17 เรื่องที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับ คาริม เบนเซมา

เรอัล มาดริด ฤดูกาล 2011-12 คว้าแชมป์ ลาลีกา ด้วยการเก็บ 100 แต้ม และยิงถึง 121 ประตู นอกจากนี้ยังเป็นฤดูกาลที่ เบนเซมา สร้างสถิติที่สำคัญได้ด้วย

หัวหอกชาวฝรั่งเศส ใช้เวลาเพียง 21 วินาที ทำประตูใส่ บาร์เซโลนา ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นประตูที่เร็วที่สุดใน เอล กลาซิโก และเป็นสถิติที่ยังยืนหยัดอยู่จนถึงทุกวันนี้

พ่อกับแม่ของเขาเป็นชาวฝรั่งเศสเชื้อสายแอลจีเรีย ด้วยรากฐานของเขาที่เป็นชาวแอลจีเรีย สหพันธ์ฟุตบอลแอลจีเรียพยายามโน้มน้าวให้ เบนเซมา มาเล่นให้ทีมชาติแอลจีเรีย แต่ใจของเขาเอนเอียงไปที่การเป็นตัวแทนของ เลส์ เบลอส์

"มันเป็นประเทศของพ่อแม่ผม มันอยู่ในหัวใจของผม" ชาวฝรั่งเศสกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ RMC ในปี 2006

“แต่จากมุมมองด้านกีฬา มันเป็นเรื่องจริงที่ผมจะเล่นให้กับทีมฝรั่งเศส ผมจะพร้อมเสมอสำหรับทีมฝรั่งเศส

"มันเป็นเหตุผลด้านกีฬามากกว่า เพราะแอลจีเรียเป็นประเทศของผม พ่อแม่ของผมมาจากที่นั่น ในทางกลับกันสำหรับ ฝรั่งเศส มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับกีฬามากกว่า"

ตอนอายุ 8 ขวบ เบนเซมา เริ่มเล่นฟุตบอลให้กับสโมสร Bron Terraillon ทีมในท้องถิ่นของเขา และทำคนเดียว 2 ประตูในเกมกับ อะคาเดมีของ ลียง ในการแข่งขัน U-10 ทำให้เขาได้รับความสนใจจากแมวมอง ลียง

ทีมงานของ ลียง มาพบเขาเป็นการส่วนตัวและโน้มน้าวให้ Bron Terraillon ยอมขายเขา แซร์จ ซานตา ครูซ ซึ่งเป็นประธานสโมสรในขณะนั้น ปฏิเสธที่จะขายเขา ข้อตกลงดังกล่าวได้ข้อสรุปหลังจากตัวแทนของ ลียง ไปพูดคุยกับพ่อแม่ของ เบนเซมา และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ เบนเซมา ก่อนจะก้าวมาเป็นสตาร์ของลียง

ตอน เบนเซมา ก้าวขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ของ ลียง ในทีมมีนักเตะชื่อดังอย่างเช่น ฟลอร็องต์ มาลูด้า, ซิลแวง วิลตอร์, เอริค อบิดัล และ มิคาเอล เอสเซียง และเขาถูกหยอกล้อเป็นประจำเมื่อเจอผู้เล่นเหล่านี้ แม้แข้งรุ่นใหญ่เหล่านั้นอาจไม่ได้คิดร้ายแต่เขาไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องตลก

จากนั้นเขาก็ประกาศว่า "อย่าหัวเราะผม ผมมาที่นี่เพื่อแทนที่พวกคุณ" และเขาก็รักษาคำพูดของเขา

เบนเซมา ลงเล่นให้ เลส์ กอนส์ 148 นัด ยิงได้ 66 ประตู และช่วยให้ ลียง ครองความยิ่งใหญ่ในฝรั่งเศสในเวลานั้น

เบนเซมา ประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ของ ลียง เมื่อวันที่ 15 มกราคม ปี 2005 ในเกมลีกเอิงที่พบกับ เมตซ์ ในวัย 17 ปี ตอนนั้นเขาลงสนามในนาทีที่ 77

หลังจากที่ จูนินโญ ยิงประตูขึ้นนำในนาทีที่ 84 เบนเซมาก็ทำแอสซิสต์ให้ ไบรอัน เบอร์กูเญอ ยิงประตูเป็น 2-0 ในนาทีที่ 86

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ปี 2006 เบนเซมา ถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเกมอุ่นเครื่องกับ กรีซ อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บระหว่างเล่นให้ ลียง ทำให้เขาต้องถอนตัวออกจากทีม

เขาต้องรอนานกว่าสี่เดือนกว่าจะได้เดบิวต์ให้ฝรั่งเศส ในเกมพบกับ ออสเตรีย ในศึกยูโร 2008 รอบคัดเลือก

เบนเซมา ออกสตาร์ทเป็นตัวสำรองก่อนจะถูกส่งลงมาแทน ฌิบริล ซิสเซ ในครึ่งหลังและทำประตูเดียวของเกมได้ จากลูกเปิดฟรีคิกของ ซามีร์ นาสรี

เบนเซมา เป็นลูกคนสุดท้องจากพี่น้องสามคนที่เติบโตในย่านชานเมืองลียง โดยที่ เกรสซี และ ซาบรี พี่ชายของเขาก็เป็นนักฟุตบอลทั้งคู่

ในขณะที่ เกรสซี จำเป็นต้องเลิกเล่นฟุตบอลเนื่องจากอาการบาดเจ็บหนักในปี 2012 มีรายงานว่า ซาบรี มีสไตล์การเล่นที่คล้ายคลึงกับ คาริม และสามารถสร้างชื่อให้ตัวเองได้ในฟุตบอลระดับเซมิโปร

ตอนที่ ซีเนดีน ซีดาน กลับมาทำงานกับ เรอัล มาดริด ในตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาก่อนเริ่มฤดูกาล 2011-12 เขาแนะนำให้ เบนเซมา ลดน้ำหนัก

เขาเดินทางไปอิตาลีเพื่อไปยังคลินิกลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพสูง และประสบความสำเร็จอย่างมากเพราะเขาลดน้ำหนักได้ถึง 8 กิโลกรัม ก่อนกลับมารายงานตัวช่วงปรีซีซั่น

เบนเซม่าออกกำลังกายเพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อในขณะที่อยู่ที่คลินิก ในช่วงอุ่นเครื่อง กองหน้าชาวฝรั่งเศสทำผลงานได้น่าประทับใจ โดยทำไป 8 ประตูจาก 7 เกม

และจากผลงานในช่วงปรีซีซั่น โจเซ มูรินโญ่จึงเลือกเขาเป็นกองหน้าตัวหลักของทีม และชื่นชมความเปลี่ยนแปลงของเขา

“ตอนนี้คาริมมองฟุตบอลในแบบที่เดียวกับที่ผมมอง” ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกสกล่าวก่อนเริ่มฤดูกาล

หลังจากทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในฤดูกาล 2021-22 ทำให้เขาได้รางวัล บัลลงดอร์ ในที่สุด และเป็นชาวฝรั่งเศสคนแรกนับตั้งแต่ ซีเนดีน ซีดาน ได้รับรางวัลนี้เมื่อปี 1998

เขากลายเป็นเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ที่อายุมากที่สุดอันดับสองรองจาก สแตนลีย์ แม็ทธิวส์ ที่ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ครั้งแรกในปี 1956 ขณะอายุ 41 ปี 10 เดือน

ตอนที่ เบนเซมา ได้รับรางวัล เขาอายุ 34 ปี 302 วัน

เบนเซมา คือนักเตะอายุมากสุดที่ทำแฮตทริคได้ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยเกิดขึ้นในเกมพบกับ เชลซี ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2022 ด้วยวัย 34 ปี 108 วัน

เบนเซมา เป็นดาวซัลโวสูงสุดอันดับ 2 รองจาก คริสเตียโน โรนัลโด้ ในประวัติศาสตร์ของ เรอัล มาดริด โดยทำไปแล้ว 342 ประตูจากการลงเล่น 634 นัด

อย่างไรก็ตาม เขาทำไปแล้วถึง 164 แอสซิสต์ ซึ่งมากที่สุดในในประวัติศาสตร์ของสโมสร

และเมหือนเรื่องบังเอิญที่ โรนัลโด้ เป็นดาวซัลโวสูงสุด 450 ประตูจาก 438 เกม แต่เขาอยู่อันดับสองเป็นรอง เบนเซมา ในลิสต์จอมแอสซิสต์แอสซิสต์ โดยซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกสทำไป 130 แอสซิสต์ให้ราชันชุดขาว

เบนเซมา ลงเล่นให้ เรอัล มาดริด ไปแล้ว 634 นัด ทำให้เขาเป็นนักเตะต่างชาติที่ลงสนามให้สโมสรมากสุด ตามมาด้วย มาร์เซโล และ โรแบร์โต คาร์ลอส ซึ่งลงเล่น 546 และ 527 นัดตามลำดับ

เบนเซมา คือนักเตะชาวฝรั่งเศสที่ทำประตูได้มากสุดทำลายสถิติของ เธียร์รี อองรี โดยเขาทำไปแล้วถึง 445 ประตูในฟุตบอลระดับทีมชุดใหญ่ โดยแบ่งเป็น 66 ประตูกับ ลียง, 342 ประตูกับ เรอัล มาดริด และ 37 ประตูกับทีมชาติฝรั่งเศส

เบนเซมา เป็นเจ้าของสถิติโลกกินเนสส์บุ๊คสำหรับการทำประตู 18 ฤดูกาลติดต่อกันใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2005-06 โดยเขาครองสถิติร่วมกับ ลิโอเนล เมสซี

เบนเซมา เป็นผู้เล่นเพียงไม่กี่คนที่เคยสวมทั้งหมายเลข 9, 10 และ 11 ในระดับสโมสร

ก่อนจะย้ายมาอยู่ เรอัล มาดริด เขาสวมเสื้อหมายเลข 10 กับลียง เมื่อเขามาอยู่กับราชันชุดขาวเมื่อปี 2009 เขาได้รับเสื้อหมายเลข 11 เพราะโรนัลโด้เป็นเข้าของหมายเลข 9

จากนั้นเมื่อ ราอูล ตำนานของสโมสรย้ายออกไป โรนัลโด้ ก็เลือกใช้หมายเลข 7 ที่เขาชอบ และหมายเลข 9 ก็ตกเป็นของ เบนเซมา ตั้งแต่ตอนนั้น

ระหว่างเกมลาลีกากับ เรอัล เบติส เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2019 เบนเซมา ปะทะกับมาร์ก บาร์ตรา กองหลังเบติส ส่งผลให้นิ้วก้อยมือขวาของเขาหัก

เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ เบนเซม่า นิ้วก้อยของมือขวาหักและได้รับคำแนะนำให้เข้ารับการผ่าตัด และคาดว่าต้องใช้เวลาพักฟื้นประมาณสองเดือน

จากปัญหาของ เรอัล มาดริด ในฤดูกาล 2018-19 เบนเซม่าตัดสินใจไม่เข้ารับการผ่าตัดเพื่อลงเล่นต่อไป

ดาวยิงชาวฝรั่งเศสได้รับการผ่าตัดหลังจากจบฤดูกาล 2018-19 แต่เขาพักฟื้นร่างกายไม่เต็มที่ ทำให้นิ้วของเขาไม่หายแบบเต็มร้อย

“ผมได้รับการผ่าตัด แต่เมื่อคุณผ่าตัดแล้ว คุณต้องพักรักษาตัวเป็นเวลา 2 เดือน” เขากล่าวในการแถลงข่าวเมื่อเดือนตุลาคม 2021

"ผมเจ็บ [นิ้ว] อีกครั้ง แต่ฉันไม่มีเวลาหยุดและรับการผ่าตัดอื่น ดังนั้นฉันจึงสวมผ้าพันแผลเมื่อต้องลงเล่น"

เบนเซมา ยังลงเล่นโดยมีผ้าพันแผลมาจนถึงทุกวันนี้

ในปี 2017 ภาพยนตร์เรื่อง 'Le K Benzema' กำกับโดย ฟลอร็องต์ บอดิง และ ดาเมียน พิสคาเรล ได้ถ่ายทอดให้เห็นถึงการเดินทางของ เบนเซมา จากการเป็นเด็กหนุ่มข้างถนนของ ลียง ไปจนถึงการถูกแบนจากทีมชาติฝรั่งเศสในปี 2016