13 เรื่องที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับ เควิน เดอ บรอยน์

เดอ บรอยน์ มีสิทธิลงเล่นให้ทั้งทีมชาติบุรุนดีและทีมชาติเบลเยียม เพราะ แอนนา แม่ของเขาเกิดที่ บุรุนดี ในแอฟริกาก่อนจะย้ายมายุโรป ก่อนที่เขาจะได้ประเดิมสนามให้เบลเยียมในปี 2010 ในเกมพบกับ ฟินแลนด์

เดอ บอรยน์ มีหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองที่เผยแพร่เมื่อเดือนตุลาคมปี 2014 โดยเขามีส่วนร่วมในการเขียนหนังสือเล่มนี้ด้วยตัวเอง

เดอ บอรยน์ ได้รับการยกย่องว่ามีทักษะการเล่นฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม และเล่นได้ทั้งสองเท้า ซึ่งใครจะรู้ว่ามันเกิดจากการโดนบังคับในวัยเด็ก

พ่อของเขาบังคับให้เขาใช้แต่เท้าที่ไม่ถนัดในการเล่นฟุตบอลที่สนามหลังบ้าน และฝึกเดาะบอลด้วยเท้าข้างที่ไม่ถนัด ซึ่งมันส่งผลดีมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะทำกระถางดอกไม้เสียหายเป็นประจำในตอนเด็กก็ตาม

เมื่อปี 2014 เดอ บรอยน์ ทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองชื่อ 'KDB' โดยร่วมมือกับแบรนด์ Cult Eleven และทำกำไรได้ดีมาก โดยรายได้ส่วนหนึ่งมีการบริจาคให้องค์กรการกุศลด้วย

เดอ บรอยน์ ได้รับเลือกให้เป็นทูตอย่างเป็นทางการของโอลิมปิค 2014

นักฟุตบอลอาชีพในปัจจุบันความสามารถเรื่องภาษาถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง และ เดอ บรอยน์ เป็นหนึ่งในนักเตะที่พูดได้หลายภาษา

ดาวเตะจาก แมนฯซิตี้ พูดทั้งภาษาดัตช์, อังกฤษ, เยอรมัน และ ฝรั่งเศส ได้อย่างคล่องแคล่ว และกำลังฝึกภาษาสเปนให้ดีขึ้นอยู่ในเวลานี้

ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ BT Sport ดาวเตะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้เปิดเผยว่าเขาชื่นชม ไมเคิล โอเวน อดีตดาวเตะ ลิเวอร์พูล เป็นอย่างมากในวัยเด็ก

"เปเลหัวขิง" เป็นชื่อเล่นที่แฟนบอลและสื่อบางคนตั้งให้ เดอ บรอยน์ โดยมีที่มามาจากสีผมและทักษะลูกหนังของเขา ที่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับตำนานฟุตบอลของบราซิล ซึ่งเจ้าตัวขอบคุณที่มีคนยกย่องแต่ถ่อมตัวว่ายังห่างชั้นกับ เปเล อยู่มาก

ฤดูกาล 2014/15 ได้รับการยอมรับว่าเป็นฤดูกาลสร้างชื่อของดาวเตะชาวเบลเยียม โดยเขายิงได้ 16 ประตูและทำอีก 28 แอสซิสต์ รวมทุกรายการให้กับ โวล์ฟสบวร์ก

เขาพาสโมสรคว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาล, ช่วยให้สโมสรจบอันดับสองในบุนเดสลีกา และเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศของยูโรปา ลีก

เขาได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของบุนเดสลีกา, ทำแอสซิสต์สุดในลีก และได้รับการเสนอชื่อให้อยู่ในทีมยอดเยี่ยมยูโรปาลีกแฤดูกาลดังกล่าวด้วย

ฟอร์มที่น่าประทับใจของ เดอ บรอยน์ กับ โวล์ฟสบวร์ก ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องทุ่มเงิน 75 ล้านยูโร ซึ่งมากสุดในประวัติการณ์ของสโมสรเวลานั้นคว้าตัวเขามาร่วมทีม ก่อนที่ปัจจุบันสถิติจะเป็นของ แจ็ค กรีลิช ที่มีค่าตัวถึง 117 ล้านยูโร

เดอ บรอยน์ ได้รับรางวัล Belgian Sportsman of the Year ในปี 2015 รางวัลนี้มอบให้กับนักกีฬาเบลเยียมที่ดีที่สุดในทุกประเภทกีฬา และเป็นการยกย่องความสำเร็จและการมีส่วนร่วมของพวกเขาที่มีวงการกีฬาโลก

เดอ บรอยน์ เคยได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกแห่งปีมาแล้วสองครั้งในฤดูกาล 2019-2020 และ 2021/22

มีผู้เล่นเพียง 3 คนนอกเหนือจาก เดอ บรอยน์ ที่คว้ารางวัลนี้ถึง 2 ครั้ง ได้แก่ คริสเตียโน โรนัลโด, เธียร์รี อองรี และ เนมันยา วิดิช

เดอ บรอยน์ มีส่วนร่วมในโครงการการกุศลมากมายตลอดอาชีพของเขา ในปี 2020 เขาเปิดตัว "มูลนิธิ เควิน เดอ บรอยน์" เพื่อสนับสนุนเยาวชนด้อยโอกาสในเบลเยียมและทั่วโลก มูลนิธิมุ่งเน้นไปที่การศึกษา, สุขภาพ และการพัฒนาส่วนบุคคล และเขายังทำงานร่วมกับองค์กรต่างๆ เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ต้องการความช่วยเหลือ

นอกจากนี้ เขายังมีส่วนร่วมในโครงการการกุศลอื่น ๆ รวมถึงแคมเปญ "Common Goal" ซึ่งเชิญชวนให้นักฟุตบอลอาชีพบริจาค 1% ของค่าจ้างเพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางสังคมต่างๆ ทั่วโลก และยังช่วยบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็งอีกด้วย