
(C)Getty Images1ดับ - แกเร็ธ เซาธ์เกต
กุนซือของอังกฤษ สร้างความกังขาให้แก่แฟนบอลอยู่ไม่น้อย ทั้งรูปแบบการจัดทัพ หรือรูปแบบการเล่นที่เกมรุกค่อนข้างไร้ประสิทธิภาพ รวมถึงการเปลี่ยนตัวเพียงแค่ 2 คน ทั้งที่มีโควตาเปลี่ยนได้ถึง 5 คน จนส่งผลให้ทำได้แค่เสมอกับสกอตแลนด์ และยังต้องไปลุ้นโอกาสเข้ารอบในนัดสุดท้ายที่จะพบกับเช็ก
Getty Images2เด่น - สกอตแลนด์ทั้งทีม
ด้วยศักดิ์ศรีความเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงร่วมสหราชอาณาจักรด้วยกัน ส่งผลให้ขุนพลของสกอตแลนด์สู้สุดใจ พยายามบดบี้กับอังกฤษได้แบบไม่เป็นรอง และมีโอกาสลุ้นยิงประตูจะแจ้งได้มากกว่าอังกฤษด้วย ซึ่งแม้จะทำประตูไม่ได้ แต่การบุกเก็บหนึ่งแต้มได้ถึงเวมบลีย์ ก็ถือเป็นผลการแข่งขันที่น่พอใจของพวกเขาแล้ว
Getty Images3ดับ - อันเต เรบิช
หัวหอกจาก เอซี มิลาน ผลงานสวนทางกับ แพทริค ชิค ของ เช็ก ในฐานะศูนย์หน้าตัวความหวังของ โครเอเชีย เรบิช ไม่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับเกมรุกของทีม หรือ ความอันตรายให้แก่ฝ่ายตรงข้ามได้เลยจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่จบครึ่งแรก
Getty Images4เด่น - แพทริค ชิค
ศูนย์หน้าไบเออร์ เลเวอร์คูเซน เป็นคนเรียกจุดโทษให้กับ โครเอเชีย หลังจากโดนศอกของ เดยัน ลอฟเรน จนจมูกแตก และกลายเป็นเจ้าตัวที่ลุกขึ้นมาสังหารทั้งที่เลือดยังคั่งจมูกอยู่ ทำให้หัวหอกเจ้าของความสูง 187 เซนติเมตรผลงานดีต่อเนื่อง ยิง 3 ประตูจาก 2 เกมติดต่อกัน นำเป็นดาวซัลโว ยูโร 2020 ในขณะนี้
Getty5ดับ - มาเร็ค ฮัมซิค
กองกลางกัปตันทีมจอมเก๋าพยายามช่วยสโลวาเกียสร้างสรรค์เกมรุกอย่างเต็มที่ แต่ผลลัพธ์กลับทำได้ไม่น่าพอใจนัก และการเล่นลูกเซ็ตพีซแต่ละครั้งของเขาก็ไม่ค่อยมีความแม่นยำ จนสุดท้ายก็ถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามไปในช่วงท้ายเกม
Getty6เด่น - อเล็กซานเดอร์ อิซัค
กองหน้าดาวรุ่งร่างโย่งจากเรอัล โซเซียดาด สร้างช็อตน่าจดจำในนาทีที่ 70 ของเกมที่สวีเดนชนะสโลวาเกีย 1-0 เมื่อเขาจัดการเลี้ยงบอลตั้งแต่ครึ่งสนามค่อย ๆ แหวกแนวรับสโลวาเกียไปเรื่อย ๆ ก่อนได้สับไกด้วยขวา น่าเสียดายที่โดน มาร์ติน ดูบราฟก้า ปัดทิ้งไปได้ ทำให้เขาชวดใส่สกอร์ของตัวเอง
โฆษณา