นับตั้งแต่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2015-16 ได้อย่างเหลือเชื่อ เลสเตอร์ ก็มีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะทีมที่ทำกำไรมหาศาลในตลาดนักเตะ
เอ็นโกโล ก็องเต้, ริยาด มาห์เรซ, แฮร์รี แม็คไกวร์ และ เบน ชิลเวลล์ เป็นนักที่เตะที่ทีมจิ้งจอกสยามคว้าตัวมาด้วยค่าตัวเพียงน้อยนิด แต่ทำเงินได้มากมายตอนปล่อยตัว
นับตั้งแต่เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ในแต่ละฤดูกาลพวกเขามีรายรับจากการขายนักเตะมากแค่ไหน? และใครคือ 10 อันดับนักเตะค่ตัวแพงสุดของพวหเขา เรารวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว
ฤดูกาล | นักเตะขายออกแพงสุด | ค่าตัว (ปอนด์) | รายรับรวม (ปอนด์) |
2022-23 | เวสต์ลีย์ โฟฟานา | 72.36 ล้าน | 73.26 ล้าน |
2021-22 | ราชิด เกซซาล | 2.7 ล้าน | 3.6 ล้าน |
2020-21 | เบน ชิลเวลล์ | 45.18 ล้าน | 48.4 ล้าน |
2019-20 | แฮร์รี แม็คไกวร์ | 78.3 ล้าน | 79.65 ล้าน |
2018-19 | ริยาด มาห์เรซ | 61.02 ล้าน | 86.22 ล้าน |
2017-18 | แดนนี ดริ๊งค์วอเตอร์ | 34.11 ล้าน | 45.09 ล้าน |
2016-17 | เอ็นโกโล ก็องเต้ | 32.22 ล้าน | 59.45 ล้าน |
2015-16 | ดาวิด นิวเจนท์ | 5.04 ล้าน | 8.51 ล้าน |
2014-15 | - | - | - |
2013-14 | เบน มาร์แชลล์ | 1.04 ล้าน | 1.04 ล้าน |
2012-13 | แม็ตต์ มิลล์ส | 2.25 ล้าน | £3.74M |
2011-12 | แจ็ค ฮอบบ์ส | 851,000 | 1.12 ล้าน |
2010-11 | ดีเจ แคมพ์เบลล์ | 1.35 ล้าน | 2.69 ล้าน |
2009-10 | โจ แมตท็อค | 1.08 ล้าน | 1.08 ล้าน |
2008-09 | แกเร็ธ แม็คออลีย์ | 1.71 ล้าน | 4.52 ล้าน |
2007-08 | พาทริค แม็คคาร์ธี | 855,000 | 1.27 ล้าน |
2006-07 | แกเร็ธ วิลเลียมส์ | 1.13 ล้าน | 1.66 ล้าน |
2005-06 | เดวิด คอนนอลลี | 2.7 ล้าน | 3.08 ล้าน |
2004-05 | เบน แทตเชอร์ | 1.35 ล้าน | 1.72 ล้าน |
2003-04 | - | - | - |
2002-03 | แม็ตต์ ไพเพอร์/แกรี โรเว็ตต์ | 4.73 ล้าน | 12.15 ล้าน |
2001-02 | ดีน สเตอร์ริดจ์ | 1.01 ล้าน | 2.73 ล้าน |
2000-01 | นีล เลนนอน | 7.76 | 8.73 ล้าน |
รวม | £449.71 ล้าน |
ครามาริช ย้ายจาก ริเยก้า ทีมในลีกโครเอเชียด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสรในเวลานั้น 8.1 ล้านปอนด์
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ประสบความสำเร็จกับการค้าแข้งในอังกฤษ โดยได้ลงเล่นเพียง 2 นัดในฤดูกาลที่ เลสเตอร์ คว้าแชมป์ลีก ทำให้ไม่ได้รับเหรียญรางวัล ก่อนถูกปล่อยให้ ฮอฟเฟนไฮม์ ยืมตัวและย้ายถาวรในเวลาต่อมา
เฮสกีย์ เป็นผลผลิตของอะคาเดมีสโมสร ก่อนจะก้าวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่และประสบความสำเร็จถึงขั้นไปติดทีมชาติอังกฤษ
หลังจากลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ 5 ฤดูกาล ลิเวอร์พูล ก็ทุ่มเงิน 11 ล้านปอนด์ คว้าตัวเขาไปร่วมทีมเมื่อปี 2000
ในฤดูกาล 2015-16 ชลุปป์ เริ่มต้นด้วยการเป็นแบ็คซ้ายก่อนจะขยับไปเล่นเป็นกองกลางในเวลาต่อมา และมีส่วนช่วยให้ เลสเตอร์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างยอดเยี่ยม
ในเดือนมกราคมปี 2017 คริสตัล พาเลซ ติดต่อเข้ามาพร้อมข้อเสนอ 12.45 ล้านปอนด์ และดีลก็จบลงอย่างรวดเร็ว
มูซา ทำผลงานอย่างยอดเยี่ยมกับ ซีเอสเอเค มอสโกว โดยยิงไป 42 ประตูจาก 125 จนทำให้ เลสเตอร์ ทุ่มเงิน 16.6 ล้านปอนด์คว้าตัวมาร่วมทีมเมื่อปี 2016
อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวอยู่กับทีมได้เพียง 1 ฤดูกาลครึ่ง ก่อนถูก ซีเอสเคเอ ยืมตัวกลับมาร่วมทีมเมื่อปี 2018 และย้ายซบ อัล-นาเซอร์ แบบถาวร ในเวลาต่อมา
ก็องเต้ ย้ายมาอยู่ เลสเตอร์ ด้วยค่าตัวเพียง 8.1 ล้านปอนด์เมื่อปี 2015 และมีส่วนสำคัญช่วยให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2015-16
ช่วงซัมเมอร์ปี 2016 เชลซี ยอมทุ่มเงิน 32.22 ล้านปอนด์ คว้าตัวเขาไปร่วมทีม และเป็นกำลังหลักของทีมสิงห์บลูนับตั้งแต่ตอนนั้น
เพียงฤดูกาลเดียวหลังจาก เชลซี คว้าตัว เอ็นโกโล ก็องเต้ ไปร่วมทีม พวกเขาก็ทุ่มเงินก้อนโตเพื่อดึง แดนนี ดริ๊งวอเตอร์ ไปร่วมทีมอีกหนึ่งราย
อย่างไรก็ตาม ดริ๊งวอเตอร์ ไม่ได้ลงเล่นเลยแม้แต่นัดเดียวในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลแรกของเขากับทีมสิงห์บลู และถูกแฟนบอลยกให้เป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่แย่ที่สุด
เบน ชิลเวลล์ คือนักเตะคนที่สามที่ เชลซี ยอมทุ่มเงินคว้าตัวจาก เลสเตอร์ ด้วยค่าตัวถึง 45.18 ล้านปอนด์เมื่อปี 2022
แบ็คซ้ายทีมชาติอังกฤษปรับตัวได้ดีกับต้นสังกัดใหม่และกลายเป็นหนึ่งในกำลังหลักของสิงห์บลูจนถึงปัจจุบัน
มาห์เรซ เป็นนักเตะที่โดดเด่นที่สุดของ เลสเตอร์ ในชุดที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2016 และลงสนามให้ทีมไปทั้งสิ้น 179 นัดรวมทุกรายการ
แมนฯซิตี้ คว้าตัวเขาไปร่วมทีมด้วยค่าตัวถึง 61 ล้านปอนด์ ซึ่งเจ้าตัวคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, คาราบาวคัพ 1 สมัย และ เอฟเอ คัพ 1 สมัย กับทีมเรือใบสีฟ้า
โฟฟานา ย้ายจาก แซงต์-เอเตียน มาอยู่กับ เลสเตอร์ ด้วยค่าตัว 31.5 ล้านปอนด์ พรอ้มเซ็นสัญญา 5 ปี เมื่อเดือนตุลาคมปี 2020
เขาได้รับรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรเมื่อปี 2021 แต่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บต้องพักยาวถึงเจ็ดเดือน ก่อนที่เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2022 เชลซี จะคว้าตัวไปร่วมทีมด้วยค่าตัวถึง 72.36 ล้านปอนด์
แม็คไกวร์ ย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 78.3 ล้านปอนด์เมื่อปี 2019 และกลายเป็นกองหลังที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก
แนวรับทีมชาติอังกฤษ เป็นตัวหลักในแนวรับของปีศาจแดงมาตลอด จนกระทั่งการมาคุมทีมของ เอริค เทน ฮาก ตำแหน่งตัวจริงของเขาจึงเริ่มสั่นคลอน
สงวนลิขสิทธิ์ © 2023 Goal (ภาษาไทย) ข้อมูลใดๆ ที่อยู่ใน Goal (ภาษาไทย) ห้ามนำไปตีพิมพ์, ออกอากาศ, แก้ไขหรือผลิตซ้ำ โดยไม่มีการขออนุญาต Goal (ภาษาไทย) อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร