Goal
Getty Images100. คิงส์ลีย์ โกมาน | ฝรั่งเศส
หนึ่งในฮีโร่เบื้องหลังของบาเยิร์น มิวนิค โกมานทำไป 12 แอสซิสต์ กับอีก 8 ประตูให้ทีมเสือใต้ในบุนเดสลีกาฤดูกาลนี้
อย่างไรก็ดี ประตูที่ทำให้เขาเป็นที่จดจำมากที่สุดก็ยังเป็นประตูชัยในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2020 นัดชิงชนะเลิศ ที่บาเยิร์นเอาชนะทีมเก่าของเขาอย่างปารีส แซงต์ แชร์กแมง ไปได้สำเร็จ
และคงต้องจับตาดูกันว่าเขาจะมีทีเด็ดอะไรให้ทีมของดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ในหน้าร้อนนี้
Getty Images99. เลโอนาร์โด โบนุชชี | อิตาลี
โบนุชชี ปราการหลังของยูเวนตุส มีภาพลักษณ์ที่เป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟสมัยเก่า ที่พร้อมจะเอาตัวเข้าแลกเพื่อทีม ปราการหลังวัย 34 ปีใช้เวลา 9 ปี จาก 10 ปีหลังสุดกับยูเว่ และถือเป็นแกนหลักในความสำเร็จของทีมตลอดช่วงเวลาดังกล่าว
แนวรับมากประสบการณ์รู้ทุกกลยุทธ์ในเกมรับที่จะทำให้แนวรุกของคู่แข่งต้องเจอกับฝันร้าย
Getty Images98. ตีมู ปุกกี | ฟินแลนด์
ปุกกีเป็นศูนย์หน้าจอมพเนจรที่เล่นมาแล้วในระดับสูงทั้งในสเปน, เยอรมัน, สก็อตแลนด์ และเดนมาร์ก รวมถึงในประเทศตัวเองด้วย
อย่างไรก็ดี เขามาปักหลักค้าแข้งกับนอริชตั้งแต่ปี 2018 และมีผลงานที่โดดเด่นในฤดูกาล 2019-20 แม้ทีมนกขมิ้นจะลงเอยด้วยการตกชั้น แต่ผลงานของเขาในทีมชาติก็ทำให้ฟินแลนด์เข้าเล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่นี้ได้สำเร็จ
Getty Images97. โกรัน ปานเดฟ | มาซิโดเนียเหนือ
ด้วยวัยเกือบ 38 ปี ซูเปอร์สตาร์ของมาซิโดเนียเหนืออย่างปานเดฟคือหนึ่งในนักเตะที่อายุมากที่สุดในยูโร 2020 และเอาเข้าจริง เขาประเดิมสนามในฐานะนักเตะอาชีพตั้งแต่ปี 2000 ก่อนคู่แข่งบางคนของเขาจะเกิดด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ดี อดีตกองหน้าอินเตอร์ มิลาน ยังคงสร้างผลงานได้ในระดับสูงกับเจนัว หลังจากที่โลดเล่นในระดับสูงอยู่นานกว่า 15 ปี และประตูที่ยิงจอร์เจียเมื่อเดือนพฤศจิกายน ก็ช่วยให้ทีมชาติของเขาได้ลงเล่นรายการใหญ่เป็นครั้งแรกได้สำเร็จ
Getty Images96. อาเต็ม ซูบา | รัสเซีย
กองหน้าร่างใหญ่ของทีมชาติรัสเซียมีความสูง 6 ฟุต 6 นิ้ว ซึ่งสำหรับกองหลังแล้ว คงให้ความรู้สึกเหมือนเขาเป็นป้อมปราการขนาดยักษ์แห่งหนึ่ง
ศูนย์หน้าเซนิตมีร่างกายที่แข็งแกร่ง ทำให้เขากลายเป็นความท้าทายที่แนวรับยุคนี้อาจไม่คุ้นเคยเท่าไหร่นัก เพราะมักเจอแต่ศูนย์หน้าร่างเล็กที่มีความว่องไว และรัสเซียน่าจะใช้พละกำลังของเขาให้เป็นประโยชน์ได้ไม่น้อย
Getty Images95. มิลาน สคริเนียร์ | สโลวาเกีย
เซ็นเตอร์ฮาล์ฟของอินเตอร์ มิลาน ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในแนวรับแถวหน้าของกัลโช เซเรีย อา เวลานี้ หลังจากที่มีส่วนสำคัญในการช่วงต้นสังกัดคว้าสคูเดตโต้มาครองได้ในรอบ 11 ปี
แม้จะไม่ได้มีความเร็วเอาไว้รับมือกองหน้า แต่จุดเด่นสำคัญของ สคริเนียร์ คือการอ่านเกมที่เด็ดขาด ทำให้เขาถือเป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียวเวลาต้องการเล่นเกมรับโดยเน้นแท็กติกเป็นหลัก
Getty Images94. มาร์กอส ยอเรนเต้ | สเปน
กำลังสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในฤดูกาลนี้ของแอตเลติโก มาดริด จากผลงานทั้งยิงและจ่ายได้เป็นเลขสองหลักในลาลีกาตลอดทั้งฤดูกาลนี้
มีหลายสโมสรชั้นนำที่แสดงความสนใจอยากได้มิดฟิลด์สารพัดประโยชน์รายนี้ ที่ปกติแล้วเล่นในตำแหน่งหมายเลข 10 ให้แอตเลติโก มาดริด แต่ก็ขยับลงไปเล่นลึกทางกราบขวาได้เช่นกัน
Getty Images93. จอร์โจ คิเอลลินี | อิตาลี
แม้คิเอลลินีจะมีฤดูกาลที่ลุ่มๆ ดอนๆ กับยูเวนตุส แต่เขาก็ยังมีบทบาทสำคัญไม่น้อยกับทีมชาติอิตาลีในยูโร 2020
แข้งวัย 36 ปี ประเดิมสนามในเกมทีมชาติเมื่อปี 2004 และติดทัพอัซซูรีไปแล้วมากกว่า 100 นัด ด้วยการเข้าสกัดที่หนักหน่วงและแม่นยำ ทำให้เขายังเป็นฝันร้ายเสมอสำหรับกองหน้าคู่แข่ง
Getty Images92. รุสลัน มาลินอฟสกี้ | ยูเครน
ดาวเตะที่เพิ่งมาสร้างชื่อเอาตอนปลายของชีวิตค้าแข้ง มาลินอฟสกี้เพิ่งเล่นในเซเรีย อา ไปเพียงไม่กี่ปี แม้จะมีอายุถึง 28 ปีแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาค้าแข้งอยู่กับเกงค์ในเบลเยียม
จุดเด่นที่สำคัญของเขาอยู่ที่ความขยันและการเล่นเกมรับ จนเป็นหัวใจสำคัญในแดนกลาง และยังมีเท้าซ้ายที่ดุดันเวลาเห็นโอกาสยิง
Getty Images91. โทมัส ซูเช็ค | สาธารณรัฐเช็ค
นับตั้งแต่ย้ายจากสลาเวีย ปราก มาอยู่กับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมื่อปี 2020 ชื่อเสียงของซูเช็คก็เหมือนจะมีแต่โด่งดังขึ้นเรื่อยๆ
แข้งวัย 26 ปีเล่นได้อย่างโดดเด่นทั้งรุกและรับ ทั้งยังมีลูกกลางอากาศที่อันตรายทั้งตอนเปิดบอลเข้ากลาง และในจังหวะตั้งแตะ จากส่วนสูงที่โดดเด่น จนทำให้เขาถูกนำเปรียบเทียบกับมารูยาน เฟลไลนี ที่เดวิด มอยส์เคยปั้นจนโด่งดังที่เอฟเวอร์ตันมาแล้ว
Getty Images90. ปีเตอร์ กูลาชซี | ฮังการี
ตอนที่ยังเป็นดาวรุ่ง กูลาชซีถูกยืมตัวไปเล่นในระดับล่างกับเฮียร์ฟอร์ด ยูไนเต็ด ก่อนจะมาพบจุดพลิกผัน ตอนที่ย้ายไปอยู่กับเรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ในปี 2013
หลังจากนั้น เขาก็ได้ย้ายไปอยู่กับ แอร์เบ ไลป์ซิก และมีโอกาสได้ลงเล่นถึงมากกว่า 200 นัด และกลายเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่โดดเด่นที่สุดในบุนเดสลีกาเวลานี้
Getty Images89. โรดรี้ | สเปน
โรดรี้ กองกลางแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นนักเตะที่มีทุกอย่างพร้อม เขาเล่นเป็นกองกลางตัวรับ แต่อย่างที่คาดหวังได้จากหนึ่งในกำลังสำคัญในทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลา เขามีทักษะการครองบอลที่ยอดเยี่ยม
กาลครั้งหนึ่งเป๊ปเคยกล่าวไว้ว่า “กองกลางตัวรับที่ดีที่สุดจะไม่อยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ พวกเขาจะแอบอยู่เบื้องหลังทีม” และนั่นคือสิ่งที่นิยามความเป็นโรดรี้ได้เป็นอย่างดี
Getty Images88. อิวาน เปริซิช | โครเอเชีย
เปริซิชเป็นนักเตะที่เกิดมาเพื่อเวทีใหญ่อย่างแท้จริง
ในฟุตบอลโลก 2018 ปีกอินเตอร์ มิลาน เป็นกำลังสำคัยในการพาโครเอเชียจบด้วยการเป็นรองแชมป์ โดยเฉพาะประตูชัยในเกมชนะไอซ์แลนด์ และผลงานในเกมรอบรองชนะเลิศที่เจออังกฤษ
ประสบการณ์ของแข้งวัย 32 ปี ในระดับสูงบนแผ่นดินเยอรมันและอิตาลีจะช่วยทีมตราหมากรุกได้มากทีเดียว
Getty Images87. ดาบิด เด เกอา | สเปน
มือกาวแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือคนสำคัญในระดับสโมสรตลอดหลายฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ในยูโร 2020 นี้ เขาต้องลงสนามด้วยเป้าหมายว่าจะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง
มีผู้รักษาประตูเพียงไม่กี่รายที่ดีกว่าเขาในวันที่เข้าฟอร์ม และนี่คือโอกาสของเขาที่จะลบล้างความอับอายในฟุตบอลโลก 2018 ให้หมดสิ้น
Getty Images86. บูรัค ยิลมาซ | ตุรกี
ด้วยวัย 35 ปี ยิลมาซใช้ชีวิตอยู่ด้วยการทำประตูมาเกือบจะสองทศวรรษ และเขาก็ยังทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย
หลังจากย้ายไปอยู่ในฝรั่งเศสกับลีลล์เมื่อหน้าร้อนปีที่แล้ว เขาก็มีส่วนสำคัญในการพาสโมสรต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีกเอิง ด้วยการทั้งทำประตูและแอสซิสต์อย่างต่อเนื่อง
Getty Images85. อเล็กซานเดอร์ อิซัค | สวีเดน
เจ้าของสถิตินักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูให้ทีมชาติสวีเดน อิซัคมีประสบการณ์ในระดับทีมชาติมาแล้วถึง 4 ปี ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งอายุ 21 ปีเท่านั้น
ตลาดหลายปีที่สวีเดนเฝ้าตามหาคนที่จะมาทดแทนซลาตัน อิบราฮิโมวิช ถึงเวลานี้ พวกเขาต่างก็พยายามตั้งความหวังไว้กับอิซัค ด้วยความสูงมากกว่า 6 ฟุต ทำให้เขาเป็นตัวเป้าที่สร้างความลำบากให้กองหลัง ทั้งยังทำประตูด้วยตัวเองได้เป็นอย่างดี
Getty Images84. มานูเอล โลคาเตลลี | อิตาลี
ซัสซูโอโล กลายเป็นหนึ่งในสโมสรที่แข็งแกร่งในเซเรีย อา ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งของความสำเร็จดังกล่าวมาจากฝีเท้าของกองกลางอย่างโลคาเตลลี
ด้วยความชาญฉลาดและเทคนิคที่โดดเด่น ทำให้เขามีข่าวกับสโมสรชั้นนำในยุโรปทั้งปารีส แซงต์ แชร์กแมง และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งนั่นบ่งบอกถึงคุณค่าของเขาได้เป็นอย่างดี
Getty Images83. จูด เบลลิงแฮม | อังกฤษ
แฟนบอลหลายคนอาจจะประหลาดใจตอนที่เบลลิงแฮมตัดสินใจย้ายจากเบอร์มิงแฮมไปอยู่กับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แต่ผลงานของเขาในฤดูกาลนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่านั่นคือการตัดสินใจที่ถูกต้อง
มิดฟิลด์วัย 17 ปี ได้รับโอกาสลงสนามบ่อยครั้ง และพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขามีเทคนิคที่ดีพอจะเล่นในระดับสูงกับสโมสรชั้นนำของบุนเดสลีกา และเขาก็พร้อมจะพิสูจน์ตัวเองในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ช่วงหน้าร้อนนี้อีกครั้ง
Getty Images82. แฮร์รี แม็คไกวร์ | อังกฤษ
แฟนบอลบางคนอาจจะบ่นตอนที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแฮร์รี แม็คไกวร์ มาด้วยสถิติค่าตัวแพงที่สุดตลอดกาลในตำแหน่งกองหลัง แต่ผลงานของเขาตลอดสองฤดูกาลที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นแนวรับที่สม่ำเสมอที่สุดคนหนึ่งในยุโรป
บทพิสูจน์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดคือในช่วงปลายฤดูกาลที่ผ่านมา ที่เขาต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บ และส่งผลต่อรูปเกมของปีศาจแดงอย่างหนัก โดยเฉพาะในนัดชิงยูโรป้าลีก
ดังนั้น แกเร็ธ เซาธ์เกต คงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแนวรับของเขาจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก่อนทีมชาติอังกฤษจะลงเล่นนัดเปิดสนามในยูโร 2020 นี้
Getty Images81. มาร์เซล ซาบิตเซอร์ | ออสเตรีย
จากประสบการณ์ 7 ฤดูกาลกับแอร์เบ ไลป์ซิก ซาบิตเซอร์ถือเป็นนักเตะที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้ติดตามฟุตบอลบุนเดสลีกา
เขาสวมเสื้อหมายเลข 7 ในระดับสโมสร และด้วยการเล่นลูกตั้งเตะที่แม่นยำและการยิงไกลที่เฉียบคม ทำให้เขาถูกนำไปเปรียบเทียบกับ เดวิด เบ็คแฮม อยู่บ่อยครั้งทีเดียว
Getty Images80. อัลบาโร โมราต้า | สเปน
โมราต้าเป็นกองหน้าที่ครบเครื่องมากที่สุดคนหนึ่ง สามารถยิงประตูได้หลากหลายรูปแบบ และเพิ่งทำได้ถึง 20 ประตูต่อฤดูกาลกับยูเวนตุส
นอกจากการพยายามเอาชนะกับดักล้ำหน้า ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้กองหลังต้องคอยระแวงเขาอยู่ตลอดเวลาแล้ว โมราต้ายังสามารถขยับไปเล่นริมเส้น หรือถอยลงมาเชื่อมเกมกับกองกลางได้เป็นอย่างดี
Getty Images79. จอร์แดน เฮนเดอร์สัน | อังกฤษ
กัปตันทีมลิเวอร์พูล พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาเป็นกองกลางที่สม่ำเสมอที่สุดคนหนึ่งของพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่แอนฟิลด์เมื่อปี 2011
แม้เขาจะไม่ได้มีผลงานที่โดดเด่นน่าจับตา แต่ด้วยความขยันและฉลาดหลักแหลมทำให้เขาได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมทีมเป็นอย่างมาก จนได้รองรับนักเตะยอดเยี่ยมอังกฤษถึงสองครั้ง และยังได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักข่าวในฤดูกาล 2019-20 อีกด้วย
Getty Images78. อารอน แรมซีย์ | เวลส์
กองกลางจากยูเวนตุสได้รับการยอมรับในฐานะหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดเท่าที่เวลส์เคยมีมา และด้วยวัย 30 ปี เขายังมีทีเด็ดจะมอบให้ทีมอีกมาก
แรมซีย์ใช้ชีวิตค้าแข้งส่วนใหญ่กับอาร์เซนอล ซึ่งเป็นที่ที่เขาพัฒนาทักษะทางด้านเกมรุกจนกระทั่งเป็นตัวอันตรายในแผงมิดฟิลด์ ด้วยความสามารถในการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยม และยังสอดขึ้นมาทำประตูได้บ่อยครั้งอีกด้วย
Getty Images77. คักลาร์ โซยุนคู | ตุรกี
เจมี วาร์ดี้, เจมส์ แมดดิสัน หรือเคเลชิ อิเฮียนาโช อาจจะได้ขึ้นพาดหัวบ่อยครั้งในทีมเลสเตอร์ ซิตี้ แต่ทีมสุนัขจิ้งจอกคงไม่มีทางมีฤดูกาลที่โดดเด่นได้เลย หากไม่มีโซยุนคูเป็นหัวใจในเกมรับ จนมีส่วนพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในฤดูกาลนี้
ปราการหลังวัย 25 ปี มีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมสำหรับการเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟยุคใหม่ ทั้งว่องไว, คล่องแคล่ว แกร่งในลูกกลางอากาศ และครองบอลได้อย่างยอดเยี่ยม จนไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจเลย หากจะบอกว่าไอดอลของเขาคือ การ์เลส ปูโยล อดีตกองหลังบาร์เซโลนา
Getty Images76. เดแคลน ไรซ์ | อังกฤษ
หลังจากลงเล่นให้ไอร์แลนด์ในเกมอุ่นเครื่องไปสามนัด ไรซ์ตัดสินใจเลือกลเ่นให้ทีมชาติอังกฤษ และกลายเป็นความหวังของทัพสิงโตคำรามคนหนึ่งในช่วงหน้าร้อนนี้
ด้วยวัยเพียง 22 ปี ดาวเตะจากอคาเดมีของเวสต์แฮมกลายเป็นกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดคนหนึ่งในพรีเมียร์ลีก จนมีข่าวว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเชลซี ให้ความสนใจที่จะเซ็นสัญญากับเขา
Getty Images75. เคสเปอร์ ชไมเคิล | เดนมาร์ก
เดนมาร์กมีผลงานที่มั่นคงในระดับทีมชาติตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งต้องขอบคุณผลงานของนายด่านจากเลสเตอร์ ซิตี้รายนี้
เขามีสไตล์การเล่นที่ใกล้เคียงกับปีเตอร์ ชไมเคิล พ่อของเขาซึ่งเป็นตำนานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเคยพาทัพโคนมได้แชมป์ยูโรมาแล้วเมื่อปี 1992
Getty Images74. เซอร์ดาน ชากิรี | สวิตเซอร์แลนด์
ชากิรีอาจจะไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามกับลิเวอร์พูล แต่กับสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคือกำลังสำคัญของทีมที่ขาดไม่ได้
ในยูโร 2016 ลูกจักรยานอากาศที่เขายิงใส่โปแลนด์ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยังคงมีแฟนบอลจดจำและพูดถึงกันอยู่จนถึงทุกวันนี้
ด้วยความเร็ว, เทคนิค และร่างกายที่แข็งแกร่ง ทำให้เขาชอบที่เล่นทางปีกขวา และตัดเข้ามาทำประตูด้วยเท้าซ้ายได้อยู่บ่อยครั้ง
Getty Images73. เฟร์ราน ตอร์เรส | สเปน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เซ็นสัญญาคว้าตอร์เรสมาเมื่อหน้าร้อนของปี 2020 และได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นการเซ็นสัญญาที่ชาญฉลาดอีกครั้งของเป๊ป กวาร์ดิโอลา
แข้งวัย 21 ปี ถูกเซ็นเข้ามาร่วมทัพทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกในฐานะปีก แต่กลับพิสูจน์ให้เห็นว่าเขามีประโยชน์มากกว่าในฐานะศูนย์หน้าตัวกลาง และเขาเคยพิสูจน์ศักยภาพในการทำประตูให้ทุกคนเห็นมาแล้วในเกมพบทีมชาติเยอรมันที่เขายิงแฮตทริกได้เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
Getty Images72. ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ | ฝรั่งเศส
ฟูลแบ็คยุคใหม่อาจเน้นไปที่การเล่นเกมรุกที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่แบ็คซ้ายทีมชาติฝรั่งเศสของบาเยิร์น มิวนิค ก็ยังยืนยันที่จะเน้นไปที่การเล่นเกมรับมากกว่า
อย่างไรก็ดี ด้วยทัศนคติแบบนี้ ทำให้เขาเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งกับแนวทางการเล่นของ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ที่เน้นความแน่นอนมากกว่าความหวือหวา และยังสามารถขยับเข้าไปยืนเป็นปราการหลังตัวกลางได้อีกด้วยหากจำเป็น
Getty Images71. เปเป้ | โปรตุเกส
จะรักหรือเกลียดเขา ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า ความกระหายชัยชนะของปราการหลังจอมเก๋าอย่างเปเป้ เป็นคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้ในทีมชาติโปรตุเกสของเฟร์นานโด ซานโตส
ด้วยวัย 38 ปี เขายังเป็นกำลังสำคัญในทีมชาติโปรตุเกสที่ตั้งเป้าว่าจะป้องกันแชมป์ หลังจากเคยชนะฝรั่งเศสในรอบชิงเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
Getty Images70. คีแรน เทียร์นี่ย์ | สก็อตแลนด์
แฟนบอลอาร์เซนอลอาจจะประหลาดใจกับผลงานของเทียร์นีย์ในสองฤดูกาลแรกของเขาบนเวทีพรีเมียร์ลีก แต่ความสำเร็จของเขาเกิดขึ้นบนแผ่นดินสก็อตแลนด์ กับการเป็นสตาร์คนสำคัญในทีมเซลติก
อย่างไรก็ดี ในเกมทีมชาติ เขาต้องเจอคู่แข่งอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสันในตำแหน่งแบ็คซ้าย และน่าจะถูกขยับเข้ามายืนเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟในแผงหลัง 5 ตัวเสียมากกว่า
Getty Images69.เดยาน คูลูเซฟสกี้ | สวีเดน
อนาคตแห่งวงการฟุตบอลสวีเดนที่ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับยูเวนตุส
ด้วยส่วนสูงมากกว่า 6 ฟุต เขาไม่ได้มีรูปร่างเหมือนกองกลางตัวรุกโดยทั่วไปอย่างเอเดน อาซาร์ หรือเควิน เดอ บรอยน์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้
มิดฟิลด์วัย 21 ปี เล่นได้หลายตำแหน่ง มีการเลี้ยงบอลที่คล่องแคล่ว และเป็นอันตรายสำหรับกองหลังบริเวณรอบๆ กรอบเขตโทษ
Getty Images68. อูโก โยริส | ฝรั่งเศส
มีเพียงลิลิยง ตูราม ที่ติดทีมชาติฝรั่งเศสมากกว่าอูโก โยริส ซึ่งเคยสวมปลอกแขนกัปตันทีมพาทัพตราไก่ไปถึงตำแหน่งแชมป์ในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียมาแล้ว
เขาไม่ได้ตัวสูงใหญ่นัก สำหรับผู้รักษาประตูยุคใหม่ แต่ทดแทนด้วยปฏิกิริยาที่ว่องไว ความคล่องแคล่ว และการดวลตัวต่อตัวที่โดดเด่นกว่าใคร
Getty Images67. โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ | ยูเครน
ตอนอายุ 17 ปี ซินเชนโก้ต้องหนีออกจากยูเครนเพราะภัยสงคราม ทำให้เขาต้องฝึกซ้อมอยู่คนเดียวริมถนนที่มอสโก ก่อนที่โชคชะตาจะพาเขามาอยู่กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในที่สุด
เส้นทางค้าแข้งของเขาเต็มไปด้วยขวากหนามและความยากลำบาก แต่เขากลายเป็นกำลังสำคัญในทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้
Getty Images66. กรานิต ชาก้า | สวิตเซอร์แลนด์
มันอาจจะเป็นฤดูกาลที่ยากลำบากสำหรับอาร์เซนอล แต่ชาก้าก็เป็นหนึ่งในคนที่เล่นได้อย่างสม่ำเสมอที่สุด
จากที่เคยเกือบต้องเก็บกระเป๋าออกจากทีมเมื่อ 18 เดือนก่อน ชาก้ากลับมาเป็นกำลังสำคัญในทีมของมิเกล อาร์เตต้า และสำหรับสวิตเซอร์แลนด์แล้ว เขามีความสำคัญยิ่งกว่านั้นเสียอีก
Getty Images65. เปดรี้ | สเปน
เปดรี้อาจจะไม่ได้เติบโตมาจากอคาเดมี ลา มาเซีย อันแสนโด่งดังของบาร์เซโลนา แต่เขาก็มีคุณสมบัติที่สำคัญครบเครื่องสำหรับการเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกของทีมอาซูลกรานา จนต้องคว้าตัวเขามาจาก ลาส พัลมาส เมื่อปี 2020
ตอนแรกที่ย้ายมาเมื่อเดือนกรกฎาคม มีเพียงไม่กี่คนที่คาดหวังในตัวมิดฟิลด์วัย 18 ปีรายนี้ ก่อนที่เขาจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในตัวที่ยอดเยี่ยมจนมีหลายคนนำเขาไปเปรียบเทียบกับอันเดรส อิเนียสต้าเป็นที่เรียบร้อย
Getty Images64. เมรีห์ เดมิราล | ตุรกี
เดมิราลกลายเป็นนักเตะตุรกีคนแรกที่สวมชุดลายขาวดำของยูเวนตุส ตอนที่เขาเซ็นสัญญากับสโมสรเมื่อปี 2019 และนับจากนั้นผลงานของเขาก็กลายเป็นความภาคภูมิใจของคนทั้งชาติ
เดมิราลกลายเป็นกำลังสำคัญในเกมรับที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรปตลอด 5 ปีหลังสุด และยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นตัวจริงของทีมอย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้จะมีอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้งตลอดฤดูกาลที่แล้ว
Getty Images63. อักเซล วิตเซล | เบลเยียม
วิตเซลอาจจะมีสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยสมบูรณ์นัก หลังจากที่ไม่ได้ลงสนามมาตั้งแต่เดือนมกราคมเพราะอาการบาดเจ็บเอ็นข้อเท้า แต่เขาก็ยังน่าจะเป็นตัวหลักให้ทีมชาติเบลเยียมในทัวร์นาเมนต์นี้
มิดฟิลด์ที่ดูจะเน้นเกมรับมากที่สุดในบรรดาตัวเลือกหลักๆ ที่พวกเขามี วิตเซลมีจุดเด่นที่การแย่งบอลมาครอง และการเลือกจ่ายบอลอย่างถูกต้องของเขาก็ถือเป็นหนึ่งในแถวหน้าของยุโรป
Getty Images62. อเลสซานโดร บาสโตนี | อิตาลี
ผลผลิตจากระบบเยาวชนของอตาลันต้า บาสโตนีกลายเป็นแนวรับดาวรุ่งแถวหน้าของวงการยุโรป นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมอินเตอร์ มิลาน
ผู้เล่นวัย 22 ปี เล่นได้อย่างโดดเด่นทางฝั่งซ้ายในระบบกองหลังสามคนของอันโตนิโอ คอนเต้ ด้วยทักษะการครองบอลที่โดดเด่น การจ่ายบอลที่แม่นยำ และพละกำลังที่โดดเด่นเกินใคร จนทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในกองหลังยุคใหม่ที่ครบเครื่องที่สุดในเวลานี้
Getty Images61. โอลิวิเยร์ ชิรูด์ | ฝรั่งเศส
ชิรูด์อาจดูเหมือนเป็นกองหน้าเท้าบอด จากการที่ไม่สามารถทำประตูได้แม้แต่ลูกเดียวในฟุตบอลโลก 2018 ที่ฝรั่งเศสได้แชมป์โลก
อย่างไรก็ดี เขาคือตัวเลือกอันดับต้นๆ ของดิดิเยร์ เดส์ชองส์อยู่เสมอ เพราะเขามีประโยชน์มากกว่าเรื่องการปิดสกอร์ โดยเฉพาะการเชื่อมเกมกับเพื่อน และความพยายามในการเล่นเกมรับอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
Getty Images60. ฟาเบียน รุยซ์ | สเปน
ฟาเบียน รุยซ์ คือสุดยอดนักเตะสารพัดประโยชน์ของทีมชาติสเปน
มิดฟิลด์จากนาโปลีเล่นได้แทบทุกตำแหน่งในแผงกองกลาง และยังเล่นได้ดีในหลากหลายระบบ
เช่นเดียวกับผู้เล่นทัพกระทิงดุรายอื่นๆ เขามีจุดเด่นที่ความสามารถด้านเทคนิค วิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และการจ่ายบอลที่แม่นยำ
Getty Images59. ดิโอโก้ โจต้า | โปรตุเกส
หลังจากกลับมามีผลงานที่ยอดเยี่ยมกับลิเวอร์พูล โจต้าหวังจะรักษาฟอร์มแบบนั้นในยูโร 2020 กับทีมชาติโปรตุเกส
เขาอาจจะไม่ได้คาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วขนาดนี้ในถิ่นแอนฟิลด์ แต่แข้งวัย 24 ปีก็กลายเป็นตัวทีเด็ดที่ขาดไม่ได้ในทีมหงส์แดงไปเสียแล้ว และเขาก็น่าจะเป็นอาวุธสำคัญอีกรายของทัพฝอยทองที่จะลุ้นป้องกันแชมป์ในหน้าร้อนนี้
Getty Images58. ยูริ ติเลมองส์ | เบลเยียม
นี่เป็นฤดูกาลที่น่าประทับใจสำหรับยูริ ติเลมองส์ กับเลสเตอร์ ซิตี้ โดยเฉพาะประตูชัยของเขาในเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่ยิงไกลจากระยะ 25 หลา
อดีตดาวรุ่งอันเดอร์เลชท์เป็นมิดฟิลด์ตัวกลางที่เล่นได้ทุกรูปแบบ โดยมีจุดเด่นที่การครองบอลและการจ่ายบอลที่แม่นย
Getty Images57. ลอเรนโซ อินซินเญ | อิตาลี
เหมือนเช่นปีกสมัยใหม่หลายๆ ราย อินซินเญนิยมยืนทางปีกซ้าย และจะได้ตัดเข้าในและหาโอกาสทำประตูด้วยตัวเอง
ที่สำคัญ เขาเพิ่งมีฤดูกาลที่ร้อนแรงกับนาโปลีในเซเรีย อา มาหมาดๆ ซึ่งอาจจะเป็นผลงานส่วนตัวที่ดีที่สุดในชีวิตค้าแข้ง และเขาก็หวังจะรักษาฟอร์มแบบนั้นได้กับทีมชาติอิตาลี
Getty Images56. อุสมาน เดมเบเล | ฝรั่งเศส
หลังจากร่วมทัพบาร์เซโลนาด้วยค่าตัว 105 ล้านยูโร เมื่อปี 2017 เดมเบเลก็กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนัง
จากปัญหาอาการบาดเจ็บ และเรื่องวินัยนอกสนามที่ทำให้เขายังไม่อาจแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ แต่ด้วยความสามารถในการเล่นได้ทั้งสองเท้า การเลี้ยงบอลที่ชาญฉลาด และการยิงประตูที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้เขายังเป็นนักเตะที่อันตรายเสมอสำหรับผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม
Getty Images55. ดรีส์ เมอร์เทนส์ | เบลเยียม
ด้วยวัย 34 ปี เมอร์เทนส์กลายเป็นผู้เล่นตัวเก๋าในทีมชาติเบลเยียมชุดยูโร 2020
แข้งนาโปลีเล่นได้อย่างสม่ำเสมอมาตลอดหลายปี และยิงได้อย่างน้อย 10 ประตู รวมทุกรายการได้ถึง 11 ฤดูกาลติดต่อกันแล้ว
นอกจากนี้ ด้วยการเคลื่อนที่อย่างชาญฉลาด ทำให้เขามีความเป็นตัวสร้างสรรค์เกมที่อันตรายพอๆ กับการปิดสกอร์ด้วยตัวเอง
Getty Images54. ไค ฮาแวร์ตซ์ | เยอรมัน
นักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลกในปี 2020 ไค ฮาแวร์ตซ์ ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมาก หลังจากฤดูกาลที่ลุ่มๆ ดอนๆ กับเชลซี
อย่างไรก็ดี เขายังเป็นผู้เล่นคนสำคัญในเกมเยอรมันของโยอาคิม เลิฟ ที่ยังคงหวังว่าฮาแวร์ตซ์จะระเบิดฟอร์มได้เหมือนอย่างตอนที่แจ้งเกิดกับไบเออร์ เลเวอร์คูเซน
Getty Images53. มาเตโอ โควาซิช | โครเอเชีย
หนึ่งในขุนพลทีมชาติโครเอเชียที่ทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2018 โควาซิชคือคนที่เชื่อมเกมระหว่างกองหลังกับกองกลางได้อย่างไร้ที่ติ
ก่อนหน้านี้ เขาเคยเล่นในบทบาทที่เน้นเกมรุกมากกว่าสมัยอยู่กับดินาโม ซาเกร็บ และอินเตอร์ มิลาน ทว่าหลังจากล้มเหลวกับเรอัล มาดริด นี่ก็เป็นอีกหนึ่งทัวร์นาเมนต์ที่เขาจะได้พิสูจน์ตัวเองในวัย 27 ปี
Getty Images52. จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม | เนเธอร์แลนด์
ห้องเครื่องของลิเวอร์พูลที่พยายามทำงานเพื่อทีมอยู่เบื้องหลังอย่างไม่โดดเด่น แต่แฟนบอลทุกคนรู้ดีว่าเขามีความสำคัญแค่ไหนในฤดูกาลที่ผ่านมา
แม้จะไม่ได้มีจุดเด่นที่เห็นได้ชัด แต่ไวจ์นัลดุมก็ทำได้แทบทุกอย่างแบบไร้ที่ติ และทีมหงส์แดงคงคิดถึงเขาไม่น้อยในฤดูกาลหน้า หลังจากที่จะกลายเป็นนักเตะไร้สังกัดในหน้าร้อนนี้
Getty Images51. แจ็ค กรีลิช | อังกฤษ
สำหรับหลายๆ คน กรีลิชคือนักฟุตบอลที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของประเทศอังกฤษ นับตั้งแต่พอล แกสคอยน์อำลาสนาม
เขามีลีลาการเล่นที่หวือหวา แถมยังมีจินตนาการที่กว้างไกล ทำให้เขากลายเป็นตัวอันตรายในทีมของแกเร็ธ เซาธ์เกตในทัวร์นาเมนต์นี้
Getty Images50. เลรอย ซาเน | เยอรมัน
หลังจากกลับไปอยู่ที่ประเทศบ้านเกิดกับบาเยิร์น มิวนิค อดีตปีกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือผู้เล่นที่ขึ้นชื่อในเรื่องความไม่สม่ำเสมอของเขา
ในวันที่เข้าฟอร์ม แข้งวัย 25 ปี คือผู้เล่นที่รับมือได้ยากที่สุดคนหนึ่ง โดยเฉพาะลีลาการเลี้ยงบอลที่โดดเด่น และสามารถสร้างโอกาสได้จากจังหวะที่แทบไม่มีอะไรเลย
Getty Images49. เฟเดริโก้ คิเอซา l อิตาลี
คิเอซา มุ่งหน้าสู่ทัวร์นาเมนต์ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยม คิดว่าแฟนบอลนอกอิตาลีอาจไม่คิดว่าเขาจะสร้างอิมแพ็คได้มากขนาดนี้ในฤดูกาลแรกกับยูเวนตุส
ดาวเตะวัย 23 ปี ปิดฉากฤดูกาล 2020/21 ด้วยการทำ 15 ประตู 11 แอสซิสต์รวมทุกรายการ อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมในเกมใหญ่ โดยทำประตูใส่ได้ทั้งอินเตอร์ และ เอซี มิลาน อีกทั้งยังซัดประตูชัยในเกมโคปปา อิตาเลีย นัดชิงชนะเลิศอีกด้วย
อีกทั้งเขายังทำได้ 3 ประตูในเกมทั้งสองเลกในแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ยูเวนตุสตกรอบด้วยน้ำมือปอร์โต้ ซึ่งหมายความว่าเขาน่าจะได้รับบทบาทสำคัญในเกมรุกกราบซ้ายของ โรแบร์โต้ มันชินี
Getty Images48. เจา เฟลิกซ์ l โปรตุเกส
เจา เฟลิกซ์ เจอบททดสอบครั้งใหญ่ในการเข้ามาแทนที่ของ อองตวน กรีซมันน์ ตอนที่เขาย้ายจากเบนฟิก้าไปร่วมทีมแอตเลติโก้ มาดริดในปี 2019 และแม้เขาจะค่อนข้างกระเสือกกระสนในช่วงแรก แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาเช่นกัน
ด้วยศักยภาพในการเล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรุก ตำแหน่งที่ดีที่สุดของเขาคือมิดฟิลด์ตัวรุก แม้ว่าจะลงสนามให้แอตเลติโก้บ่อยครั้งในตำแหน่งปีกขวาก็ตาม
ด้วยการที่ยังเป็นดาวรุ่ง แต่เขาก็มีสัญชาตญาณที่น่าเกรงขามในการอยู่ถูกที่ถูกเวลาอยู่เสมอ
Getty Images47. เลออน กอเร็ตซ์ก้า l เยอรมัน
กอเร็ตซ์ก้า มิดฟิลด์กล้ามบึกจะเป็นหนึ่งในนักเตะตัวหหหลักในการพาเยอรมันลุ้นแชมป์ยูโร 2020 อย่างแน่นอน
ดาวเตะบาเยิร์น มิวนิค อาจจะให้ความสำคัญในการป้องกันเกมรับเป็รหลัก แต่เขาก็ยังมีจุดเด่นในการสอดขึ้นมาทำประตูจากความแข็งแกร่งทางอากาศในการเล่นลูกตั้งเตะและทักษะการยิงไกลของเขา
โยอาคิม เลิฟ มีคู่มือใช้งานในพรสวรรค์ของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างดี
Getty Images46. เซร์คิโอ บุสเกสต์ l สเปน
หนึ่งในนักเตะที่ยังคงใช้งานได้ที่ยังหลงเหลือจากยุครุ่งเรื่องของสเปนที่คว้าแชมป์ยูโร 2012, บุสเกสต์ จะได้รับการจดจำว่าเขาเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรับที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่ง
แม้ไม่ได้โดดเด่นเรื่องความเร็ว, ยืนระยะและความแข็งแกร่ง แต่มันถูกทดแทนด้วยความอัจฉริยะในการเล่น ซึ่งทำให้เขาปักหลักป้องกันได้อย่างเหนียวแน่น
แน่นอนว่า ในฐานะยุคทองของบาร์เซโลนาและสเปน เขาคือหนึ่งในคนที่ประสบความสำเร็จที่สุด
Getty Images45. เมมฟิส เดปาย | เนเธอร์แลนด์
แทบจะไม่ได้ลงสนามเมื่อฤดูกาลที่แล้ว หลังจากเจออาการบาดเจ็บครั้งใหญ่เล่นงานที่หัวเข่าตอนลงสนามให้กับลียง โดยการที่ทัวร์นาเมนต์ถูกเลื่อนออกมาทำให้ เมมฟิส มีโอกาสกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดของเขาอีกครั้ง
อดีตดาวเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มักประจำอยู่ทางกราบซ้ายหรือปักหลักแดนกลาง ผู้เป็นหัวใจสำคัญของทีม
หลังจากที่ทำสถิติแตะสองหลักได้จากการทำประตูและแอสซิสต์ในฤดูกาล 2020/21 ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักเตะฟรีเอเย่นต์ที่เนื้อหอมที่สุดในยุโรปช่วงซัมเมอร์นี้ หลังจากหมดสัญญาในฝรั่งเศส
Getty Images44. ติโม แวร์เนอร์ l เยอรมัน
นับเป็นฤดูกาลที่ยากลำบากสำหรับ แวร์เนอร์ ในพรีเมียร์ลีกกับเชลซี ในช่วงที่เขาเจอกับเสียงวิจารณ์เรื่องการจบสกอร์
อย่างไรก็ตาม เขายังคงเป็นนักเตะคนสำคัญของ โธมัส ทูเคิ่ล ด้วยศักยภาพในการสร้างสรรค์โอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีม
ซึ่งการไปเล่นยูโร 2020 ในครั้งนี้ เขามีเรื่องที่ต้องพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็น
Getty Images43. ฆอร์ดี้ อัลบา l สเปน
อัลบา อายุครบ 32 ปีไปเมื่อเดือนมีนาคม แต่ทว่าเขายังไม่มีท่าทีที่จะหมดไฟในการเล่นแต่อย่างใด
ตลอดอาชีพการค้าแข้ง เขาถูกจดจำในการเป็นฟูลแบ็คที่เติมเกมบุกอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และคว้าแชมป์มากมายกับบาร์เซโลนาและสเปน
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เขาถูกบาร์ซาปรับไปยืนในตำแหน่งวิงแบ็คซ้าย ทำให้เขาได้แสดงพละกำลังและความฟิตอย่างเต็มเปี่ยม
Getty42. ชิโร อิมโมบิลเล l อิตาลี
หนึ่งในกองหน้าที่ผลงานโดดเด่นที่สุดในช่วงไม่กี่ฤดูกาลที่ผ่านมา จุดพีคของเขาอยู่ในฤดูกาล 2019/20 ที่สามารถคว้ารางวัลดาวซัลโวยุโรป หลังทำ 36 ประตูให้กับลาซิโอ
อันที่จริงแล้ว เขาเพิ่งยิงครบ 150 ประตูให้กับยอดทีมจากกรุงโรมโดยใช้เวลาเพียง 5 ฤดูกาลเท่านั้น
ด้วยทักษะการเคลื่อนที่อันยอดเยี่ยมและการจบสกอร์อันเฉียบขาด ทำให้สถิติการทำประตูในอิตาลีของเขาถือว่าค่อนข้างดีพอตัวเลยทีเดียว
Getty Images41. เจา คันเซโล l โปรตุเกส
แม้ว่า คันเซโล จะได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในฟูลแบ็คที่โดดเด่นที่สุดในยุโรป แต่กว่าเขาจะได้ฉายแสงอย่างเต็มที่มันคือช่วงที่เขาย้ายไปร่วมทีมยูเวนตุสในปี 2018
หนึ่งปีหลังจากนั้น เขาย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ใช้เขาหลายตำแหน่งด้วยเทคนิคอันเปี่ยมไปด้วยคุณภาพของเขา
ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงปีที่ผ่านมา เขาก็ได้กลายเป็นหนึ่งในนักเตะคนสำคัญของ โปรตุเกส ไปแล้วด้วยเช่นกัน
Getty Images40.เมสัน เมาท์ l อังกฤษ
อีกหนึ่งแข้งดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษที่ก้าวขึ้นมาทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ เมาท์ ได้รับโอกาสลงสนามทีมชุดใหญ่เชลซีภายใต้การคุมทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด
แม้ว่าเพื่อนจากอคาเดมี่หลายคนที่ยึดตำแหน่งในทีมยุค โธมัส ทูเคิ่ล ไม่ได้ แต่ เมาท์ ยังคงยกระดับการเล่นของตัวเองให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งดาวเตะวัย 22 ปีมีทักษะในการเล่นเกมรุกอันน่ากลัวจากการเล่นบอลกลางสนาม
Getty Images39. จานลุยจิ ดอนนารุมมา | อิตาลี
ดอนนารุมมา ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้รักษาประตูอายุน้อยที่ดีที่สุดในโลก เขาต้องเผชิญหน้ากับช่วงซัมเมอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพของตัวเอง ซึ่งเขากำลังจะมีบทบาทสำคัญกับทีมชาติอิตาลี ในยูโร 2020
รูปร่างอันสูงใหญ่ของ ดอนนารุมมา ดูจะเข้ากับวุฒิภาวะและความเป็นผู้นำ ขณะที่จุดแข็งที่สุดของเขาคือการป้องกันลูกยิง การตัดสินใจ รวมถึงความเร็วในการออกมาตัดบอลนอกกรอบ
Getty Images38. ฮาคาน ชัลฮาโนกลู | ตุรกี
นักเตะผู้เกิดที่เยอรมันแต่มีเชื้อสายตุรกี บางครั้งมันคงเป็นเรื่องธรรมดาที่ ชัลฮาโนกลู มักจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับ เมซุต โอซิล
และดูเหมือนจะมีส่วนคล้ายกันจริง เพราะว่าเขาทั้งคู่เน้นการเล่นฟุตบอลด้วยเทคนิคมากกว่าการใช้ร่างกาย
ซึ่งนั่นคือลักษณะที่โดดเด่นของ ชัลฮาโนกลู สตาร์จาก เอซี มิลาน แต่ถึงอย่างนั้นความสามารถที่เหนือกว่าของดาวเตะวัย 27 ปี คือลูกนิ่ง โดยเฉพาะลูกฟรีคิกที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเขา
Getty Images37. แกเร็ธ เบล | เวลส์
ชื่อเสียงของ เบล อาจจะร่วงลงมาในช่วง 2-3 ปีหลัง แต่ก็ไม่มีข้อสังสัยในความสามารถของดาวเตะเรอัล มาดริด ผู้ที่ย้ายกลับไปเล่นแบบยืมตัวกับ ท็อตแนม เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาเพื่อเฉิดฉายบนเวทีใหญ่อีกครั้ง
อันที่จริง ลูกยิงตีลังกาใส่ลิเวอร์พูลในเกมนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อปี 2018 นับว่าเป็นหนึ่งในประตูที่ยอดเยี่ยมที่สุดของการแข่งขัน
เริ่มต้นด้วยตำแหน่งแบ็คซ้ายก่อนขยับมาเป็นปีกและตอนนี้เขามักยืนประจำการฝั่งขวาให้กับทั้งสโมสรและทีมชาติ
Getty Images36. แอนดี้ โรเบิร์ตสัน | สก็อตแลนด์
นักเตะที่ประสบความสำเร็จในระดับสโมสรมากที่สุดของสก็อตแลนด์ในรอบทศวรรษ โรเบิร์ตสัน คือตัวหลักของ เยอร์เกน คล็อปป์ ในยุครุ่งเรืองของลิเวอร์พูล ซึ่งเขาครองตำแหน่งฝั่งซ้ายด้วยพลังที่ไร้ขีดจำกัด
แม้ว่าเขาจะเป็นกัปตันทีมชาติสก็อตแลนด์ ทว่าฟอร์มในทีมชาติยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากการไร้ซึ่งอิทธิพลในชุดสีน้ำเงินเข้ม ไม่เหมือนกับตอนที่อยู่ในชุดของหงส์แดง
Getty Images35 นิโกโล บาเรลลา | อิตาลี
หนึ่งในนักเตะของ อินเตอร์ มิลาน ชุดยุติการคว้าแชมป์เซเรีย อา ของ ยูเวนตุส ในฤดูกาลนี้ นิโกโล บาเรลลา คือแข้งมากพรสวรรค์
คุณภาพที่สำคัญที่สุดของของเขาคือการเข้ากดดันและแย่งบอลมาครอง และเขายังเชี่ยวชาญการเป็นจุดเริ่มต้นของเกมสวนกลับ ก่อนเลี้ยงแหวกเกมรับเพื่อเข้าไปทำประตูด้วยลูกวอลเลย์สุดสวย
หัวจิตหัวใจของแข้งวัย 24 ปี ก็น่าประทับใจเช่นกัน ดูได้จากจิตวิญญาณนักสู่อันแรงกล้า
Getty Images34. แบร์นาร์โด้ ซิลวา | โปรตุเกส
นักเตะผู้ถูกรัศมีของ เควิน เดอ บรอยน์ และ ฟิล โฟเด้น บดบังที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเป็นเรื่องผิดที่จะมองข้ามคุณภาพบางอย่างของ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ที่นำมาสู่สโมสรที่อาจเรียกได้ว่าดีที่สุดของโลก ณ ขณะนี้
บางทีเขาอาจจะขาดในเรื่องการปั้นเกม แต่ยังเขามีความเร็ว ความคล่องแคล่ว มีความคิดสร้างสรรค์และเล่นสวยงาม
ซึ่งมีผู้เล่นถนัดเท้าซ้ายไม่มีคนหรอกที่เก่งกว่าเขา
Getty Images33. ราฮีม สเตอร์ลิง | อังกฤษ
สำหรับฤดูกาล 2019-20 สเตอร์ลิง คือหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก แม้ว่าบางครั้งเขาจะไม่ได้เล่นทางฝั่งซ้ายของ แมนเชสเอตร์ ซิตี้ ก็ตาม
ฤดูกาลที่ผ่านมาถือเป็นบททดสอบของสตาร์ทีมชาติอังกฤษ แต่ถ้าหากเขาอยู่ในฟอร์มที่สุดยอด ทัพทรีส์ ไลอ้อน จะมีอาวุธทรงพลังอยู่ในมือ
เขามีความสุขที่สุดเมื่ออยู่ทางกราบซ้าย และจากนั้นเขาจะใช้ฝีเท้าอันรวดเร็วเล่นงานสายตาของกองหลัง
Getty Images32. คริสเตียน อีริคเซน | เดนมาร์ก
ยอดผู้เล่นแห่งยุคของ เดนมาร์ก อีกคนหนึ่ง อีริคเซน มีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดเมื่อตอนที่เขาได้รับบทบาทหมายเลข 10 ที่ท็อตแนม
เขาคือ 1 ใน 2 ผู้เล่นที่สามารถทำได้ 10 แอสซิสต์หรือมากกว่า 4 ฤดูกาลติดต่อกันในพรีเมียร์ลีกเคียงข้าง เดวิด เบ็คแฮม
ตั้งแต่ย้ายไปอยู่ อินเตอร์ เขาเล่นในตำแหน่งที่ต่ำลงมา แต่สุดท้ายแข้งโคนมจะได้กลับมาเล่นในตำแหน่งที่โปรดปรานอีกครั้ง
Getty Images31. อายเมริค ลาปอร์กต์ | สเปน
แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในเซ็นเตอร์แบ็คที่ฟอร์มดีที่สุดของวงการฟุตบอลตลอด 3 ฤดูกาลล่าสุด แต่เกียรติยศในระดับชาติของลาปอร์กต์กลับถูกโยนทิ้งโดยฝรั่งเศส
นั่นทำให้ปราการหลังจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปลี่ยนมารับใช้ทีมชาติสเปนก่อนศึกยูโร 2020 ที่เขานั้นจะได้ทดแทนการขาดหายไปของ เซร์คิโอ รามอส กัปตันทีมที่บาดเจ็บ
เขาคือกองหลังจอมเข้าสกัดและโหม่งบอลได้ดี สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นคือการวางบอลยาว เช่นเดียวกับการเติมขึ้นมาโขกประตูซึ่งเป็นบทบาทสำคัญของดาวเตะวัย 27 ปี ภายใต้กุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา
Getty Images30. แซร์จ กนาบรี้ | เยอรมัน
นับตั้งแต่ โทนี พูลิส กุนซือเวสต์บรอมวิชฯ บอกว่า แซร์จ กนาบรี้ "ฝีเท้าไม่ถึงระดับพรีเมียร์ลีก" ในปี 2015 ขณะที่ปีกทีมชาติเยอรมันถูกยืมตัวจากอาร์เซนอลมาอยู่ในถิ่นเดอะ ฮอว์ธอร์นส์ แต่สุดท้ายเขาคงได้เห็นแล้วว่าเขาคิดผิด
แข้งวัย 25 ปี มีผลงานที่อาจจะดูด้อยไปหน่อยที่บาเยิร์น มิวนิค ถ้าเทียบกับทีมชาติเยอรมันแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเก่งกาจและมีสถิติการทำประตูที่ยอดเยี่ยมสุดๆ ในเกมระดับชาติ
Getty Images29. อองตวน กรีซมันน์ | ฝรั่งเศส
เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมอันดับ 3 ของฟุตบอลโลก 2018 ได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้เล่นที่สำคัญที่สุดของฝรั่งเศสชุดคว้าแชมป์โลกที่รัสเซีย
ปีต่อมา เขาย้ายจาก แอตเลติโก้ มาดริด ไปเล่นกับ บาร์เซโลนา แต่กลับเรียกฟอร์มเก่งของตัวเองกลับมาไม่ได้เลย
อย่างไรก็ดี กรีซมันน์ยังคงเป็นนักเตะที่ ดิดิเยร์ เดชองส์ เชื่อใจ โดยเฉพาะคุณภาพในการเล่นลูกเซ็ตพีชของเขา ซึ่งสำคัญต่อตำแหน่งแชมป์โลกเมื่อ 3 ปีก่อน
Getty Images28. มานูเอล นอยเออร์ | เยอรมัน
วันใดที่นอยเออร์แขวนถุงมือ เขาจะถูกจดจำในฐานะผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในรุ่นของเขา
หลายคนรู้จักเขาในฐานะผู้รักษาประตูที่ไร้ความกลัวกับการออกมาเล่นนอกเขตโทษ รวมถึงการทำตัวเองให้ดูใหญ่จนบอลผ่านไปไม่ได้ ในจังหวะที่ดวลตัวต่อตัวกับกองหน้าคู่แข่ง
การเซฟของเขาคือส่วนสำคัญกับการพาเยอรมันคว้าแชมป์โลก 2014 ด้วยการเอาชนะอาร์เจนตินา 1-0 ในรอบชิงชนะเลิศ โดยศึกยูโรคือรายการใหญ่รายการเดียวที่มือกาววัย 35 ยังไม่เคยได้แชมป์
Getty Images27. รูเบน ดิอาส | โปรตุเกส
ตอนที่ รูเบน ดิดาส ย้ายจาก เบนฟิก้า มายัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แม้แต่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา คงคิดไม่ถึงว่า กองหลังชาวโปรตุกีสจะมีอิทธิพลต่อทีมมากมายขนาดนี้
เขาเข้ามาเปลี่ยนแปลงแนวรับของทีม เข้ามาเป็นผู้นำและนำความนิ่งมาให้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สโมสรขาดไปนับตั้งแต่ แวงซ็อง กอมปานี แขวนสตั๊ด
หลายคนเชื่อว่า เขาคือกองหลังที่ดีที่สุดในยุโรป ณ เวลานี้
Getty Images26. ลูก้า โมดริช | โครเอเชีย
เขาคือนักเตะคนเดียวนอกเหนือจาก คริสเตียโน โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี ที่ได้รางวัลบัลลงดอร์ตั้งแต่ปี 2008 เขาฉลาดเป็นกรดและมีความคล่องแคล่ว ซึ่งทำให้เขายังลงเล่นฟุตบอลในระดับสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งที่อายุปาเข้าไป 35 ปีแล้ว
เขามีความสามารถในการควบคุมจังหวะเกม และเป็นจุดเริ่มต้นเกมรุกที่อันตรายทั้งกับ เรอัล มาดริด และทีมชาติโครเอเชีย
Getty Images25. อิลคาย กุนโดกัน | เยอรมัน
กุนโดกันไปยูโร 2020 หลังจากมีฤดูกาลที่ดีที่สุดในอาชีพ ในช่วงหนึ่งของกลางฤดูกาล เขาคือนักเตะที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก โดยที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้
เขาได้รับบทบาทในเกมรุกมากขึ้นกับ แมนฯ ซิตี้ จนทำประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
เขาคือมิดฟิลด์ตัวกลางที่สมบูรณ์แบบ และจะทำให้ โยอาคิม เลิฟ ปวดหัวกับการเลือกตำแหน่งที่เหมาะให้กับเขา
Getty Images24. ดาวิด อลาบา | ออสเตรีย
อลาบาจะยุติเส้นทางค้าแข้งกับ บาเยิร์น มิวนิค ในซัมเมอร์นี้ หลังจากลงสนามช่วยทีมมากว่า 400 เกม
หนึ่งในความท้าทายใหม่ของเขาคือ การได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติออสเตรียทำศึกยูโร 2020
เขาเป็นกองหลังสารพัดประโยชน์ เขาเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็คกับบาเยิร์น แต่เล่นเป็นแบ็คซ้ายกับทีมชาติ แถมก่อนหน้านี้ก็เคยเล่นเป็นกองกลางตัวรุกมาแล้ว
Getty Images23. มาร์โก แวร์รัตต์ | อิตาลี
เขาได้รับการขนานนามว่า ‘นกเค้าแมว’ ด้วยวิสัยทัศน์การเล่นที่กว้างไกลราวกับมีตาหลัง เขาครองบอลได้เหนียวแน่นแม้แต่ในพื้นที่แคบ ๆ และมีทีเด็ดอยู่ที่ลูกจ่ายบอลที่แม่นยำ
เขาไม่ใช่นักเตะที่ทำแอสซิสต์หรือประตูได้มากมาย แต่เป็นตัวเชื่อมเกมชั้นดีระหว่างแนวรับกับแผงกองกลาง ช่วยทำให้ทีมขึ้นเกมได้อย่างลื่นไหล
แต่เขามักโดนใบเหลืองบ่อย ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดัน
Getty Images22. ฟิล โฟเดน | อังกฤษ
ดาวโรจน์วัย 21 ได้รับการยกย่องเรื่องพรสวรรค์มาหลายปีแล้ว จนบางครั้งหลายคนผิดหวังที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ไม่ให้โอกาสนักเตะลงเล่นมากกว่านี้
อย่างไรก็ดี ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในฤดูกาลนี้ เมื่อโฟเด้นทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ จนสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมมาครองได้แบบถาวร
ด้วยความสามารถและเทคนิคอันเหลือเชื่อ เขาจะกลายเป็นสุดยอดนักเตะของวงการในทศวรรษต่อไปแน่นอน
Getty Images21. มัทไธส์ เดอ ลิกต์ | เนเธอร์แลนด์ส
เดอ ลิกต์ เป็นหนึ่งในคีย์แมนของอาแย็กซ์ชุดผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2019 เขาพาทีมล้มยักษ์ใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด และ ยูเวนตุส อย่างราบคาบ
จากนั้นเขาย้ายไปเล่นกับเจ้าม้าลายด้วยค่าตัวมหาศาล แม้จะมีปัญหาปรับตัวในช่วงแรก แต่ในที่สุดเขากลายเป็นหนึ่งในปราการหลังที่โดดเด่นที่สุดใน กัลโช เซเรีย อา
เจ้าของรางวัลโกลเด้นบอยปี 2018 เป็นเซ็นเตอร์แบ็คสมัยใหม่ที่สมบูรณ์แบบ เขามีสภาพร่างกายที่แข็งแกร่ง เล่นลูกกลางอากาศได้ดี และมีเทคนิคสูงกว่าผู้เล่นในตำแหน่งเดียว เพราะเคยผ่านการเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกมาก่อนสมัยเป็นเยาวชน
Getty Images20. ติโบต์ กูร์ตัวส์ I เบลเยียม
กูร์ตัวส์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีสุดในโลกมาอย่างยาวนาน และผลงานกับ เรอัล มาดริด ฤดูกาลนี้ ได้รับคำวิจารณ์ไปในทิศทางบวก
นายด่านเจ้าของส่วนสูง 6 ฟุต 7 นิ้ว นอกจากจะมีการเซฟที่เหนียวหนึบแล้วยังมีทีเด็ดในการเล่นเกมรุกด้วยการขว้างออกบอลเร็วอีกด้วย
Getty Images19. โธมัส มุลเลอร์ I เยอรมัน
มุลเลอร์ หลุดจากสารบบทีมชาติเยอรมันไปตั้งแต่ปี 2019 แต่ในการแบโผขุนพลอินทรีเหล็กชุดลุยยูโร 2020 แนวรุกจาก บาเยิร์น มิวนิค กลับมามีชื่ออยู่ในทีมอีกครั้ง
ดาวเตะวัย 31 ปี เต็มไปด้วยประสบการณ์และทีเด็ดในการทำประตูรวมถึงสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีม ซึ่งจะทำให้แนวรุกของ เยอรมัน กลับมาน่าเกรงขามอีกครั้ง
Getty Images18. เอ็นโกโล ก็องเต้ I ฝรั่งเศส
ก็องเต้ มีความฟิตและการอ่านเกมที่เหนือชั้น ทำให้รู้สึกเหมือนว่าเขาไปปรากฏตัวในทุกพื้นที่ของสนาม
นอกจากเกมรับอันโดดเด่น ในฤดูกาลนี้เขายังพัฒนาเรื่องเกมรุกขึ้นมาด้วย เรียกได้ว่าเป็นกองกลางในฝันของโค้ชทุกคน และนักเตะระดับโลกอย่างแท้จริง
Getty Images17. จาดอน ซานโช I อังกฤษ
ซานโช มีความเร็วและเทคนิคการเล่นอันน่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากนี้ยังสามารถเล่นได้ทั้งริมเส้นฝั่งซ้ายและขวา เรียกได้ว่าเป็นฝันร้ายของแนวรับคู่แข่ง
เขาได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นตัวทีเด็ดของทีมชาติอังกฤษในยูโร 2020 ครั้งนี้ และฤดูกาลหน้ามีโอกาสสูงที่จะย้ายกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง
Getty Images16. บรูโน แฟร์นันด์ส I โปรตุเกส
บรูโน เข้ามายกระดับแนวรุกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเห็นได้ชัด นับตั้งแต่ย้ายมาเมื่อช่วงเดือนมกราคมปี 2020
จอมทัพวัย 26 ปี มีทีเด็ดในการจ่ายบอลแบบคิลเลอร์พาส รวมถึงลูกฟรีคิกและจุดโทษที่ไว้ใจได้ แต่ในทีมชาติโปรตุเกสลูกตั้งเตะมี คริสเตียโน โรนัลโด้ เป็นมือสังหารอันดับหนึ่ง
Getty Images15. เอเด็น อาซาร์ I เบลเยียม
อาซาร์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีสุดของยุโรปมาตลอดหลายปีและ เรอัล มาดริด ใช้เงินถึง 100 ล้านยูโร เพื่อเซ็นสัญญากับเขาเมื่อปี 2019
อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บ ทำให้เขายังระเบิดฟอร์มเก่งกับราชันชุดขาวไม่ได้ แต่เขายังมีทีเด็ดที่พร้อมตัดสินเกมได้ในเสี้ยววินาที
Getty Images14. ติอาโก้ อัลคันทารา I สเปน
ติอาโก้ ถูกยกให้เป็นกองกลางตัวหลักของสเปนในยุคนี้ และเป็นตัวแทนของ ชาบี เอร์นันเดซ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แม้จะไม่ได้อยู่ในฟอร์มพีคกับ ลิเวอร์พูล เหมือนที่ทำได้ตอนอยู่ บาเยิร์น มิวนิค แต่ในวัย 30 ปี เขายังแสดงความเหนือชั้นและทักษะการจ่ายบอลชั้นยอดออกมาให้เห็นตลอดทั้งฤดูกาล
Getty Images13. มาร์คัส แรชฟอร์ด I อังกฤษ
แรชฟอร์ด อายุเพียง 23 ปี แต่เป็นกำลังหลักในแนวรุกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาตลอด 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา
โดยปกติดาวเตะทีมชาติอังกฤษจะประจำการทางริมเส้นทั้งสองฝั่ง แต่เขาสามารถขยับมาเล่นเป็นกองหน้าได้ ด้วยความเร็วและทักษะอันยอดเยี่ยม
นอกจากผลงานในสนามแล้ว แรชฟอร์ด ยังได้รับคำยกย่องอย่างมากกับกิจกรรมเพื่อสังคมที่เขาทำนอกสนามด้วย
Getty Images12. แฟรงกี้ เดอ ยอง I เนเธอร์แลนด์
สตาร์ชาวดัตช์เริ่มต้นได้ไม่ดีนักกับ บาร์เซโลนา ภายใต้การคุมทีมของ โรนัลด์ คูมัน เขาต้องเจอกับการแข่งขันแย่งตำแหน่งที่เข้มข้นของอาซูกรานา
แต่หลังจากผ่านมาครึ่งฤดูกาลเขาเริ่มได้รับโอกาสและอิสระในการเล่นมากขึ้น ทำให้กลับมาอยู่ในฟอร์มเก่งอีกครั้ง
เดอ ยอง ถูกปรับมารับบทเซ็นเตอร์ฮาล์ฟให้อาซูลกรานาและทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แต่คาดว่ากับทีมชาติเขาจะได้กลับมาเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ที่ถนัด
Getty Images11. ราฟาเอล วาราน I ฝรั่งเศส
วาราน อายุเพียง 28 ปี เท่านั้น แต่ด้วยฝีเท้าและความนิ่งทำให้เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีประสบการณ์มากที่สุดของทีมชาติฝรั่งเศส
แนวรับจาก เรอัล มาดริด ได้รับการยกย่องมาอย่างยาวนานทั้งในระดับทีมชาติและสโมสร ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลกปี 2018
หากจะหาจุดด้อยของเขา อาจมีเพียงแค่เรื่องสภาพร่างกายที่ในฤดูกาลนี้เขาดูไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร
Getty Images10. ปอล ป็อกบา | ฝรั่งเศส
ป็อกบา ถูกวิจารณ์เสมอเรื่องฟอร์มการเล่นที่ไม่สม่ำเสมอ และมักจะทำได้ดีในระดับทีมชาติมากกว่าการเล่นให้สโมสร
นับตั้งแต่ย้ายจากยูเวนตุส กลับมาค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อปี 2016 ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลกในเวลานั้น เขายังไม่สามารถทำผลงานอยู่ในระดับที่น่าพอใจได้เลย
ทว่าเมื่อต้องไปเล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศสกลับเป็นตรงกันข้าม เพราะคือห้องเครื่องตัวหลักที่การันตีด้วยตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 รวมถึงการได้จับคู่กับกองกลางตัวรับซึ่งว่ากันว่าที่ดีที่สุดในโลกของยุคนี้อย่าง เอ็นโกโล ก็องเต้ ก็ช่วยให้ ป็อกบา สามารถเฉิดฉายได้เต็มที่
แน่นอนว่า ป็อกบา และผองเพื่อนทัพตราไก่ หวังจะสานต่อความสำเร็จจากฟุตบอล ด้วยการคว้าแชมป์ยูโรให้ได้ หลังต้องผิดหวังได้เพียงแค่รองแชมป์ในครั้งก่อน
Getty Images9. โทนี โครส | เยอรมัน
โครส อาจไม่ได้กองกลางที่มีลีลาการเล่นน่าตื่นตาตื่นใจ แต่บอลที่ออกจากเท้าของเขานั้นล้วนเต็มไปด้วยประสิทธิภาพในการทำลายล้างคู่แข่ง
ดาวเตะชาวเยอรมันสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแดนกลาง โดยมีจุดเด่นคือการใช้ทั้งสองเท้าได้ดีเท่ากัน รวมถึงยังทำได้ดีทั้งเกมรุกและเกมรับ
ด้วยวัย 31 ปี ทำให้ โครส เต็มไปด้วยประสบการณ์และความพร้อมในการเป็นจอมทัพที่หวังจะพาทีมชาติประสบความสำเร็จในยูโร 2020
Getty Images8. คาริม เบนเซมา | ฝรั่งเศส
ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ สร้างความประหลาดใจด้วยการเรียกตัว คาริม เบนเซมา กลับมารับใช้ทีมชาติฝรั่งเศสอีกครั้ง หลังหลุดจากทีมไปตั้งแต่ปี 2015
แม้ว้ยจะล่วงเลยมาถึง 33 ปีแล้ว แต่ฟอร์มส่วนตัวในสองฤดูกาลหลังสุดของเขา ก็ยอดเยี่ยมเกินกว่าที่ทาง เดส์ชองส์ จะเมินเฉยได้จริง ๆ
นับตั้งแต่ที่ คริสเตียโน โรนัลโด้ ย้ายออกจากสโมสร ก็ทำให้ เบนเซมา ก้าวมาเป็นแนวรุกตัวความหวังสูงสุดของเรอัล มาดริดทันที ซึ่งเขาก็ทำผลงานได้ดีเยี่ยมอย่างที่คาดหวังด้วย
น่าเสียดายที่ในฤดูกาลนี้ ราชันชุดขาวไม่สามารถคว้าแชมป์ได้เลย ทั้งการจบเป็นแค่รองแชมป์ลาลีกา รวมถึงหยุดเส้นทางในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพียงแค่รอบรองชนะเลิศ
การกลับมาร่วมทีมชาติในรอบเกือบ 6 ปี ถือเป็นบทพิสูจน์สำคัญของ เบนเซมา ว่าจะยังสามารถโชว์ฟอร์มในระดับท็อปได้หรือไม่
Getty Images7. แฮร์รี เคน | อังกฤษ
เคน ก้าวมาเป็นกองหน้าตัวเป้าชาวอังกฤษที่ดีที่สุดในยุคนี้ แม้ว่าจะยังไม่เคยคว้าแชมป์ได้เลยแม้แต่รายการเดียว แต่ฟอร์มส่วนตัวถือว่าสม่ำเสมอมาก ด้วยผลงานการยิงแตะหลัก 15 ประตูในพรีเมียร์ลีกมาถึง 7 ฤดูกาลติดต่อกัน
ขณะที่ผลงานในฤดูกาล 2020-21 ซึ่งเพิ่งจบไป ก็จัดการยิงไป 23 ประตู คว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกไปครอง และที่พิเศษคือการพ่วงรางวัลนักเตะที่ทำแอสซิสต์ได้มากสุดด้วย
ส่วนในฐานะกัปตันทีมชาติอังกฤษ ก็เคยพาทีมคว้าอันดับ 4 ในฟุตบอลโลก 2018 รวมถึงการคว้าดาวซัลโวของทัวร์มาเมนต์มาครองด้วย จากการยิงไป 6 ประตู
แน่นอนว่า เคน คือนักเตะตัวความหวังสูงสุดของอังกฤษ ที่หวังจะประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ยุโรปให้ได้เป็นครั้งแรก
Getty Images6. โยซัว คิมมิช | เยอรมัน
กองกลางวัย 26 ปี ถูกยกย่องต่ำกว่าความเป็นจริงไปมาก ทั้งที่เขาคือหนึ่งในส่วนสำคัญที่ช่วยพาบาเยิร์น มิวนิค ประสบความสำเร็จในช่วงรอบปฏิทินปี 2020
ที่น่าทึ่งคือการเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ระดับท็อป ซึ่งทำได้ดีเสมอไม่ว่าจะถูกส่งลงเล่นในตำแหน่งไหน ทั้งการเป็นกองกลางตำแหน่งถนัด หรือโยกไปเล่นเป็นแบ็คขวา
หากจะบอกว่าเขาไม่มีจุดอ่อนเลย ก็ไม่ถือว่าจะเป็นเรื่องที่เกินจริงไปนัก
นี่คือนักเตะที่มีสายตาการอ่านเกมที่ดีเยี่ยม รวมถึงยังมีอาวุธเด็ดคือการจ่ายบอลที่แม่นยำ และลูกยิงไกลที่หวังผลได้เสมอ
คิมมิช เคยกล่าวไว้ว่าเขามี บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ตำนานกองกลางของเยอรมันเป็นแรงบันดาลใจ แต่ผลงานปัจจุบันของเขาอาจจะเหนือกว่าไอดอลไปแล้วก็ว่าได้
Getty Images5. คริสเตียโน โรนัลโด้ | โปรตุเกส
หนึ่งในนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกลูกหนังเคยมีมา กำลังจะได้ลุยศึกยูโรเป็นครั้งที่ 4 ในชีวิตค้าแข้ง
แม้ว่าจะโดนวิจารณ์สมัยดาวรุ่งเรื่องการชอบโชว์ความสามารถเฉพาะตัวแบบพร่ำเพรือเกินไป แต่สุดท้าย CR7 ก็เรียนรู้และพัฒนาตัวเองจนกลายมาเป็นสุดยอดนักเตะ การันตีด้วยการคว้าบัลลงดอร์ถึง 5 สมัย
แน่นอนว่าช่วงพีคของเขา คือการลงเล่นให้เรอัล มาดริด ซึ่งจัดการทุบสถิติขึ้นเป็นดาวซัลโวตลอดกาลของสโมสร ด้วยการยิงไปถึง 450 ประตู จากการลงเล่น 438 เกม
ขณะที่ผลงานกับทีมชาติ ก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน ด้วยการกัปตันทีมชาติโปรตุเกสผู้ชูถ้วยแชมป์ยูโร 2016 แม้ว่าจะบาดเจ็บตั้งแต่ต้นเกมในรอบชิงชนะเลิศก็ตาม
ปัจจุบัน แม้วัยจะล่วงเลยมาถึง 36 ปีแล้ว แต่ว่า โรนัลโด้ ก็ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นได้อย่างไม่มีตกหล่น การันตีด้วยการคว้าดาวซัลโวเซเรีย อา ฤดูกาลล่าสุด จากการยิงไปถึง 29 ประตู
Getty Images4. โรเมลู ลูกากู | เบลเยียม
หลังล้มเหลวในการค้าแข้งกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้ ลูกากู ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับอินเตอร์ มิลาน เมื่อปี 2019
กองหน้าชาวเบลเยียม เริ่มจะเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้เรื่อย ๆ และกลายมาเป็นดาวยิงระดับท็อปของเซเรีย อา
โดยเฉพาะในฤดูกาล 2020-21 ที่เพิ่งจบไป ฟอร์มยอดเยี่ยมของเขาก็มีส่วนช่วยให้อินเตอร์กลับผงาดคว้าแชมป์เซเรีย อา ได้อีกครั้งในรอบ 10 ปี
ขณะที่ผลงานกับทีมชาติ เขาก็กำลังอยู่เส้นทางการเพิ่มสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของเบลเยียมไปเรื่อย ๆ ซึ่งปัจจุบันตัวเลขอยู่ 59 ประตู
แน่นอนว่า ลูกากู จะเป็นกองหน้าตัวความหวังของเบลเยียมในศึกยูโร 2020
Getty Images3. โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ | โปแลนด์
หากว่าโลกนี้ไม่มีโควิด-19 จนทำให้บัลลงดอร์ไม่มีการแจกรางวัลในปี 2020 เจ้าของรางวัลนี้จะต้องตกเป็นของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ อย่างแน่นอน
กองหน้าชาวโปแลนด์กดไปถึง 55 ประตู จากการลงเล่น 47 นัด เมื่อฤดูกาล 2019-20 ซึ่งเป็นผลงานในระดับเดียวกับสองซูเปอร์สตาร์อย่าง ลิโอเนล เมสซี และ คริสเตียโน โรนัลโด้ เลยทีเดียว
และแม้ว่าฤดูกาล 2020-21 ที่เพิ่งจบไป เขาก็ยิงประตูรวมทุกถ้วยได้น้อยกว่าเดิม แต่ก็สร้างตำนานทำลายสถิติของ แกร์ด มุลเลอร์ ด้วยการขึ้นแท่นเป็นนักเตะที่ยิงได้มากสุดในบุนเดสลีกาฤดูกาลเดียวถึง 41 ประตู จากการลงเล่น 29 นัด
ในยุคปัจจุบันที่แม้ว่ากองหน้าหมายเลข 9 พันธุ์แท้เริ่มหาได้ยาก แต่ทาง เลวานดอฟสกี้ ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ากองหน้าตัวเป้าแบบนี้ยังเป็นนักเตะที่สำคัญกับฟุตบอลอยู่
และด้วยวัย 32 ปี เลวานดอฟสกี้ มีทั้งผลงานและประสบการณ์ที่เพียบพร้อมกับการเฉิดฉายในยูโร 2020
Getty Images2. เควิน เดอ บรอยน์ | เบลเยียม
คิดว่าใครจ่ายบอลแม่นที่สุดในปัจจุบัน? แน่นอนว่าชื่อแรก ๆ ที่ผู้คนต้องเอ่ยถึงนั่นคือ เควิน เดอ บรอยน์
นับตั้งแต่ย้ายจากโวล์ฟสบวร์กมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้เมื่อปี 2015 ดาวเตะชาวเบลเยียมก็พัฒนาตัวเองจนกลายเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรุกที่ดีที่สุดในโลกของยุคนี้
แม้ว่าจะล้มเหลวกับการค้าแข้งในอังกฤษครั้งแรกให้เชลซี แต่การได้ไปเล่นในบุนเดสลีกากับทั้งแวร์เดอร์ เบรเมน และโวล์ฟสบวร์ก ก็ทำให้เขาได้มีโอกาสฉายแสงให้เห็นว่าคือของจริง
สไตล์การเล่นของเขา แม้ว่าจะไม่ใช่บทบาทเป็นนักเตะหมายเลข 10 ซะทีเดียว แต่ก็ถือว่าเป็นเพลย์เมคเกอร์ที่มีประสิทธิภาพการเล่นอยู่ในระดับเวิลด์คลาสเหมือนกัน
อย่างเช่นเมื่อฤดูกาล 2019-20 เดอ บรอยน์ กลายเป็นนักเตะคนแรกในลีกใหญ่ของยุโรป ที่ทำไปถึง 20 แอสซิสต์ภายในฤดูกาลเดียว
และการที่ เอเด็น อาซาร์ ยังมีปัญหาเรื่องสภาพความฟิต ก็ทำให้ เดอ บรอยน์ กลายมาเป็นแข้งตัวความหวังเบอร์ 1 ของเบลเยียมในศึกยูโร 2020 ไปโดยปริยาย
Getty Images1. คีลิยัน เอ็มบัปเป้ | ฝรั่งเศส
จากแฟนตัวยงของ คริสเตียโน โรนัลโด้ เมื่อวัยเด็ก ปัจจุบัน เอ็มบัปเป้ ก้าวมาเป็นซูเปอร์สตาร์ของโลกลูกหนังแบบเต็มตัว และน่าจะเหนือกว่าไอดอลของตัวเองไปแล้ว
ดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสแจ้งเกิดจากผลงานการพาโมนาโกคว้าแชมป์ลีกเอิงเมื่อปี 2017 รวมถึงการทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปีนั้นด้วย
และเพียงแค่ปีต่อมา เขาก็กลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุดต่อจาก เปเล ในปี 1958 ที่สามารถยิงประตูได้ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก
หลังจากพาฝรั่งเศสคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ก็ตัดสินใจซื้อขาดเขาจากโมนาโก และกลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงสุดอันดับ 2 รองจาก เนย์มาร์
ปัจจุบันในวัย 22 ปี เอ็มบัปเป้ อยู่ในช่วงฟอร์มเปล่งปลั่งที่พร้อมจะก้าวสู่จุดสูงสุดของชีวิตค้าแข้ง และจะเป็นการลงเล่นในศึกยูโรครั้งแรกด้วย
โฆษณา