ใครเด่น ใครดับ? ฟุตบอล ยูโร 2020 (รอบ 16 ทีมวันแรก)

กองหน้าจาก นีซ กลับมาเยือนสนามที่คุ้นเคย โดยเขาได้รับโอกาสลงเป็นตัวจริงแทน ยุสซุฟ โพลเซน กองหน้าตัวหลักที่มีอาการป่วย และ ดอลเบิร์ก ก็ไม่ทำให้คนทั้งชาติผิดหวัง เมื่อซัดประตูขึ้นนำสุดสวยจากนอกกรอบเขตโทษ ก่อนเก็บลูกส้มหล่นบวกประตูที่ 2 ให้กับตัวเอง ทั้งที่มีโอกาสยิงแค่ 2 ครั้งกลายเป็น 2 ประตู พาทัพโคนมฉลุยเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

ฟอร์มโดยรวมของแบ็คขวาดาวรุ่ง ลิเวอร์พูล อาจจะไม่ได้แย่จนเกินไป แต่ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวของเขาหลังจากที่ลงมาเล่นแทนรุ่นพี่อย่าง คอนนอร์ โรเบิร์ตส์ ก็กลายเป็นความทรงจำที่ไม่ดีนักของแฟนบอล เมื่อเขาตั้งใจเคลียร์บอลออกจากหน้าประตู แต่สกัดผิดเหลี่ยมบอลมาเข้าเท้า แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก ที่ยืนอยู่หน้าประตูได้ยิงโล่งๆ ทำให้ เวลส์ เสียประตูที่ 2 และต้องเหนื่อยหนักกว่าเดิม ก่อนจะโดนถล่มไปถึง 4-0 ในที่สุด

แนวรุกวัย 24 ปีลงมาเป็นตัวสำรองตั้งแต่นาทีที่ 60 เพื่อมาช่วยทัพมังกรแดงทวงประตูคืน แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างให้กับทีม หนำซ้ำยังเข้าสกัดอันตรายใส่ โยอาคิม มาเอห์เล จนโดนใบแดงไล่ออกจากสนามในช่วงทดเจ็บ

ในวันที่เกมรุกของอิตาลีตีบตัน จนไม่สามารถเอาชนะออสเตรียได้ในเวลาปกติ 90 นาที พวกเขาก็มาได้กองหน้าจากยูเวนตุสซึ่งสนามมาตั้งแต่ช่วงนาทีที่ 84 สวมบทซูเปอร์ซับโชว์ความนิ่งและการจบสกอร์ที่เด็ดขาด พังประตูขึ้นนำ 1-0 รวมถึงยังใช้ความเร็วคอยปั่นป่วนแนวรับของออสเตรียในเกมโต้กลับตลอดช่วงต่อเวลาพิเศษ ก่อนจะพาอัซซูรีคว้าชัยได้สำเร็จ และด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม ทำให้เริ่มมีเสียงเรียกร้องให้เขาได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมรอบ 8 ทีมแล้วด้วย

กองกลางจากปารีส แซงต์-แชร์กแมง ได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงแทนตำแหน่งของ มานูเอล โลคาเตลลี ทว่าเขากลับไม่สามารถช่วยขับเคลื่อนเกมของอิตาลีได้เท่าที่ควร รวมถึงบทบาทการเล่นยังดูจะทับไลน์กับ จอร์จินโญ มากเกินไปด้วย ก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออกให้ โลคาเตลลี ลงมาแทน เพื่อเพิ่มมิติเกมรุกให้มากขึ้น