Paul Pogba Robert Lewandowski Juventus BayernGetty/Goal

RANK IT UP : ของดีไม่มีค่าตัว! 15 ดีลย้ายฟรีแห่งทศวรรษ

  • Zlatan Ibrahimovic Manchester United 2017Getty Images

    ซลาตัน ฮิบราฮิโมวิช - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

    หลังประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ถึง 12 รายการกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ดาวยิงสัญชาติสวีเดนก็ตัดสินใจโยกมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2016

    อิบราฮิโมวิช ยิงได้ 28 ประตูรวมทุกถ้วยในฤดูกาลแรก พร้อมพาปีศาจแดงคว้าแชมป์ลีกคัพและยูโรป้าลีก ซึ่งทำให้ได้โควตากลับไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีกครั้ง แม้จะต้องโชคร้ายบาดเจ็บหนักในช่วงท้ายซีซั่น

    เขากลับมาลงเล่นให้ยูไนเต็ดได้อีก 7 เกม พร้อมยิงได้ 1 ประตูในถ้วยลีกคัพ ก่อนจะตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ แอลเอ แกแล็คซี ในช่วงเดือนมีนาคมปี 2018

  • โฆษณา
  • Miroslav Klose Lazio 25022016Getty Images

    มิโรสลาฟ โคลเซ - ลาซิโอ

    หลังตกเป็นตัวสำรองในฤดูกาลสุดท้ายกับ บาเยิร์น มิวนิค ทำให้เมื่อหมดสัญญาในปี 2011 จึงตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ ลาซิโอ

    แม้วัยจะล่วงเลยเข้าสู่เลขสาม แต่กองหน้าเจ้าเวหายังทำไปได้ถึง 63 ประตู จากการลงเล่นทั้งหมด 171 เกม ทำสถิติเป็นแข้งต่างชาติที่ยิงได้มากสุดอันดับ 2 ของสโมสรด้วย

    นอกจากนี้ โคลเซ ยังเป็นขุนพลสำคัญที่ช่วยพาอินทรีฟ้าขาวผงาดคว้าแชมป์โคปปา อิตาเลียเมื่อปี 2013 ก่อนจะตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 2016

  • Teemu Pukki Norwich City 2019-20Getty

    ตีมู ปุกกี้ - นอริช ซิตี้

    กองหน้าชาวฟินแลนด์ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับ บรอนด์บี้ ทีมในเดนมาร์ก เพื่อเลือกย้ายมาลงเล่นในระดับอีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพให้กับนกขมิ้นเหลืองอ่อน

    เพียงแค่ฤดูกาลแรก ปุกกี้ ก็จัดการระเบิดฟอร์มซัดไปถึง 30 ประตูรวมทุกถ้วย พานอริชเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง แถมยังเป็นในฐานะแชมป์ของอีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพอีกด้วย

    เมื่อต้องขึ้นมาเล่นในระดับพรีเมียร์ลีก ดาวยิงวัย 29 ปี ก็ยังคงทำผลงานได้ดี ด้วยการกดไป 9 ประตูแล้วในฤดูกาลนี้

  • Mathieu Flamini ArsenalGetty Images

    มาติเยอ ฟลามินี - อาร์เซนอล

    มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสเคยอยู่กับอาร์เซนอลรอบแรกช่วงปี 2004-2008 ก่อนจะตัดสินใจย้ายไปอยู่กับเอซี มิลาน กระทั่งตัดสินใจย้ายกลับมาค้าแข้งในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมอีกครั้งแบบไร้ค่าตัวในปี 2013

    ฟลามินี ลงเล่นให้ทัพปืนโตรอบสองไปทั้งหมด 93 เกม และยิงไปได้ 5 ประตู พร้อมคว้าแชมป์เอฟเอคัพสองสมัยติดต่อกันในปี 2014 และ 2015 รวมถึงแชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์ในปี 2014 อีกด้วย

    เขาอยู่กับเดอะ กันเนอร์ส จนถึงปี 2016 ก่อนจะย้ายไปอยู่กับทีมร่วมกรุงลอนดอนอย่าง คริสตัล พาเลซ

  • Sami Khedira Juventus 2018-19Getty Images

    ซามิ เคดิรา - ยูเวนตุส

    หลังหมดสัญญากับเรอัล มาดริดในปี 2015 เคดิรา ก็ตัดสินใจโยกมาค้าแข้งในเซเรีย อากับ ยูเวนตุส

    แม้จะยังมีปัญหาบาดเจ็บรบกวนอยู่บ้าง แต่เมื่อมิดฟิลด์ชาวเยอรมันฟิตสมบูรณ์เขาก็คือตัวหลักของสโมสร พร้อมเป็นขุนพลสำคัญที่พาม้าลายคว้าถ้วยสคูเด็ดโต้ 4 สมัยล่าสุด

    เคดิรา โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในฤดูกาล 2017-2018 ซึ่งเขายิงไปได้ถึง 9 ประตู ซึ่งเท่ากับจำนวนทั้งหมดที่ทำได้สมัยอยู่กับราชันชุดชาวเลยด้วย

  • Jesus Navas Sevilla interview GoalTomás Quifes | Goal

    เฆซุส นาบาส - เซบีญา

    การกลับมาอยู่กับเซบีญาอีกครั้งในปี 2017 ดูเผิน ๆ ก็เหมือนเป็นการเลือกมาปิดฉากชีวิตค้าแข้งกับทีมรักของตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่า นาบาส สามารถกลับมาเฉิดฉายได้อีกครั้ง

    นาบาส ในวัยเข้าเลขสาม ผันตัวเองจากปีกขวา ถอยลงมาเล่นเป็นแบ็คขวา พร้อมได้สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมในถิ่นรามอน ซานเชซ ปิซฆวนอีกด้วย

    นอกจากนี้ เขายังก้าวไปติดทีมชาติสเปนอีกครั้งเมื่อเดือนมีนาคมในปี 2019 หลังจากหลุดโผไปนานตั้งแต่ปี 2014

  • Santi Cazorla Villarreal 2018-19Getty Images

    ซานติ กาซอร์ลา - บียาร์เรอัล

    กาซอร์ลา บาดเจ็บหนักตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมในปี 2016 ซึ่งถึงนาดต้องตัดก้อนเนื้อบริเวณข้อเท้าขวาที่เสียไป และเฉือนก้อนเนื้อที่แขนซ้าย ซึ่งมีรอยสักชื่อลูกสาวของเขาด้วย มาแปะใส่แทนที่เลยทีเดียว

    เขาไม่ได้ลงเล่นให้ทัพปืนโตอีกเลยจนกระทั่งหมดสัญญาในปี 2018 ก็จะตัดสินใจโยกมาอยู่กับบียาร์เรอัลอีกครั้ง

    มิดฟิลด์ชาวสเปนโชว์ให้เห็นถึงความเป็นนักสู้ใจแกร่ง กลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีอีกครั้งเหมือนไม่เคยผ่านการบาดเจ็บหนักมาก่อน จนถึงขั้นได้โอกาสกลับไปติดทีมชาติอีกครั้งเมื่อเดือนมิถุนายนในปี 2019 หลังหายหน้าไปนานตั้งแต่ปี 2015

  • Raul Gonzalez Blanco | FC Schalke 04Bongarts

    ราอูล กอนซาเลซ - ชาลเก้ 04

    หลังประสบความสำเร็จมากมายกับต้นสังกัดคู่บุญอย่างเรอัล มาดริด ตำนานกองหน้าชาวสเปนก็ตัดสินใจโยกมาค้าแข้งในบุนเดสลีกากับ ชาลเก้ 04 เมื่อปี 2010

    ราอูล ยิงได้ 40 ประตู จากการลงเล่นให้ราชันสีน้ำเงินไปทั้งหมด 98 นัด พร้อมคว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาล รวมถึงเดเอฟแอล ซูเปอร์คัพไปครองในปี 2011

    แม้จะอยู่กับชาลเก้เพียงแค่สองฤดูกาล ก่อนจะย้ายไปอัล ซาดด์ ทีมในกาตาร์เมื่อปี 2012 แต่ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมก็ทำให้สโมสรเคยถึงขั้นยกเลิกเสื้อหมายเลข 7 ไม่ให้ใครใส่เป็นเวลา 1 ปีมาแล้ว กระทั่งกลับมามอบให้ดาวรุ่งเด็กปั้นในเวลานั้นอย่าง มักซ์ เมเยอร์ ได้รับเกียรติสืบทอดเบอร์ 7 ต่อในปี 2013

  • Dani Alves Juventus

    ดานี อัลเวส - ยูเวนตุส และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

    บาร์เซโลนาเลือกที่จะปล่อยตัว ดานี อัลเวส ออกจากสโมสรในปี 2016 แม้ว่านักเตะยังเหลือสัญญากับสโมสรอีก 1 ปีก็ตาม

    นับเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของบาร์ซาอย่างแท้จริง เพราะพวกเขายังไม่สามารถหาตัวแทนที่เหมาะสมได้เลยมาจนถึงปัจจุบัน ขณะที่แบ็คขวาชาวบราซิลโยกไปอยู่กับยูเวนตุสแบบไร้ค่าตัว

    อัลเวส เป็นกำลังที่ช่วยพาม้าลายคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในอิตาลีอย่างเซเรีย อา กับโคปปา อิตาเลีย รวมถึงได้รองแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 2016-2017

    เบียงโคเนรี ตัดสินใจผิดพลาดเหมือนกับอาซูลกรานา ที่เลือกจะปล่อยให้ อัลเวส ย้ายไปปารีส แซงต์ แชร์กแมงในปี 2017 แบบฟรี ๆ ทั้งที่ยังเหลือในถิ่นอัลลิอันซ์ สเตเดี้ยมอีก 1 ปี

    เขายังโชว์เห็นว่าตัวเองเป็นแบ็คขวาระดับท็อปตลอดสองฤดูกาลที่อยู่กับเปแอสเช กระทั่งในปี 2019 ก็ตัดสินใจกลับไปค้าแข้งในบราซิลกับเซา เปาโล

  • Andre-Pierre Gignac Tigres

    อ็องเดร ปิแอร์ ชีญัค - ติเกรส

    ชีญัค สร้างความประหลาดใจด้วยการเลือกปัดข้อเสนอของหลายทีมในยุโรป เพื่อย้ายไปค้าแข้งกับทีมในเม็กซิโกอย่าง ติเกรส หลังหมดสัญญากับโอลิมปิก มาร์กเซย เมื่อปี 2015

    กระนั้น ดาวยิงชาวฝรั่งเศสกลับสามารถระเบิดฟอร์มสุดยอดออกมาได้ในแดนจังโก้ เมื่อผงาดขึ้นไปรั้งตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสร ด้วยผลงานการซัดไปถึง 116 ประตู จากการลงเล่นทั้งหมด 208 เกม

    นอกจากนี้ ดาวยิงวัย 34 ปี ยังคว้าแชมป์ลีกเม็กซิโกไปแล้วถึง 4 สมัย, แชมป์ซูเปอร์คัพของเม็กซิโก 3 สมัย รวมถึงแชมป์แคมป์โอเนส คัพ (แชมป์ลีกเม็กซิโกเจอกับแชมป์เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์) เมื่อปี 2018 อีกด้วย

  • Joao Miranda Atletico Madrid Eibar La Liga 08302014Getty Images

    เชา มิรานด้า - แอตเลติโก มาดริด

    กองหลังชาวบราซิล เป็นหนึ่งในขุนพลสำคัญที่นำพา แอตเลติโก มาดริด ในยุคของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน ยกระดับขึ้นมาเป็นหนึ่งในยอดทีมของยุโรป

    มิรานด้า ย้ายมาจากเซา เปาโลแบบไม่มีค่าตัวเมื่อปี 2011 ก่อนจะกลายเป็นคู่ขาในแนวรับที่สุดแข็งแกร่งร่วมกับ ดีเอโก้ โกดิน ในชุดประวัติศาสตร์ที่พาตราหมีคว้าแชมป์ลาลีกาในปี 2014

    ในปีเดียวกัน เขายังพาทีมคว้ารองแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกได้อีกด้วย ก่อนจะตัดสินใจย้ายไปอยู่กับอินเตอร์ มิลาน ในปี 2015

  • Paul Pogba JuventusGetty Images

    ปอล ป็อกบา - ยูเวนตุส

    หลังไม่ได้รับโอกาสในทีมชุดใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเท่าที่ควร ป็อกบา จึงตัดสินใจไม่ต่อสัญญาและเลือกย้ายไปอยู่กับยูเวนตุสแบบฟรี ๆ ในปี 2012

    กองกลางชาวฝรั่งเศสพัฒนาตัวเองจนก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับเวิลด์คลาส ด้วยการเป็นขุนพลสำคัญที่พาม้าลายคว้าแชมป์เซเรีย อา 4 สมัย, โคปปา อิตาเลีย 3 สมัย รวมถึงซูเปร์โคปปา อิตาเลีย 2 สมัย

    และเมื่อเขาถูกดึงกลับไปอยู่ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดอีกครั้งในปี 2016 ปีศาจแดงก็ถึงกับต้องทุ่มเงินค่าตัวเป็นสถิติโลกในเวลานั้น 89 ล้านปอนด์ เพื่อกระชากมาจากอ้อมอกของเบียงโคเนรี

  • Andrea Pirlo JuventusGetty Images

    อันเดรีย ปีร์โล

    นับเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของ เอซี มิลาน ที่ตัดสินใจปล่อยให้ อันเดรีย ปีร์โล ย้ายไปอยู่กับยูเวนตุสแบบฟรี ๆ ในปี 2011 

    แม้ว่าวัยจะล่วงเลยเข้าสู่เลขสาม แต่กองกลางจอมคลาสสิคยังคงเป็นรักษาฟอร์มระดับท็อปไว้ได้ตลอดช่วงเวลาที่อยู่กับม้าลาย

    เขาคว้าแชมป์เซเรีย อาเพิ่มได้อีก 4 สมัย, โคปปา อิตาเลีย 1 สมัย และซูเปร์โคปปา อิตาเลีย 2 สมัย ก่อนจะโบกมือลาหลังพาทีมคว้ารองแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2015

  • Robert Lewandowski Bayern Munich 2019-20Getty

    โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ - บาเยิร์น มิวนิค

    เลวานดอฟสกี้ ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และเลือกย้ายไปอยู่กับบาเยิร์น มิวนิค ในปี 2014

    ดาวเตะชาวโปแลนด์ ยังคงเป็นกองหน้าระดับท็อปของบุนเดสลีกา รวมถึงในโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน ด้วยการถล่มประตูให้เสือใต้ไปแล้วถึง 221 ลูก จากการลงเล่นทั้งหมด 267 นัด

    นอกจากนี้ เขายังคว้าแชมป์บุนเดสลีกาไปแล้วถึง 5 สมัยติดต่อกัน รวมทั้งแชมป์เดเอฟเบ โพคาล 2 สมัย และเดเอฟแอล ซูเปอร์คัพอีก 3 สมัย

  • James Milner Liverpool Champions League 2019Getty

    เจมส์ มิลเนอร์ - ลิเวอร์พูล

    มิลเนอร์ ตัดสินใจโยกมาอยู่กับลิเวอร์พูลในปี 2015 หลังหมดสัญญากับแมนเชสเตอร์ ซิตี้

    เขาถือเป็นกำลังสำคัญในยุคของ เยอร์เก้น คล็อปป์ อย่างแท้จริง ด้วยความขยันทุ่มเท รวมถึงความฟิตอันสุดยอดวิ่งไม่มีหมดแรง และยังเล่นได้ทุกตำแหน่งแบบไม่เคยปริปากบ่น

    ปัจจุบันในวัย 33 ปี ก็ยังคงยืนหยัดเล่นได้ระดับท็อปได้อย่างยอดเยี่ยม และมีบทบาทเป็นรองกัปตันทีมต่อจาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน อีกด้วย