
Getty1ดับ - ลูคัส ฮราเดคกี้
แม้ว่าจะเซฟช่วยทีมไปหลายครั้งในเกมนี้ ทว่าความผิดพลาดบวกกับความโชคร้ายของผู้รักษาประตูจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ซึ่งมาจากจังหวะที่ โธมัส แฟร์มาเลน โหม่งบอลไปชนเสา แล้วกระดอนมาโดนมือของเขาปลิ้นข้ามเส้นประตูไป ซึ่งถือว่าเป็นการปัดบอลเข้าประตูตัวเองด้วย ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ฟินแลนด์พ่ายแพ้ต่อเบลเยียม และต้องไปรอลุ้นโอกาสเข้ารอบ 16 ทีม ในฐานะทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุดต่อไป
Getty2เด่น - เควิน เดอ บรอยน์
การได้มิดฟิลด์จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกสตาร์ทตัวจริงเป็นนัดแรกของทัวร์นาเมนต์ ทำให้เกมรุกของเบลเยียมนั้นเป็นไปอย่างไหลลื่น ซึ่งเขาเองก็มีส่วนกับทั้งสองประตูที่ทีมทำได้ด้วย เริ่มจากลูกแรกเป็นคนเปิดเตะมุมให้ โธมัส แฟร์มาเลน โหม่งชนเสาแล้วโดนผู้รักษาประตูฟินแลนด์เข้าประตูตัวเอง ส่วนลูกสองก็เป็นคนจ่ายให้ โรเมลู ลูกากู ยิงปิดกล่อง
Getty3เด่น - ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์
มิดฟิลด์ของท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้กับทัพเดนมาร์กเป็นเกมที่สามติดต่อกันในรอบแบ่งกลุ่ม โดยเขาสามารถช่วยทีมครองเกมแดนกลางได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งเกมรุก และเกมรับ พร้อมผลงานส่วนตัวด้วยการทำสองแอสซิสต์ในเกมนี้
Getty4ดับ - แนวรับรัสเซีย
เกมรับของรัสเซียดูไม่มีความแน่นอนและมีปัญหาทั้งด้านการให้บอลที่ผิดพลาดกันเอง รวมถึงการจัดการแนวรุกของเดนมาร์กที่มีการเข้าทำที่หลากหลาย โดยหลังจากที่ทีมได้ประตูตไข่แตกดูเหมือนแนวรับรัสเซียจะดูเสียสมาธิช่วง 15 นาทีท้ายของเกมส่งผลให้เสียอีก 2 ประตูท้ายเกม รวมเสียไป 4 ประตูในเกมนี้
Getty5เด่น - มิคเคล แดมส์การ์ด
แนวรุกดาวรุ่งของซามพ์โดเรียที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเกมที่สองติดต่อกัน ในฐานะตัวแทนของ คริสเตียน อีริคเซน โดยแม้เพิ่งจะเป็นเกมที่สี่ของเขาเท่านั้นในเกมทีมชาติ แต่ แดมส์การ์ด สามารถประสานงานกับรุ่นพี่ในแนวรุกได้อย่างลงตัว และเป็นผู้ทำประตูแรกของเกมได้อย่างสุดสวย
Getty6ดับ - มารโก้ อาร์เนาโตวิช
กองหน้าจากเซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี มีโอกาสใส่สกอร์ให้ออสเตรียหลายครั้งในเกมนี้ ทั้งจังหวะถวายพานของอเลสซานโดร ช็อปฟ์ ที่เขายิงออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ หรือแม้แต่จังหวะตวัดบอลย้อนหลังของซาบิตเซอร์ ที่หัวหอกวัย 32 ปี ยิงเบาจนจอร์จ บุชชานไม่ต้องออกแรงเซฟ
Getty7เด่น - ดาวิด อลาบา
นักเตะป้ายแดงจากเรอัล มาดริด รับบทเป็นแบ็คซ้ายให้ออสเตรียในเกมเมื่อคืนนี้ และโชว์ฟอร์มโดดเด่นทั้งรุกและรับ เขาปิดเกมบุกของอังเดร ยาร์โมเลนโก้อยู่หมัด แถมทำให้เพื่อนร่วมทีมอย่าง ฟลอเรียน กริลลิตช์ เล่นได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ เจ้าตัวยังเป็นคนเปิดลูกเตะมุมให้คริสตอฟ เบาม์การ์ทเนอร์ ยิงประตูชัย พาทีมเข้ารอบด้วย
Getty Images8ดับ - เอซยาน อลิออสกี้
แบ็คซ้ายจากลีดส์ ยูไนเต็ด แทบไม่ได้ใช้อาวุธถนัดคือการเติมเกมรุก กดดันใส่เกมรับทางฝั่งขวาของเนเธอร์แลนด์ได้แบบเป็นชิ้นเป็นอันเลย รวมถึงยังมีส่วนรับผิดชอบต่อการเสียประตูแรกด้วย หลังหลุดตำแหน่งจนโดนสองกองหน้าของอัศวินสีส้มอย่าง ดอนเยลล์ มาเลน และ เมมฟิส ผนึกกำลังกันโจมตีก่อนยิงประตูขึ้นนำ 1-0
Getty9เด่น - เมมฟิส เดปาย
กองหน้าตัวความหวังของเนเธอร์แลนด์ มีส่วนร่วมกับทุกประตูที่ทีมทำได้ในเกมถล่มมาซิโดเนียเหนือ เริ่มจากลูกแรกที่ยิงลูกจ่ายของ ดอนเยลล์ มาเลน เข้าไป ส่วนลูกสองเป็นคนแอสซิสต์ให้ จอร์จินิโย ไวน์นัลดุม บวกสกอร์เพิ่ม ส่วนลูกปิดท้ายก็เป็นคนยิงไปติดเซฟผู้รักษาประตูแล้วทาง ไวจ์นัลดุม ตามซ้ำไม่เหลือ นับได้ว่าเขาโชว์ฟอร์มได้สมกับเป็นแนวรุกตัวความหวังของทัพอัศวินสีส้มอย่างแท้จริง
Getty10เด่น - จอร์จินิโย ไวจ์นัลดุม
กองกลางกัปตันทีมของเนเธอร์แลนด์ มาปล่อยของเอาในครึ่งหลัง ด้วยการสอดขึ้นมาทำสองประตู เริ่มจากลูกแรกที่ตวัดยิงลูกจ่ายของ เมมฟิส เดปาย เข้าไป ส่วนอีกลูกคือการตามซ้ำลูกที่ เดปาย ยิงติดเซฟผู้รักษาประตูมาซิโดเนียเหนือ ซึ่งสองประตูของเขาในเกมนี้ ทำให้ขึ้นไปนำดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์นี้ร่วมกับ คริสเตียโน โรนัลโด้, พาทริค ชิค รวมถึง โรเมลู ลูกากู แล้วด้วย
โฆษณา