HEAD 2 HEAD : เทียบขุมกำลังฟุตบอลประเพณี “จุฬา-ธรรมศาสตร์” ครั้งที่ 72

จุฬาฯ ต้องขาดสองนายด่านตัวหลักอย่าง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ที่เดินทางไปค้าแข้งที่ยุโรป กับ โอเอช ลูเวิน ส่วน รัตนัย ส่องแสงจันทร์ เพิ่งกลับมาเรียกความฟิต จากอาการบาดเจ็บ ทำให้ตำแหน่งผู้รักษาประตู ฝั่งตราพระเกี้ยว ตกมาอยู่ที่ กฤษกร เกิดผล มือกาววัย 33 ปี ที่ผ่านสมรภูมิแห่งนี้มาอย่างโชกโชน ตั้งแต่ปี 2005

ซึ่งจะได้ประชันความหนึบกับ ชนินทร์ แซ่เอี๊ยะ ผู้รักษาประตูจากค่าย ธรรมศาสตร์ ที่งานนี้ แม้ไม่ใช่กวินทร์ แต่ “ชนินทร์ก็จะขอโชว์ว่าบินได้” โดยมี สองนายทวารดาวรุ่ง ทัตพิชา อักษรศรี และ สหวิช ขำเปี่ยม ลูกชายอดีตประตูทีมชาติไทย คอยเป็นตัวซัพพอร์ท

น่าเสียดายที่ จุฬาฯ หมดสิทธิ์ใช้งาน ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายตัวความหวัง ที่ย้ายไปเล่นลีกอาชีพที่ญี่ปุ่น…

แต่อย่างไรก็ดี ในฟุตบอลประเพณีหนนี้ “โย่ง” พรรษา เหมวิบูลย์ แนวรับดีกรีทีมชาติไทย จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในแผงเกมรับให้แก่ จุฬาลงกรณ์ฯ สถาบันลูกหนังที่ปลุกปั้นเขาในฐานะนักเตะอาชีพครั้งแรกกับ จามจุรี ยูไนเต็ด โดยมี อภิวัฒน์ งั่วลำหิน รุ่นพี่ตนเองชื่นชอบเป็นคู่หู

ข้ามฝากที่ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ต้องบอกว่า เกมรับดุดันสุดๆ คงไม่ปล่อยให้ จุฬาฯ ผ่านไปง่ายๆแน่ เพราะได้แนวรับฟอร์มแรงจาก เชียงราย ยูไนเต็ด อย่าง อาทิตย์ ดาวสว่าง มาคอยปัดกวาดแผงหลังร่วมกับ อดิศร พรหมรักษ์ อีกหนึ่งแข้งฝีเท้าดีจาก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

ขยับมาดูแดนกลางของ ตราพระเกี้ยว ต้องบอกว่ามีอาวุธครบมือ ไม่ว่าจะเป็น สายบู๊ ศิวกร จักขุประสาท, ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร หรือสายบุ๋น วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, ศราวุฒิ มาสุข แต่คนที่เป็นคีย์แมนจริงๆ คงต้องยกให้ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ มิดฟิลด์พลังไดนาโมจาก บางกอกกล๊าส เอฟซี ที่พร้อมขับเคลื่อนเกมให้กับ จุฬาฯ แบบ 90 นาทีวิ่งไม่มีหมด

ฟากลูกแม่โดม ของ โค้ชธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ส่งเพื่อนรักเจ้านิว อย่าง “ตัง” สารัช อยู่เย็น มาเป็นตัวชูโรงในตำแหน่งนี้ ที่ต้องบอกว่า ไม่ได้มีแต่แค่หน้าหล่ออย่างเดียว แต่ฟอร์มการเล่นนับ ตั้งแต่หายเจ็บกลับมา ยังเนียนกริ๊บ พร้อมเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ โดยจะผนึกกำลังร่วมสร้างสรรค์เกมกับ ศิวกรณ์ เตียตระกูล, อภิภู สุนทรพนาเวศ ฯลฯ

หัวหอกวัย 33 ปี กลายเป็นสัญลักษณ์ของ จุฬาฯ ไปแล้ว หลังลงรับใช้สถานศึกษา ในการแข่งขันฟุตบอลประเพณีมาอย่างยาวนาน ปีนี้ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย มาด้วยความมุ่งมั่นเกินร้อย พร้อมซัลโวโชว์ท่าเสยผม ทวงคืนแชมป์ที่หายไปกว่า 5 ปี ขนาบข้างด้วย สมปอง สอเหลบ และ เจนรบ สำเภาดี ที่ขออาสาประเคนแอสซิสท์ให้ พี่ซอ

ส่วนฝั่ง ธรรมศาสตร์ ส่งกองหน้ารุ่นน้องฟอร์มเปรี้ยง เจ้าของฉายา “AK9” อดิศักดิ์ ไกรษร มารัวกระสุนพาทีมซิวแชมป์สมัยที่ 3 ติดต่อกัน ร่วมกับเหล่ามือปืนท่าพระจันทร์อย่าง รชานนท์ ศรีนอก, ชนานันท์ ป้อมบุปผา ฯลฯ

เฮดโค้ชชาวไอริช กลายเป็นฝรั่งตาน้ำข้าวคนแรกที่ได้มาคุมทีม ในฟุตบอลประเพณี จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ โดยงานนี้ เฮียสก็อตต์ เข้ามาทำหน้าที่แทน สัจจา ศิริเขตต์ กับภารกิจสำคัญในการ พา จุฬาฯ ที่ขมขื่นใจจากความพ่ายแพ้ในสองครั้งหลังสุด กลับมาผงาดครองแชมป์อีกครั้ง

ขณะที่แชมป์เก่า ยังคงไว้วางใจใช้บริการลูกหม้ออย่าง “โค้ชวัง“ ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ผู้ผ่านฟุตบอลประเพณีมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะจนมาวันที่ได้ทำหน้าที่เฮดโค้ช การันตีฝีมือ ด้วยการพาทีมลูกแม่โดม สยบ ตรากระเกี้ยว ด้วยสกอร์ขาดลอยสุดในประวัติศาสตร์ 5-1

สองมาดามที่เคยจับมือกันพา ทีมชาติไทย ไปแข่งฟุตบอลในรายการต่างๆ ที่ถึงคราต้องหันมาสวมยูนิฟอร์มคนละสี เชียร์รุ่นน้องในบทบาท “แม่ยก”

เริ่มจาก  “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ชื่อนี้ไม่ต้องบรรยายเรื่องใจถึง พึ่งได้ และผ่านประสบการณ์ทำทีมฟุตบอลมาอย่างโชกโชน แถมยังกล้าเปลี่ยนแปลง ด้วยการนำเข้าโค้ชชาวต่างชาติ มาทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนเป็นครั้งแรก สมราคาแม่บุญทุ่มแห่งตราพระเกี้ยว

ถ้าจุฬาฯ มีมาดามแป้ง… ธรรมศาสตร์ ก็คงต้องส่ง “มาดามเดียร์” วทันยา วงษ์โอภาสี ผู้บริหารสาวจาก สปริง นิวส์ อดีตดีกรีเชียร์ลีดเดอร์ลูกแม่โดม… มาคราวนี้ นอกจากจะส่งกำลังใจให้รุ่นน้องเหล่าผู้นำเชียร์ มธ. ให้ได้ชัยชนะแล้ว “มาดามเดียร์” ยังฝากกำลังใจไปถึงน้องๆ นักฟุตบอล ให้วิ่งขาดใจไปเลยค่ะ

สองดาราสาววัยรุ่นจาก ซีรีย์ “HORMONES วัยว้าวุ่น 3” ที่เคยห่ำหั่นฝีมือการแสดงในบทบาทของ “ออย” และ “เจน” จะได้มาประชันความสวยพิฆาตข้างสนาม โดย “ฟรัง” กำลังศึกษาอยู่ที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วน “ต้าเหนิง” ศึกษาคณะปรัชญาการเมืองเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ยูนิต “ชราไลน์” จากวง BNK 48 กลุ่มไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปที่มาแรงสุดๆ ในนาทีนี้ ก็ถึงต้องแยกทางกันสักพัก เมื่อ “ครูแก้ว” บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ 1 จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาดุริยางคศิลป์ (เอกเปียโน) เตรียมสวมเสื้อบอลเชียร์ จุฬาฯ เต็มตัว

สวนทางกับ “หมีลิน” น้ำหนึ่ง BNK นักศึกษาจากคณะวิทยาศาสตร์ ที่จะได้เป็นตัวแทนถือลูกฟุตบอล ให้กับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมถึงยังจะผนึกกำลังกับอีก 5 เพื่อนร่วมวง อย่าง เฌอปราง, ตาหวาน, เจนนิษฐ์, มิโอริ, รินะ อึซึตะ ด้วยการแสดงมินิคอนเสิร์ตบริเวณ ประตูที่ 18 แสตนด์ลูกแม่โดมอีกด้วย

นอกจากสายไอดอลแล้ว จุฬา-มธ. ยังมี สองสาวเสียงดี มาเป็นอีกพลังในการส่งเสียงเชียร์และให้กำลังใจสถาบันของตัวเอง

ฝั่งตราพระเกี้ยว มี “อิ๊งค์”วรันธร เปานิล บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ 2 เอกขับร้องคลาสสิค สาขาดุริยางคศิลป์ตะวันตก ที่พกพาดีกรีจุฬาคฑากร รุ่น 7 มาทำให้แสตนด์ของจุฬา ไม่ต้อง “เหงาเหงา” อีกต่อไป

ขณะที่ สแตนด์ธรรมศาสตร์ ได้สาวเสียงทรงพลังที่แจ้งเกิดจาก เวทีเดอะ วอยซ์ อย่าง อิมเมจ - สุธิตา ชนะชัยสุวรรณ นักศึกษาจากคณะเศษฐศาสตร์ ที่ของดเชียร์ทีมรัก อาร์เซนอล สักพัก มาให้กำลังใจเหล่านักเตะขุนพล มธ.

ข้ามมาที่สายนางเอกละคร จากช่อง 3 อย่าง แต้ว ณฐพร และ เบลลา ราณี ที่ในอดีต ต่างเคยได้รับบทบาทสำคัญ ในงานฟุตบอลประเพณีมาแล้ว

เริ่มจาก แต้ว ณฐพร เตมีรัฐ บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ 2 คณะสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยทำหน้าที่ ผู้อัญเชิญตราพระเกี้ยว ในฟุตบอลประเพณี ครั้งที่ 65 ส่วน เบลลา ราณี  บัณฑิตปริญญาตรีและโท จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยได้เป็น ดรัมเมเยอร์ งานฟุตบอลประเพณี ครั้งที่ 66

ปิดท้ายที่ บ้านฉัตรบริรักษ์ ที่นอกจากจะมี สองพระเอกหนุ่มหล่ออย่าง บอย และ หน่อง แล้ว ทั้งคู่ยังจบจากคนละสถาบันด้วย

พี่ชายคนโต อย่าง บอย ปกรณ์ จบคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วน หน่อง ธนา จบการศึกษาจากคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกจากนี้ น้องชายคนสุดท้องอย่าง ภัทร ฉัตรบริรักษ์ ยังแท็กทีมกับ “บอย” จบการศึกษาจากรั้วจุฬาฯ อีกราย แถมยังเคยทำหน้าที่ จุฬาคฑากร รุ่นที่ 5 อีกด้วย