ใครเด่น, ใครดับ? เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ นัดที่ 1

ฟูลแบ็กจอมพลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่เกมแรกของทัวร์นาเมนต์ ซึ่งนอกจากจะยืนเกมรับได้ดีแล้ว นฤบดินทร์ยังสร้างสรรค์เกมรุกเองได้ด้วย จากสถิติครอสบอลสำเร็จถึง 7 ครั้ง ซึ่งในจำนวนนี้นำมาซึ่ง 2 แอสซิสต์ให้ทีมชาติไทยเอาชนะติมอร์ เลสเต 2-0

กองหลังวัย 30 ปี เจอบททดสอบหนักหน่วงตั้งแต่เกมแรกกับการดวลแนวรุกของเจ้าบ้านสิงคโปร์ ซึ่งทำให้เขาเจองานหนักตลอดเกม แต่ทั้งการอ่านเกม, จังหวะสกัดบอล หรือการออกบอล กลับทำได้ไม่ดีนัก ยิ่งกว่านั้นช็อตดวลตัวต่อตัวยังแทบไม่สามารถเอาชนะผู้เล่นสิงคโปร์ได้เลย โดยเฉพาะจังหวะที่ถูก อิคห์ซาน ฟานดี้ แตะหนีเข้าไปจบสกอร์ดื้อๆจนทีมเสียประตู 0-3

กองหน้าดาวรุ่งวัย 22 ปี อาจมีประสบการณ์ในทีมชาติสิงคโปร์ไม่มากนัก แต่ฝีเท้าที่ถูกบ่มเพาะจากการค้าแข้งในลีกนอร์เวย์ ทำให้ในเกมกับ เมียนมา ได้แสดงถึงความเฉียบขาด และวิญญาณเพชรฆาตที่เปี่ยมด้วยคุณสมบัติที่ศูนย์หน้าควรมี ซึ่งสองประตูที่ทำได้ ล้วนมาจากการจบสกอร์ที่เด็ดขาด และนิ่งเกินวัย

กองหน้าตัวความหวังของทีมชาติกัมพูชาแผลงฤทธิ์ไม่ออก เมื่อต้องเจอเกมรับของ มาเลเซีย ที่แม้ลูกทีมของ เคสุเกะ ฮอนดะ จะพยามเซ็ตบอลเข้าสู่ แต่ก็ไปไม่ค่อยถึงแข้งวัย 27 ปี ที่ทำให้เขาถูกตัดออกจากเกมบ่อยครั้ง กระทั่งถูกถอดออกในนาทีที่ 72

ความเร็ว และความคล่องตัวยังเป็นจุดเด่นของแนวรุกจาก ยะโฮร์ ดารุล ตะซิม ที่พาบอลบุกกดดันใส่ กัมพูชา ได้ตลอดเกม และเป็นผู้เรียกจุดโทษให้ทีมในครึ่งแรก ก่อนจะช่วยทีมหนีห่าง 2-0 จากจังหวะโยกหลอกกองหลังกัมพุชา แล้วซัดตุงตาข่าย ซึ่งเกือบทำแอสซิสต์ในช่วงท้ายเกมอีกด้วย โดยถือเป็นแมตช์แรกที่สร้างความมั่นใจให้แนวรุกวัย 22 ปี ได้มากทีเดียว

นี่ไม่น่าจะใช่เกมที่น่าจดจำสักเท่าไหร่สำหรับดาวยิงวัย 31 ปี เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน เนื่องจากถูกแนวรับเวียดนามตามติด โดยตลอด 86 นาทีที่บิชาน สเตเดียม บิลลีที่พกดีกรีแข้งลีกเดอซ์ ฝรั่งเศส มีโอกาสง้างเท้ายิงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น

อดีตกองกลางบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สวมปลอกแขนนำทัพดาวทองเริ่มภารกิจป้องกันแชมป์อาเซียนได้อย่างยอดเยี่ยม โดย เลือง ซวน เชือง คุมเกมแดนกลางได้อย่างอยู่หมัด พาทีมเอาชนะสปป.ลาวแบบไม่ยากเย็น 2-0 พร้อมทำสถิติเป็นนักเตะที่จ่ายบอลเยอะสุดหลังจบเกมนัดแรก จำนวน 102 ครั้ง เข้าเป้าถึง 95 ครั้ง คิดเป็น 93% เลยทีเดียว