สมัย สามารถบอกได้ถึงความสุดยอดของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี

  • Gianluca ZambrottaGetty

    5จานลูก้า ซามบร็อตต้า – อิตาลี – ค่าพลัง FUT Icon 89 | 86 | 87

    อดีตฟูลแบ็คผู้เล่นได้ทั้งฝั่งซ้ายและขวา คือหนึ่งในขุนพลทีมชาติอิตาลีชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2006 

    ในนามสโมสรเองเขาก็เป็นกำลังสำคัญของยูเวนตุส ที่พาทีมคว้าแชมป์กัลโช เซเรีย อา ได้ 2 สมัย ก่อนจะย้ายไปค้าแข้งกับบาร์เซโลนาและกลับมาอิตาลีอีกครั้งในช่วงปลายอาชีพค้าแข้งกับเอซี มิลาน พร้อมช่วยทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้อีก 1 สมัยด้วย

    หลังแขวนสตั๊ด เขาก็ได้ผันตัวเองมารับงานโค้ชกับชิอัสโซ (ช่วงแรกเป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีม), เดลี ไดนาโมส์ และผู้ช่วยผู้จัดการทีมเจียงซู ซูหนิงเป็นระยะเวลาสั้น ๆ

  • Kenny Dalglish LiverpoolGetty Images

    6เคนนี ดัลกลิช – สก็อตแลนด์ – ค่าพลัง FUT Icon 87 | 92 | 90

    'คิง เคนนี' คืออดีตกองหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งเท่าที่สก็อตแลนด์เคยมีมา เขาประสบความสำเร็จอย่างสูงกับทั้งเซลติค, ลิเวอร์พูล และทีมชาติ

    โดยเฉพาะกับหงส์แดงที่เหล่าเดอะ ค็อปยกให้เป็นทั้งตำนานนักเตะและผู้จัดการทีมระดับต้น ๆ ของสโมสร เพราะเขาพาทีมกวาดแชมป์มานับไม่ถ้วน

    และเขาคนนี้นี่แหละที่เป็นคนดึง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมคนปัจจุบันมายังถิ่นแอนฟิลด์เมื่อปี 2011 จากซันเดอร์แลนด์

  • johnbarnesgetty

    7จอห์น บาร์นส์ – อังกฤษ – ค่าพลัง FUT Icon 89 | 87 | 86

    อดีตปีกซ้ายความเร็วสูงมักจะถูกจดจำในฐานะนักเตะมักจะมีอาการบาดเจ็บรบกวน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขามีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมกับทั้งวัตฟอร์ดและลิเวอร์พูล

    โดยเฉพาะกับหงส์แดงที่เขาฝากผลงาน 104 ประตู 65 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 376 นัด พาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดกับเอฟเอคัพอย่างละ 2 สมัย รวมถึงลีกคัพอีก 1 สมัย

    นอกจากนี้เขายังมีชื่อเข้าหอเกียรติยศของฟุตบอลอังกฤษเมื่อปี 2005 อีกด้วย

  • Ian Wright Arsenal 1993Getty

    8เอียน ไรท์ – อังกฤษ – ค่าพลัง FUT Icon 85 | 89 | 87

    ตำนานดาวยิงสูงสุดตลอดกาลอันดับ 2 ของอาร์เซนอลรายนี้ คือนักเตะที่มีสัญชาตญาณการทำประตูอย่างเต็มเปี่ยม 

    ใครจะไปเชื่อว่าเด็กหนุ่มจากลอนดอนผู้ที่เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งในวัย 22 ปี ซึ่งช้ากว่านักเตะทั่วไป จะกลายมาเป็นหนึ่งในตำนานของเดอะ กันเนอร์สได้ แต่เขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าตัวเขายอดเยี่ยมขนาดไหน หลังพาต้นสังกัดประสบความสำเร็จทั้งในระดับประเทศและระดับทวีป

    และเช่นเดียวกับบาร์นส์ เขาก็มีชื่อเข้าหอเกียรติยศของฟุตบอลอังกฤษเมื่อปี 2005 ด้วยเหมือนกัน

  • Ian Rush | Liverpool | 20 March 1993Getty

    9เอียน รัช – เวลส์ – ค่าพลัง FUT Icon 87 | 91 | 89

    ไม่มีอะไรต้องสงสัยอีกแล้วสำหรับอดีตกองหน้าจอมถล่มประตูจากเวลส์รายนี้ และมันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเลยหากแฟนบอลลิเวอร์พูลหลายรายจะมีเขาเป็นไอดอล เพราะผลงานที่ฝากไว้ตลอดอาชีพค้าแข้งแสดงถึงความยอดเยี่ยมของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี

    ดาวยิงสูงสุดตลอดกาล พ่วงด้วยนักเตะที่ลงสนามมากที่สุดอันดับ 6 ให้หงส์แดง คือนักเตะที่พาสโมสรคว้าแชมป์ลีกสูงสุดกับลีกคัพอย่างละ 5 สมัย, เอฟเอคัพ 3 สมัย และยูโรเปี้ยนคัพอีก 2 สมัย

    ในด้านรางวัลส่วนตัว เขาก็ได้รับรางวัลรองเท้าทองคำของทวีปยุโรปและนักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษมาครองได้ในวัยเพียง 23 ปี 

  • Hugo SánchezReal Madrid

    10ฮูโก้ ซานเชซ – เม็กซิโก – ค่าพลัง FUT Icon 89 | 92 | 87

    นี่คือหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดคนหนึ่งที่เรอัล มาดริดเคยมีมา ระยะเวลาเพียง 7 ปีในซานติอาโก้ เบร์นาเบว ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาถล่มประตูคู่แข่งกระจายจนขึ้นไปเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดการอันดับ 7 ของสโมสร

    ผลงาน 208 ประตู จาก 282 นัด (เฉลี่ยนัดละ 0.74 ประตู) คือสถิติอันยอดเยี่ยม ที่มีเพียงคริสเตียโน โรนัลโด้ (1.03 ประตู), อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน (0.78 ประตู) และเฟเรนซ์ ปุสกัส (0.92 ประตู) ที่ทำได้ดีกว่าเขา

    นอกจากนี้ผลจากการยิงเป็นกอบเป็นกำที่คงเส้นคงวาทำให้เขาครองตำแหน่งดาวซัลโวลาลีกา 5 ฤดูกาลติดต่อกัน และได้รับรางวัลรองเท้าทองคำเมื่อปี 1990

  • Garrincha BrazilGetty Images

    11การ์รินชา – บราซิล – ค่าพลัง FUT Icon 94 | 90 | 92

    อดีตปีกระดับตำนานยุคเดียวกับเปเล ผู้มีส่วนสำคัญในการพาทีมชาติบราซิลคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1958 และ 1962 

    ทัพเซเลเซามีสถิติที่น่าสนใจคือพวกเขาไม่เคยแพ้คู่แข่งเลยยาม 'เจ้านกน้อย' ลงเล่นร่วมกับ 'ไข่มุกดำ' ในสนาม

    แต่น่าเสียดายที่ชีวิตนอกสนามของเขาไม่ได้ดีเหมือนผลงานในสนามเลย เนื่องจากเขามีปัญหาติดสุราเรื้อรัง ก่อนจะเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 49 ปี จากโรคตับแข็ง

  • Didier Drogba Chelsea 2011-12Getty Images

    12ดิดิเยร์ ดร็อกบา – ไอวอรี โคสต์ – ค่าพลัง FUT Icon 87 | 91 | 89

    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอดีตกองหน้าทีมชาติไอวอรี โคสต์รายนี้คือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของทวีปแอฟริกาและสโมสรเชลซี

    ตลอดเวลาในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เขาถล่มประตูคู่แข่งเป็นกอบเป็นกำถึง 164 ประตู ขึ้นแท่นเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลอันดับ 4 และทำสถิติยิงประตูมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลเดียวให้สโมสรด้วยจำนวน 29 ประตู เมื่อฤดูกาล 2009/2010

    ผลงานที่ยังคงตราตรึงแฟนบอลสิงห์บลูอยู่ก็คือในฤดูกาลสุดท้าย (หนแรก) เจ้าตัวยิงตีเสมอบาเยิร์น มิวนิคในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยส์ลีก ก่อนยิงลูกสุดท้ายในการดวลจุดโทษ พาต้นสังกัดคว้าแชมป์สมัยแรกได้สำเร็จ

  • Carlos Alberto Torres  -SantosReprodução

    13คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ตอร์เรส – บราซิล – ค่าพลัง FUT Icon 90 | 93 | 87

    อดีตแบ็คขวาจอมบุกรายนี้ได้ลงเล่นเคียงข้างเปเล่ทั้งกับซานโตสและทีมชาติบราซิล เขาคือผู้ที่วางกรอบให้แก่ฟูลแบ็คยุคใหม่

    ประตูที่เป็นที่จดจำมากที่สุดคงหนีไม่พ้นลูกที่เจ้าตัววิ่งมากระโดดซัดเต็มข้อในเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 1970 ที่พาทัพเซเลเซาคว้าแชมป์สมัยที่ 3 มาครอง

    นอกจากนี้เขายังมีชื่ออยู่ในพิพิธภัณฑ์หอเกียรติยศฟุตบอลบราซิลอีกด้วย ก่อนจะจากโลกนี้ไปในวัย 72 ปี ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา

  • Andrea Pirlo Juventus Champions LeagueGetty Images

    14อันเดร ปีร์โล – อิตาลี – ค่าพลัง FUT Icon 90 | 92 | 88

    หนึ่งในกองกลางมากความสามารถผู้ปิดทองหลังพระให้กับทีมดังมาแล้วมากมายโดยเฉพาะกับเอซี มิลาน, ยูเวนตุส รวมถึงทีมชาติอิตาลี

    ด้วยทักษะการจ่ายบอลแบบหาใครเทียบได้และการยิงจุดโทษแบบปาเนนก้า ทำให้เขาถูกยกให้เป็น 'เรจิสต้า' (เพลย์เมกเกอร์ที่ยืนอยู่หน้ากองหลัง) ที่เก่งอันดับต้น ๆ ของโลก 

    ถึงจะเข้าช่วงปลายอาชีพค้าแข้งแต่ความสามารถของเขาก็ไม่ได้ลดลงไปมากนัก เพราะเขาถือเป็นกำลังสำคัญที่พาเบียงโคเนรีคว้าแชมป์กัลโช เซเรีย อา ได้ถึง 4 สมัยติดต่อกัน