ใครเด่น ใครดับ? ฟุตบอล ยูโร 2020 (รอบ 8 ทีม วันที่สอง)

กองหลังวัย 30 ปีจาก ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ได้อยู่ในสนามเพียงแค่ 36 นาทีเท่านั้น หลังโชคร้ายบาดเจ็บจนฝืนเล่นต่อไม่ไหวและต้องเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ช่วงท้ายครึ่งแรก ซึ่งการขาดเขาไปทำให้ยูเครนจากที่ตอนเริ่มเกมใช้ระบบกองหลังสามคน ต้องปรับระบบมาเล่นเป็นกองหลังสี่คน จนทำให้เสียสมดุลในเกมรับ และมาโดนอังกฤษยิงเพิ่มในครึ่งหลังอีกถึงสามประตู

แบ็คซ้ายจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดดเด่นในการเติมเกมรุกอย่างมาก โดยเฉพาะการทำไปถึง 2 แอสซิสต์ ด้วยการเปิดฟรีคิกให้ แฮร์รี แม็คไกวร์ โหม่งขึ้นนำ 2-0 รวมถึงโยนให้ แฮร์รี เคน โหม่งนำห่าง 3-0 ก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออกไปพักในนาทีที่ 65 เพื่อเซฟร่างกายไว้สู้ศึกในรอบรองชนะเลิศที่จะพบกับเดนมาร์กต่อไป

กองหน้ากัปตันทีมตัวความหวังของยูเครน แทบจะไม่มีบทบาทในการช่วยเกมรุกของทีมเลย ซึ่งอาจเป็นเพราะเจ้าตัวมีปัญหาเรื่องสภาพความฟิตจากการต้องกรำศึกหนักช่วงต่อเวลาพิเศษในเกมรอบ 16 ทีม จนทำให้สุดท้ายยูเครนต้องพ่ายให้แก่อังกฤษแบบขาดลอยถึง 0-4

หลังจากปืนฝืดมาในรอบแบ่งกลุ่ม กองหน้ากัปตันทีมตัวความหวังของอังกฤษก็มาปล่อยของเอาในรอบน็อคเอาท์ โดยเฉพาะในเกมถล่มยูเครน 4-0 ซึ่งโชว์ความเด็ดขาดด้วยการกดไปถึง 2 ประตู ทำให้ในศึกยูโร 2020 เขาทำไปแล้ว 3 ประตู มีลุ้นตำแหน่งดาวซัลโวด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องดีมากของอังกฤษที่หัวหอกตัวเก่งมาเข้าฟอร์มในช่วงเวลาที่เหมาะสม

กองหน้าจากเลเวอร์คูเซน ยังคงแสดงให้เห็นว่าทักษะการวิ่งหาช่องและจบสกอร์เฉียบคมขนาดไหน เพราะเขาเป็นคนสลัดตัวประกบแล้วซัดประตูตีไข่แตกให้กับเช็ก ทำให้ขึ้นไปเป็นดาวซัลโวเท่ากับคริสเตียโน โรนัลโด้ที่ 5 ประตู แต่น่าเสียดายที่ต้องจบลงที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย

กองหลังจากสปาร์ต้า ปราก ก่อความผิดพลาดจนทำให้ทีมเสียประตู เริ่มจากการโดนโธมัส เดลานีย์ชิงโหม่งตั้งแต่ต้นเกม ในขณะที่ประตูที่สองก็ประกบตัวพลาด จนโดนแคสเปอร์ ดอลเบิร์กเข้าชาร์จเป็นประตู หลังจากนั้นเจ้าตัวก็โดนเปลี่ยนออกในนาทีที่ 65

กองกลางจากดอร์ทมุนด์ เป็นคนโหม่งให้เดนมาร์กออกนำเร็วตั้งแต่ 5 นาทีแรก หลังจากนั้นเขาก็จับคู่กับปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ ขับเคลื่อนแดนกลางได้อย่างลื่นไหล และทำได้อย่างโดดเด่นทั้งการจ่ายบอล, ตัดเกม รวมไปถึงความขยันที่วิ่งขึ้นลงตลอด 81 นาทีที่อยู่ในสนาม