GettyImagesสันติภพ เหลืองอ่อน
แมตช์หยุดโลก: 10 เรื่องจริงศึก'เอล กลาซิโก้'ที่คุณอาจไม่เคยรู้
AS1ศัพท์เฉพาะ เอล กลาซิโก้
ทุกเกมเอล กลาซิโก้ ถือเป็นการแข่งขันนัดสุดพิเศษ โดยมีคำศัพท์ภาษาสเปนที่เป็นคำเรียกเฉพาะอยู่จำนวนหนึ่ง ที่เรารวบรวมมาให้ที่นี่
- Culés (คูเลส) หรือ Barcelonista (บาร์เซโลนิสตา), ชื่อเล่นของแฟนบอลบาร์เซโลนา
- Merengues (เมเรนเกส) หรือ Madridistas (มาดริดนิสตาร์), ชื่อเล่นของแฟนบอลเรอัล มาดริด
- Canguelo (คันเกวโล),คำที่ใช้ในสื่อเมืองมาดริด สื่อถึงความกลัวที่บาร์เซโลนากลัวจะเสียแชมป์ลาลีกาให้เรอัล มาดริด
- La manita (ลา มานิตา), แปลตรงตัวว่ามือน้อย ๆ , ใช้สื่อถึงการฉลองชัยชนะเกมที่บาร์ซาถล่มมาดริด 5-0 เมื่อปี 2010
- Pegada (เปกาดา),ใช้สื่อถึงรูปแบบการเล่นอันฉาบฉวยของเรอัล มาดริด
- Villarato (บียาราโต , คำที่แฟนมาดริดใช้กล่าวหากรรมการว่าตัดสินเข้าข้างบาร์เซโลนา
Getty Images2ครองใจแฟนบอลทั่วโลก
ไม่ใช่เพียงแค่แฟนพันธ์ุแท้ของสโมสรที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลกเท่านั้น แต่ทั้งสองทีมยังมีฐานแฟนบอลที่เหนียวแน่นในโลกออนไลน์เช่นกัน
ในต้นปี 2021, ดีลอยท์ ฟุตบอล มันนี่ ลีก ได้ประกาศว่า เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลนา คือสองทีมที่มีผู้ติดตามสูงสุดใน 4 แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย (เฟซบุค, อินสตาแกรม, ทวิตเตอร์, TikTok รวมถึง ยูทูบ)
มาดริด มีผู้ติดตามมากสุดที่ 251.5 บัญชี ตามมาด้วย บาร์ซา 248 ล้านบัญชี โดยอันดับสามตามมาห่าง ๆ คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 140 ล้านบัญชี
(C)Getty Images3ใครลงสนามมากที่สุด?
เซร์คิโอ รามอส และ ลิโอเนล เมสซี สองกัปตันคนปัจจุบันของทั้งสองทีม คือนักเตะที่ลงสนามในเกมเอล กลาซิโก้มากที่สุดในประวัติศาสตร์
รามอส ลงสนาม 45 นัด ขณะที่ เมสซี ลงสนามไป 44 นัด ซึ่งเกมในวันนี้ เมสซี มีสิทธิ์ลงสนามเทียบเท่าสถิติของ รามอส เนื่องจากปราการหลังทีมชาติสเปนไม่สามารถลงสนามได้เนื่องจากอาการบาดเจ็บ
มีเพียง ซาบี เอร์นานเดซ, มานูเอล ซานชีส และ ฟรันซิสโก เฆนโต ที่ลงสนามมากสุดตามมาที่ 42 นัด และ เซร์คิโอ บุสเกสต์ที่ 39 นัด
Getty Images4เมสซี ดาวซัลโว
ทุกคนรู้กันดีว่า ลิโอเนล เมสซี คือนักเตะที่ทำประตูในศึก เอล กลาซิโก้ ได้มากที่สุด โดยทำไปแล้วถึง 26 ประตู จาก 44 นัด
ตามมาด้วย อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน และ คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่ทำไว้ 18 ประตูเท่ากัน
อย่างไรก็ตามในการพบกับ เรอัล มาดริด 6 นัดหลังสุด เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์หกสมัย ยังยิงประตูไม่ได้เลย ประตูล่าสุดของเขาใน เอล กลาซิโก้ คือเมื่อตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2018
Getty Images5ให้เกียรติคู่แข่ง
แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเกมฟุตบอลที่ดุเดือดที่สุดในโลก แต่ศึก เอล กลาซิโก้ ก็มีเกมที่แสดงให้เห็นถึงความเคารพและให้เกียรติคู่แข่งอยู่เสมอ
เกมที่แฟนบอลยังจำได้ดีคือในปี 2005 ที่บาร์ซา บุกถล่ม เรอัล มาดริด ด้วยสกอร์ 3-0 ซึ่งเป็นเกมที่ โรนัลดินโญ โชว์ทักษะราวกับกำลังเล่นมายากลให้แฟนบอลทั้งสนามได้ดู โดยหลังโดนยิงประตูที่สามไป แทนที่แฟนบอลทีมราชันชุดขาวจะโกรธแค้น กลับยืนขึ้นปรบมือให้เจ้าเหยินน้อยที่โชว์ฟอร์มเทพในวันนั้นกันลั่นสนาม
ลอรี คันนิงแฮม และ ดิเอโก้ มาราโดนา ก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้เช่นกันในช่วงปี 1980 โดยผู้เล่นรายล่าสุดที่ได้รับเสียงปรบมือจากฝ่ายตรงข้ามในเกม เอล กลาซิโก้ คือ อันเดรส อิเนียสต้า เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2015
Mundo Deportivo6ผู้แปรพักตร์ระหว่างสองทีม
ความเดือดในการพบกันของทั้งสองทีมลดอุณหภูมิลงอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่การย้ายทีมของ หลุยส์ ฟิโก้ จะทำให้เกมกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังตัดสินใจย้ายจาก บาร์เซโลนา ไป เรอัล มาดริด หลังข้อเรียกร้องขอขึ้นค่าเหนื่อยถูกปฏิเสธ
แฟนบอลบาร์ซาโกรธแค้นดาวเตะชาวโปรตุเกสอย่างมาก และมีการขว้างปาสิ่งของลงสนามเวลาที่เจ้าตัวกลับมาเล่นที่ คัมป์นู รวมถึงช็อตปาหัวหมูที่ยังติดตาคนทั้งโลก
อย่างไรก็ตาม ฟิโก้ เป็นเพียงหนึ่งใน 33 นักเตะที่เคยเล่นให้กับทั้งสองสโมสร รวมถึงนักเตะชื่อดังอย่าง โรนัลโด้, ไมเคิล เลาดรู๊ป, หลุยส์ เอนริเก้, ซามูเอล เอโต้ และ ฮาเวียร์ ซาบิโอลา
GOAL711-1!
สกอร์ที่ เรอัล มาดริด เอาชนะ บาร์เซโลนา แบบถล่มทลายที่สุดเกิดขึ้นในศึก โคปา เดล เกเนราลิซิโม เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ปี 1943 ทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวทั้งคู่จะต้องเล่นกันแบบเหย้า - เยือน โดยในแมตช์แรก อาซูลกรานา เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ก่อนด้วยสกอร์ 3-0
แต่เกมที่ ซานติอาโก้ เบร์นาบิว ถือว่าเป็นความอับอายที่สุดของทีม บาร์เซโลนา หลังบุกพ่ายด้วยสกอร์สูงถึง 1-11 โดย ซาบิโน บารินาก้า เหมาคนเดียวสี่ประตูในเกมนั้นช่วยให้ทีมผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยสกอร์รวม 11-4อย่างไรก็ตามเมื่อดูสถิติทั้งหมดที่ทั้งสองทีมเจอกัน ยังเป็น บาร์เซโลนา ที่ทำได้ดีกว่าด้วยผลงานชนะ 115 นัด ขณะที่ เรอัล มาดริด ชนะ 101 นัด และเสมอกัน 62 นัด

8การแย่งชิงตัว ดิ สเตฟาโน
ในปี 1950 ทั้งสองทีมมีข้อโต้แย้งกันในเรื่องการย้ายทีมของ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน
ด้วยความเข้าใจผิดของ มิลเลียนาริออส และ ริเวอร์เพลท ทำให้ทั้ง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลนา ต่างมีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของยอดดาวยิงรายนี้
ดิ สเตฟาโน ลงเล่นเพียงไม่กี่เกมให้ บารซา แต่ผลงานไม่น่าประทับใจนักก่อนที่สัญญาของเขาจะถูกยกเลิก และอาซูลกรานาตัดสินใจขายสิทธิการเป็นเจ้าของครึ่งหนึ่งให้ เรอัล มาดริด ซึ่งภายหลังเจ้าตัวจะกลายเป็นตำนานกองหน้าของราชันชุดขาว
Sport9ความขัดแย้งของอุดมการณ์
ทั้งสองทีมและสองเมือง (มาดริด และ บาร์เซโลนา) มีความแตกต่างในด้านการเมืองและอุดมการณ์ ซึ่งเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกมระหว่างทั้งสองทีมมักมีความดุเดือดกว่าเกมทั่วไปเสมอ และยังเป็นมาจนถึงปัจจุบัน
ในฐานะทีมจากเมืองหลวง เรอัล มาดริด ถูกมองว่าเป็นทีมของชนชั้นปกครอง ในขณะที่ บาร์เซโลนา ถูกมองว่าเป็นตัวแทนของชนชั้นแรงงานที่ต้องการปลดปล่อยตัวเองจากอิทธิพลของ มาดริด
สงครามกลางเมืองของสเปนเมื่อปี 1936-1939 ก็มีส่วนทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองทีมเลวร้ายขึ้นเมื่อนายพล ฟรานชิสโก้ ฟรังโก้ เคยสั่งให้ทหารของตนเข้าสังหาร โจเซป ซัลยอล ประธานสโมสรบาร์เซโลนาและตัวแทนพรรคสนับสนุนการเมืองเสรี
Social Media10คู่ปรับ 119 ปี
เกมระหว่าง เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลนา คือหนึ่งการแข่งขันที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีบันทึกว่าการพบกันครั้งแรกของทั้งสองทีมเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 เมษายน ปี 1902 ในรายการ โคโรเนชั่น คัพ ซึ่งบาร์ซา เป็นฝ่ายชนะ 3-1
ขณะที่ศึก'เอล กลาซิโก' ครั้งแรกในลีกถูกบันทึกึ้นในปี 1929
โฆษณา



