ใครเด่น ใครดับ? ฟุตบอล ยูโร 2020 (รอบ 16 ทีมวันที่สอง)

มิดฟิลด์จากสลาเวีย ปราก ลงเล่นเกมนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยหน้าที่หลักในการอัดทำลายเกมกลางสนามของเนเธอร์แลนด์จนทำเกมได้ไม่ถนัด อีกทั้งยังมีทีเด็ดด้วยการโหม่งประตูเบิกร่องและแอสซิสต์ประตูตอกฝาโลงให้กับทีม

ผู้เล่นเกมรับของเช็กในวันนี้เล่นตามแผนและปิดตายเกมบุกของ เนเธอร์แลนด์ ได้อย่างเหนียวแน่นและรัดกุมแทบตลอดทั้งเกม รวมถึงการยืนตำแหน่งและจังหวะบล็อคลูกยิงที่ช่วยกันอย่างขันแข็ง จนทำให้เนเธอร์แลนด์ไม่มีโอกาสยิงตรงกรอบเลยสักครั้งในเกมนี้

แม้ว่าปราการหลังจาก ยูเวนตุส ที่ออกสตาร์ทเป็นหนึ่งในสามปราการหลังจะมีจังหวะสกัดบอลสำคัญเข้าตาอยู่บ้าง แต่ก็มีเสียท่าแนวรุกเช็กเป็นครั้งคราวในครึ่งแรก ก่อนที่ต้นครึ่งหลังเขาต้องทำให้เพื่อนร่วมทีมตกที่นั่งลำบากเมื่อพลาดเสียหลักแล้วเอามือไปคว้าบอลในจังหวะที่เป็นกองหลังตัวสุดท้ายทำให้ผู้ตัดสินย้อนดู VAR แล้วแจกใบแดงไล่ออกจากสนาม

แนวรุกจาก พีเอสวี ไฮนด์โอเฟน ได้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริง หลังโชว์ฟอร์มในเกมที่แล้วกับมาซิโดเนียเหนือ แต่ทว่าในเกมนี้เขาทำได้เพียงสร้างจังหวะวูบวาบไม่เฉียบขาด โดยเฉพาะจังหวะหลุดเดี่ยวไปแล้วเลือกแตะหนีแต่ไม่ผ่านมือ โทมัส วาคลิก ก่อนโดนเปลี่ยนตัวออกต้นครึ่งหลังจากการเปลี่ยนแท็คติกเมื่อทีมเป็นรองด้วยตัวผู้เล่น

มิดฟิลด์กัปตันทีมอัศวินสีส้มที่ฟอร์มโดดเด่นมาตลอด 3 เกมรอบแบ่งกลุ่ม เกมนี้โดนคู่กลางของ เช็ก ตามไล่บี้จนเล่นตามเกมของตัวเองไม่ถนัดเหมือนอย่างเคย อีกทั้งเกมรุกที่เป็นจุดเด่นก็ไม่ได้เห็นจากเขาเลยในเกมนี้ โดยเขาถือว่ามีส่วนกับทั้งสองประตูที่ทีมเสียในครึ่งหลัง

น้องชายของ เอเด็น อาซาร์ แสดงให้เห็นว่ามีดีไม่แพ้พี่ชาย เมื่อจัดการปล่อยของยิงไซด์ก้อยสุดสวยในช่วงท้ายครึ่งแรก ซึ่งก็กลายเป็นประตูชัยที่ช่วยให้เบลเยียมเขี่ยแชมป์เก่าอย่างโปรตุเกสตกรอบด้วยการเฉือนชนะไป 1-0 รวมถึงตลอดทั้งเกมเขาก็ทำได้ดีทั้งบทบาทในเกมรุกและเกมรับแบบไร้ที่ติ

จอมทัพหมายเลข 7 ของเบลเยียม โชคร้ายประสบปัญหาบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกหลังจกาเริ่มครึ่งหลังได้ไม่นาน ทั้งที่ยังไม่ได้มีบทบาทอะไรมากนัก ขณะที่การขาดหายไปของเขา ก็ส่งผลให้เกมรุกของเบลเยียมด้อยประสิทธิภาพลงไปชัดเจน ซึ่งต้องรอลุ้นกันต่อไปว่า เขาก็ฟิตกลับมาทันช่วยทีมในรอบ 8 ทีม ที่จะพบกับศึกหนักอย่าง อิตาลี ได้หรือไม่