Getty
Getty/Goal1แฟรงค์ แลมพาร์ด : เชลซี
แลมพาร์ด ลงเล่นให้กับทัพสิงห์บลูส์จนกลายเป็นตำนานสโมสรกว่า 13 ปี และเป็นตัวหลักในชุดที่พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้หลายสมัย รวมทั้งยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2012
หลังแขวนสตั๊ด แลมพาร์ด เริ่มคุมดาร์บี้ เคาน์ตี้ในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งมาคุมทีมเชลซีในปี 2019 แม้ในฤดูกาลแรกทีมจะโดนแบนห้ามซื้อนักเตะแต่เขาก็ทำผลงานได้่ดีพาทีมติดท็อปโฟร์ ทว่าหลังจากทีมลงทุนมหาศาลในช่วงซัมเมอร์ 2020 เขากลับไม่สามารถทำผลงานได้ตามที่คาดหวังก่อนโดนปลดจากตำแหน่ง
Getty Images2เฟลิกซ์ มากัธ : ฮัมบูร์ก
มากัธ เป็นหัวใจในแดนกลางของฮัมบูร์กในฐานะนักเตะร่วม 10 ปี ผ่านการลงสนามมากกว่า 300 นัด และทำหนึ่งในประตูสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร พาทีมเฉือนชนะยูเวนตุส คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ มาครองในปี 1983
หลังเลิกเล่น มากัธ ผันตัวมาเป็นกุนซือของทีมในปี 1995 แม้เขาจะพาทีมไต่อันดับจาก 17 มาอยู่อันดับ 5 แต่ทว่าในฤดูกาลต่อมา มีเสียงบ่นจากนักเตะถึงแนวทางการซ้อมที่หนักหน่วงและพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่พีงประสงค์ ทำให้เขาโดนปลดจากตำแหน่งในเดือนพฤษภาคมปี 1997
Getty Images3ฟิลิปโป้ อินซากี้ : เอซี มิลาน
อินซากี้ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดคนหนึ่งของเอซี มิลานและลูกหนังอิตาลี โดยเขาค้าแข้งกับทีมยาวนาน 11 ปีและพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองได้ 2 สมัย
หลังเลิกเล่นเขามีโอกาสได้กลับมาคุมปีศาจแดงดำในฤดูกาล 2014/15 ทว่าผลงานของทีมไปได้ไม่สวยนัก เขาจบฤดูกาลด้วยการพาทีมจบอันดับ 10 ในเซเรีย อา ก่อนจะต้องแยกทางกับในเดือนมิถุนายนปี 2015
Getty Images4เจอร์เก้น คลินส์มันน์ : บาเยิร์น มิวนิค
ในปี 1995 บาเยิร์น มิวนิค คว้าตัว คลินส์มันน์ มาร่วมทีมหลังประสบความสำเร็จในการค้าแข้งกับท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ โดยช่วงเวลา 2 ปีเขาทำประตูให้ทีมได้เป็นกอบเป็นกำ ก่อนจะต้องแยกทางหลังมีปัญหากับ โลธาร์ มัทเธอุส
ในปี 2008 ทัพเสือใต้ทำเซอร์ไพรส์แต่งตั้ง คลินส์มันน์ เข้ามารับงานคุมทีม ด้วยผลงานก่อนหน้าในการคุม เยอรมนี ลุยฟุตบอลโลก 2006 ทว่าหลังไปได้ไม่สวยในฟุตบอลยุโรป บาเยิร์น ตัดสินใจปลดเขาจากตำแหน่งก่อนแทนที่โดย จุ๊ปป์ ไฮยน์เกส
Getty Images5อลัน เชียเรอร์ : นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
อลัน เชียเรอร์ คือหนึ่งในกองหน้าที่ได้รับการยกย่องให้เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์และยิ่งใหญ่ที่สุดของในประวัติศาสตร์ของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
ในเดือนเมษายนปี 2009 นิวคาสเซิล กำลังสุ่มเสี่ยงต่อการตกชั้น และเป็น เชียร์เรอร์ ที่เข้ามากอบกู้วิกฤตโดยมีเกมเหลือในมือ 8 เกมสุดท้าย ทว่าผลงานเก็บชัยชนะ 1 เกม เสมออีก 2 ไม่สามารถพาทีมหนีตกชั้นได้ และตัวเขาก็ต้องแยกทางกับทีม
Getty Images6อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน : เรอัล มาดริด
ดาวยิงผู้เป็นคนอาร์เจนไตน์โดยกำเนิดเป็นหนึ่งนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรอัล มาดริดในช่วงค้าแข้งระหว่างปี 1953 ถึง 1964 โดยเขาผ่านการคว้าแชมป์มากมายกับสโมสร รวมทั้งแชมป์ยุโรเปี้ยน 5 สมัย ติดต่อกัน
ทว่าเขาไปได้ไม่สวยในการรับบทกุนซือให้กับทัพราชันชุดขาว ซึ่งเขาเข้ารับตำแหน่งกุนซือถึงสองครั้ง แต่ก็โดนปลดทั้งสองครั้งในเดือนพฤษภาคม 1984 และ มีนาคม 1981
Getty Images7เธียร์รี อองรี : โมนาโก
อองรี สร้างชื่อในอาชีพค้าแข้งของเขากับ โมนาโก ก่อนที่จะย้ายไปเล่นกับ ยูเวนตุส, อาร์เซนอล และ บาร์เซโลนา โดยเขาเล่นให้ โมนาโก ด้วยวัยเพียง 17 ปีซึ่งดีพอติดทีมชาติฝรั่งเศสไปคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1998
หลังแขวนสตั๊ด อองรี กลับมารับงานคุมทีม โมนาโก ทว่าหลังพาทีมเก็บชัยชนะได้เพียง 4 จาก 20 นัด ทำให้เขาโดนปลดจากตำแหน่งในที่สุด
Getty Images8รุด กุลลิท : เชลซี
รุด กุลลิท ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในอาชีพการค้าแข้ง เลือกย้ายมาร่วมทีมเชลซีในปี 1995 และสร้างความประทับใจให้กับวงการฟุตบอลอังกฤษได้ในทันที
ในปี 1996 เชลซี เลือกดันเขาขึ้นมารับหน้าที่โค้ช-เพลเยอร์ ทว่าหลังผลงานไม่เป็นไปตามเป้าทำให้ยอดตำนานดัตช์แมนถูกลดจากกุนซือเป็นนักเตะตามเดิมในเดือนกุมภาพันธ์ 1998
Getty Images9คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ : เอซี มิลาน
เซดอร์ฟ ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์มากมายกับเอซี มิลานในฐานะนักเตะที่ค้าแข้งกับทีมยาวนาน 10 ปี โดยเป็นแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ เซเรีย อา อย่างละสองสมัย
ในเดือน มกราคม ปี 2014, เซดอร์ฟ ได้โอกาสเข้ามาคุมทีม มิลาน ต่อจาก มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี แต่ทว่าไม่ได้ทำให้ทีมดีขึ้นจากเดิม ก่อนจบอันดับ 8 ในลีกหลุดพื้นที่ยุโรป และโดนปลดหลังจากคุมทีมได้ไม่ถึง 6 เดือนดี
Denis Doyle/Getty Images10โรนัลด์ คูมัน : บาร์เซโลนา
โรนัลด์ คูมัน ได้รับการแต่งตั้งคุมทีม บาร์เซโลนา ในเดือนสิงหาคมปี 2020 โดยแม้ทีมของเขาจะประสบปัญหาหลาย ๆ ด้านตั้งแต่ฤดูกาลแรก แต่ทว่าเขาก็ยังพาทีมคว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ มาครองได้ แต่ทว่าหลังจากย้ายออกไปของ ลิโอเนล เมสซี รวมถึงฟอร์มของทีมที่ตกลงไป รวมถึงการพาทีมพ่ายต่อ เรอัล มาดริด ในเอล กลาซิโก้ 1-2 ต่อด้วยแพ้ ราโย บาเยกาโน แบบช็อคแฟนบอล 0-1 ทำให้เขาโดนปลดจากตำแหน่งในที่สุด
โฆษณา