ใครเด่น ใครดับ? ฟุตบอล ยูโร 2020 (วันที่ 13)

แบ็คซ้ายจากเอฟเวอร์ตัน ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองช่วงเริ่มครึ่งหลังแทนที่ของ ลูคัส แอร์กน็องเดซ ทว่ายังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เขากลับโชคร้ายบาดเจ็บจนได้อยู่ในสนามเพียงแค่ 7 นาทีเท่านั้น และต้องถูกเปลี่ยนตัวออกอย่างรวดเร็วให้ อาเดรียง ราบิโอต์ ลงมาแทนตั้งแต่นาทีที่ 52 ของเกมที่ฝรั่งเศสเสมอโปรตุเกส 2-2

กองหน้าจอมเก๋าจากเรอัล มาดริด ยุติการรอคอยกว่า 2,085 วัน หรือนับตั้งแต่เดือนตุลาคมในปี 2015 จัดการปลดล็อคยิงประตูให้ทีมชาติฝรั่งเศสได้สำเร็จแล้ว จากการยิงจุดโทษในช่วงท้ายครึ่งแรก รวมถึงยังมาบวกสกอร์เพิ่มได้อีกลูก จากการยิงสุดเฉียบขาดในช่วงต้นครึ่งหลังด้วย ช่วยพาทัพตราไก่ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มเอฟ

ผู้รักษาประตูกัปตันทีมชาติฝรั่งเศส ก่อความผิดพลาดจนทำให้ทีมเสียจุดโทษและเสียประตูแรก หลังออกมาตัดบอลไม่โดน จนกลายเป็นการออกใช้มือชกเข้าหน้าของ ดานิโล เปเรรา อย่างจัง ซึ่งหากว่าฝรั่งเศสพลาดท่าพ่ายแพ้ในเกมนี้ ก็อาจจะถือเป็นฝันร้ายของเขาเลยก็ว่าได้ แต่ยังโชคดีที่ฝรั่งเศสยังเอาตัวรอดเสมอโปรตุเกสไปได้แบบสุดมัน 2-2

กัปตันทีมชาติโปรตุเกสเป็นนักเตะคนเดียวที่ยิงประตูที่ครบทุกนัดในศึกยูโร 2020 หลังจากทำสองประตูจากสองจุดโทษในเกมเสมอฝรั่งเศส 2-2 ซึ่งทำให้เขาผงาดนำดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์ ด้วยการกดไปแล้วถึง 5 ประตู รวมถึงยังทำสถิติสุดมหัศจรรย์ ด้วยการขึ้นไปทาบสถิติยิงประตูในเกมทีมชาติมากที่สุดตลอดกาลของ อาลี ดาอี อดีตกองหน้าระดับตำนานของอิหร่านด้วยจำนวน 109 ประตูเท่ากันแล้วด้วย

แนวรุกจากบาเยิร์น มิวนิค ได้โอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมทีแทนที่ของ โธมัส มุลเลอร์ ที่สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ ทว่าเขาไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้เลยตลอด 90 นาทีที่ได้อยู่ในสนาม ทั้งการลากเลื้อยสร้างโอกาสให้กับตัวเองและการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม ถือว่าเขาสอบตกในการเป็นความหวังของเยอรมัน

แม้ทีมจะเป็นฝ่ายตกรอบแบ่งกลุ่ม แต่ดาวยิงกัปตันทีมตัวเก๋าของฮังการี มีส่วนร่วมในการเล่นเกมสวนกลับของฮังการีอยู่ตลอดเวลา และยังเป็นตัวเป้าในการพักบอลให้กับทีมได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเขาเป็นผู้โขกประตูขึ้นนำให้กับทีม ก่อนจะเป็นคนแอสซิสต์ให้ อันดราส เชเฟอร์ หลุดไปทำประตูที่สองของเกม

กองหน้าจากยูเวนตุส ยังคงทำผลงานส่วนตัวได้เข้าขั้นน่าผิดหวัง โดยเฉพาะการพลาดจุดโทษยิงไปโดน มาร์ติน ดูบราฟก้า พุ่งเซฟได้ รวมถึงการเล่นยังดูขาดความมั่นใจไปมาก สวนทางกับผลงานของทีมที่ทำได้ยอดเยี่ยมในเกมนี้ รวมถึงนักเตะที่ลงมาเป็นตัวสำรองแทนเขาอย่าง เฟร์ราน ตอร์เรส ใช้เวลาเพียงแค่นาทีเดียวเท่านั้น ก็สามารถทำประตูได้ทันทีเลยด้วย

แนวรุกจากไลป์ซิก วิ่งหาช่องและยืนถูกที่ถูกเวลาเสมอในเกมนี้ เริ่มตั้งแต่การยิงให้สวีเดนออกนำเร็วตั้งแต่ยังไม่ 5 นาที และประตูที่สองที่เจ้าตัวสอดเข้ามาอยู่ในระยะทำการบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนรับบอลจากคูลูเซฟสกี้แล้วแปเข้าประตูแบบไม่พลาด ซึ่งช่วงท้ายเกมที่ดาวเตะวัย 29 ปีถูกเปลี่ยนตัวออก เกมรุกของสวีเดนก็ดูลดความอันตรายลงไป

กองหน้าจากไมนซ์ ลงสนามเป็นตัวจริงให้สวีเดน แต่แทบไม่มีบทบาทสำคัญในเกมรุกเลย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลังจากได้ประตูขึ้นนำ โปแลนด์ก็เป็นฝั่งครองเกมบุกอยู่ฝ่ายเดียว ก่อนที่เขาจะถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 55 และคนที่ลงมาแทนคือ เดยัน คูลูเซฟสกี้ ที่สวมวิญญาณซูเปอร์ซับเหมาคนเดียว 2 แอสซิสต์

หัวหอกจากบาเยิร์น มิวนิค คือสตาร์เบอร์หนึ่งของทีมอย่างปฏิเสธไม่ได้ แม้ว่าช่วงครึ่งแรกเขาจะพลาดจังหวะยิงจ่อ ๆ แต่ครึ่งหลังก็กลับมาแก้ตัว ด้วยการยิงให้โปแลนด์ตีเสมอแบบเวิลด์คลาส เริ่มจากลูกแรกที่ตัดเข้ากลางแล้วปั่นโค้งเสียบเสา ในขณะที่ลูกสองคือการดึงบอลลงแล้วพลิกตัวยิงแบบเฉียบคม

แม้ว่าจะเซฟจุดโทษของ อัลบาโร โมราต้า ได้ยอดเยี่ยม ทว่าความผิดพลาดที่ดันไปปัดลูกยิงชนคานของ ปาโบล ซาราเบีย ปลิ้นเข้าประตูตัวเอง จนกลายเป็นลูกขึ้นนำ 1-0 ของสเปน ถือเป็นจุดเปลี่ยนของเกมนี้อย่างแท้จริง ที่ทำให้ประตูของสเปนไหลมาเทมา จนกลายเป็นฝันร้ายของผู้รักษาประตูจากนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่ต้องโดนเจาะตาข่ายไปถึง 5 ลูก

แนวรุกจากปารีส แซงต์-แชร์กแมง ตอบแทนความไว้วางใจที่ หลุยส์ เอ็นริเก้ ให้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริงครั้งแรกในทัวร์นาเมนต์นี้ ด้วยการโชว์ฟอร์มปั่นป่วนแนวรับของสโลวาเกียตลอดทั้งเกม รวมทั้งยังมีส่วนร่วมกับประตูที่ทีมทำได้ในเกมนี้ถึงสามลูก เริ่มจากลูกแรกที่ยิงไปชนคานแล้วโดน มาร์ติน ดูบราฟก้า ปัดเข้าประตูตัวเอง ต่อด้วยยิงประตูขึ้นนำ 3-0 และปิดท้ายด้วยแอสซิสต์ให้ เฟร์ราน ตอร์เรส ยิงประตูขึ้นนำ 4-0