Gettyจักรภัทร นิลมาศ
Best XI : ทีมรวมนักเตะค่าตัวแพงสุดในพรีเมียร์ลีก
Getty Imagesผู้รักษาประตู | เกปา อาร์ริซาบาลาก้า (71.6 ล้านปอนด์)
เชลซียอมทุ่มเงินเป็นสถิติสโมสรเพื่อจ่ายค่าฉีกสัญญานายด่านสแปนิช มาจากแอธเลติค บิลเบา ในปี 2018 และการันตีมือหนึ่งให้ทันที
ทว่าด้วยฟอร์มการเล่นที่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้เจ้าตัวเสียตำแหน่งตัวจริงให้เอดูอาร์ เมนดี้ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
(C)Getty Imagesแบ็คขวา | เจา คันเซโล (60 ล้านปอนด์)
ในฤดูกาลแรกของคันเซโล กับแมนฯ ซิตี้ ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะเขาไม่สามารถเบียดไคล์ วอล์คเกอร์ได้ จนตกเป็นข่าวย้ายทีมอย่างหนาหูในซัมเมอร์ 2020
ทว่าในฤดูกาลล่าสุด เจ้าตัวยกระดับขึ้นมาเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมที่เล่นได้ทั้งฝั่งซ้ายและขวา แถมยังดันขึ้นไปเล่นบนมิดฟิลด์ได้อีกด้วย
(C)Getty Imagesกองหลัง | แฮร์รี แม็คไกวร์ (80 ล้านปอนด์)
แนวรับชาวอังกฤษ ฉายแววเด่นกับเลสเตอร์ จนแมนฯ ยูไนเต็ดยอมทุ่มเงิน 80 ล้านปอนด์ คว้าตัวมาเสริมแกร่งในปี 2019
โดยเขาก็ตอบแทนเม็ดเงินอย่างคุ้มค่า ด้วยการลงสนามไปแล้ว 107 นัด ตลอด 2 ฤดูกาล พร้อมสวมปลอกแขนกัปตันทีม
Getty Imagesกองหลัง | เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (75 ล้านปอนด์)
นี่คือนักเตะที่เข้ามายกระดับแนวรับของลิเวอร์พูลอย่างแท้จริง พาทีมคว้าทั้งแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกและพรีเมียร์ลีก
ซึ่งอาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าฉีกที่เจ้าตัวได้รับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อน ทำให้หงส์แดงฟอร์มตกอย่างขัดเจต อย่างไรก็ดี ล่าสุดเขาเริ่มกลับมาฟิตแล้ว หลังจากร่วมซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมในช่วงปรีซีซัน
Getty Imagesแบ็คซ้าย | แบงฌาแม็ง เมนดี้ (52 ล้านปอนด์)
เป๊ป กวาร์ดิโอลา ทุ่มเงินมหาศาลผ่าตัดแผงหลังเรือใบสีฟ้าใหม่ในปี 2017 และเมนดี้ คือนักเตะที่ได้รับความคาดหมายว่าจะเป็นตัวแทนของอเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ
ทว่าเจ้าตัวมักจะมีอาการบาดเจ็บเล่นงานอยู่บ่อยครั้ง จนไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมอย่างต่อเนื่องได้เสียที
Manchester Cityกองกลางตัวรับ | โรดรี้ (63 ล้านปอนด์)
กองกลางผู้ปิดทองหลังพระในถิ่นเรือใบ แม้จะไม่ได้โชว์ฟอร์มเด่นจนสปอร์ตไลท์ส่องเหมือนเดอ บรอยน์ และโฟเด้น แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแผงมิดฟิลด์ของแมนฯ ซิตี้มีความแน่นขึ้นเมื่อเขาลงสนาม
เจ้าตัวลงสนามไปแล้ว 105 นัด ซัดได้ 6 ประตู 7 แอสซิสต์ และเตรียมเป็นตัวตายตัวแทนของแฟร์นันดินโญ
Getty Imagesกองกลาง | ปอล ป็อกบา (89 ล้านปอนด์)
แมนฯ ยูไนเต็ด ทุ่มเงินเป็นสถิติโลกดึงอดีตเด็กเก่ากลับมาร่วมทีมเป็นคำรบสอง หลังจากได้เห็นฟอร์มของเขากับยูเวนตุส
เจ้าตัวไม่สามารถรักษาฟอร์มเก่งอย่างสม่ำเสมอกับปีศาจแดงได้ ทำให้ตกเป็นข่าวย้ายทีมอยู่บ่อยครั้ง
Getty Imagesกองกลาง | ไค ฮาแวร์ตซ์ (70 ล้านปอนด์)
ดาวรุ่งชาวเยอรมัน ย้ายมาร่วมทัพเชลซี เมื่อซัมเมอร์ปีก่อน พร้อมแบกความกดดันอย่างหนักในช่วงแรก ทำให้โชว์ฟอร์มไม่เปรี้ยงมากนัก
แต่หลังจากถูก โธมัส ทูเคิล จับมาเล่นในตำแหน่งฟอลส์ไนน์ เจ้าตัวก็กลับมาโชว์ฟอร์มเก่งอีกครั้ง แถมยังเป็นคนยิงประตูชัยใส่แมนฯ ซิตี้ พาต้นสังกัดคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกได้สำเร็จ
Gettyปีกขวา | จาดอน ซานโช (73 ล้านปอนด์)
แมนฯ ยู ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับดาวโรจน์ชาวอังกฤษมานานนับปีหลังเห็นฟอร์มกับกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แต่ด้วยราคาที่ทะลุหลัก 100 ล้านปอนด์ ทำให้ดีลไม่ลุล่วงเสียที
แต่ในซัมเมอร์นี้ปีศาจแดงก็ตัดสินใจทุ่มเงิน 73 ล้านปอนด์ ดึงตัวมาเติมเต็มจิ๊กซอว์ในแนวรุกได้สำเร็จ
Getty Imagesกองหน้า | โรเมลู ลูกากู (75 ล้านปอนด์)
ซัมเมอร์ 2017 ปีศาจแดงตกเป็นข่าวกับทั้งอัลบาโร โมราต้า และโรเมลู ลูกากู ก่อนที่สุดท้ายจะได้ดาวยิงเบลเยียมมาร่วมทัพ
แม้ว่าสัญชาติญาณดาวยิงของเขาจะยังคงไว้ใจได้ แต่ทักษะการจับบอลที่ไม่นแน่นอน ทำให้ตกเป็นเป้าวิจารณ์อยู่บ่อยครั้ง ก่อนจะถูกขายต่อให้อินเตอร์มิลานในปี 2019
ซึ่งลูกากู กลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง พร้อมพางูใหญ่คว้าแชมป์เซเรีย อา ทำให้ตกเป็นข่าวว่าเชลซีพร้อมทุ่มเงิน 130 ล้านยูโร คว้าตัวกลับมาร่วมทีมคำรบสอง

ปีกซ้าย | แจ็ค กรีลิช (100 ล้านปอนด์)
นักเตะป้ายแดงของแมนฯ ซิตี้ คือคนล่าสุดที่ครองสถิติค่าตัวแพงสุดของพรีเมียร์ลีก ทำลายสถิติเดิมของปอล ป็อกบา ที่ทำไว้ตั้งแต่ปี 2016
แนวรุกวัย 25 ปี เป็นกัปตันและกำลังสำคัญของแอสตัน วิลลา ตั้งแต่อายุเพียง 20 ปี ฝากผลงานไว้ที่ 213 นัด ซัด 32 ประตู 43 แอสซิสต์
โฆษณา