
Getty1ดับ - อัลบาโร โมราต้า
แม้จะเป็นคนทำประตูขึ้นนำ 1-0 ให้กับทีมได้ ทว่าโดยรวมแล้ว โมราต้า ไม่ใช่กองหน้าที่ทีมจะฝากความหวังในการล่าตาข่ายได้เลย และมักจะใช้โอกาสเปลืองอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะโอกาสทองในจังหวะได้ซ้ำลูกจุดโทษที่ เคราร์ด โมเรโน ยิงชนเสาแล้วมาเข้าทางเขา ทว่าดันกลับแปบอลหลุดกรอบออกไปแบบน่าผิดหวัง ซึ่งหากหัวหอกจากยูเวนตุสเด็ดขาดกว่านี้ สเปนก็คงจะเป็นฝ่ายคว้าชัยเหนือโปแลนด์ไปแล้ว
Getty2เด่น - ไค ฮาแวร์ตซ์
แนวรุกจากเชลซีมีส่วนร่วมกับ 3 ประตูแรกของเยอรมัน เขาแสดงให้เห็นถึงความอันตรายในกรอบเขตโทษ เพราะเขายืนตำแหน่งได้ดีจนมีส่วนกดดัน รูเบน ดิอาส รวมทั้ง ราฟาเอล เกร์เรโร ให้ทำเข้าประตูตัวเอง นอกจากนั้นเขายังเป็นคนซัดประตูนำห่าง 3-1 ให้กับอินทรีเหล็กเล่นสบายขึ้นในช่วงครึ่งหลัง
Getty3ดับ - เกมรับโปรตุเกส
จริงอยู่ที่เกมนี้ต้องให้เครดิตกับเกมรุกเยอรมัน แต่ขณะเดียวกันแนวรับของทัพฝอยทองก็ไม่ได้ทำให้อุ่นใจแม้แต่น้อย พวกเขาไม่สามารถรับมือกับพายุเกมรุกของอินทรีเหล็กได้เลย ทั้งด้านซ้าย-ขวาและตรงกลางพวกเขาโดนเจาะเละ อีกทั้ง รูเบน ดิอาส และ ราฟาเอล เกร์เรโร ยังมีชื่อทำเข้าประตูตัวเองถึง 2 ลูก นั่นยิ่งทำให้เกิดเครื่องหมายคำถามกับคุณภาพเกมรับโปรตุเกสในเกมนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
Getty4เด่น - โรบิน โกเซนส์
วิงแบ็คซ้ายจาก อตาลันตา โชว์ฟอร์มโดดเด่นเมื่อเขามีส่วนร่วมกับทั้ง 4 ประตูของเยอรมัน โกเซนส์ เติมเกมบุกได้อย่างดุดัน เขาเป็นคนเปิดบอลกดดันแนวโปรตุเกสได้ดีจนทำให้ รูเบน ดิอาส สกัดเข้าประตูตัวเอง ก่อนแอสซิสต์ให้ ฮาแวร์ตซ์ ยิงประตูที่ 3 อีกทั้งยังเติมขึ้นมาโหม่งประตูปิดกล่องให้อินทรีเหล็กตอกย้ำชัยชนะแชมป์เก่าได้แบบหมดจด
Getty5ดับ - เกมรุกฝรั่งเศส
ฟอร์มการเล่นของแนวรุกฝรั่งเศสแต่ละคนดร็อปลงไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพวกเขาต้องเป็นฝ่ายครองเกมเข้าบุกใส่ทีมที่มาเน้นตั้งรับ โดยนักเตะแต่ละคนในแผงเกมรุกค่อนข้างใช้โอกาสเปลืองและดูต่างคนต่างเล่นมากเกินไปจนขาดการประสานงานที่ลงตัวในจังหวะสุดท้าย
Getty6เด่น - ฮังการีทั้งทีม
ฮังการี ในเกมนี้ลงเล่นแบบไม่มีอะไรจะเสียหลังจากพ่ายโปรตุเกสขาดลอย 0-3 ในเกมแรก ซึ่งเกมนี้พวกเขากลับมาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งเกมรุกและเกมรับด้วยเสียงเชียร์ของแฟนบอลในบูดาเปสต์ที่เข้ามากันเต็มความจุของสนาม และสร้างความลำบากให้กับทีมแชมป์โลกปี 2018 ที่ต้องเป็นฝ่ายไล่ตามตีเสมอในเกมนี้
โฆษณา