Getty/Goal compositeธนะ วงษ์มณี
เบอร์อาถรรพ์: อดีตหมายเลข 9 เชลซีที่อิกวาอินไม่อยากตามรอย

อัลบาโร โมราต้า | 60 ล้านปอนด์ | 2017-
ทุกอย่างดูสดใสสวยงามเมื่ออัลบาโร โมราต้า ย้ายมาสู่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 60 ล้านปอนด์ ออกสตาร์ทอย่างร้อนแรง ยิง 8 ประตู จ่าย 4 แอสซิสต์ ในพรีเมียร์ลีก 11 เกมแรก
หลังจากนั้นทุกอย่างทิ้งดิ่ง จากอาการบาดเจ็บติดต่อกันหลายครั้ง ทั้งความฟิตและความมั่นใจถดถอย จนหลุดทีมชาติไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 ให้กับสเปน
เข้าสู่ฤดูกาล 2018-19 ยังไม่มีอะไรดีขึ้น เชลซีเปิดทางให้เขากลับไปอยู่กับแอตเลติโก มาดริด อีกครั้ง ด้วยสัญญายืมตัว 1 ปีครึ่ง หลังอำลาสโมสรบ้านเกิดมา 12 ปี
Getty Imagesราดาเมล ฟัลเกา | ยืมตัว | 2015-16
แมนฯ ยูไนเต็ด ยืมฟัลเกามาจากโมนาโก และผลงานก็ถือว่าพังพาบ ยิงไปเพียง 4 ประตูจาก 26 นัด ถึงกระนั้นเชลซีก็ยังจะลองของขอยืมต่อดูบ้าง
ผลคือเจ้าเสือร้ายทำผลงานได้ตกต่ำไปอีก ยิงเพียง 1 ประตูจากการลงสนาม 12 นัด เป็นตัวสำรองของดิเอโก้ คอสต้า อดีตเพื่อนร่วมทีมแอตเลติโก มาดริด แบบหมดทางสู้
สุดท้ายฟัลเกากลับสู่โมนาโกหลังหมดสัญญายืมตัว และไม่ได้ออกไปเล่นให้ใครอีก
Getty Imagesเฟร์นานโด ตอร์เรส | 50 ล้านปอนด์ | 2011-15
เอล นินโญ ย้ายจากลิเวอร์พูลมาอยู่กับเชลซีช่วงท้ายตลาดเดือนมกราคม 2011 เป็นสถิติของสหราชอาณาจักรในตอนนั้น ไม่มีใครคิดมาก่อนว่าเขาจะใช้เวลาถึง 903 นาทีกว่าจะยิงประตูแรกให้สิงบลูส์ได้
ตอร์เรสย้ายมาด้วยฐานะดาวยิงที่อันตรายที่สุดคนหนึ่งของยุโรปในสีเสื้อหงส์แดง แต่ในหนึ่งฤดูกาลเต็มฤดูกาลแรกของเขากับเชลซี กลับทำได้เพียง 11 ประตู
ความทรงจำดี ๆ ของดาวยิงผมสลวยคือการคว้า ยูฟ่า แชมเปี้ยส์ลีก ในปี 2012 กับทีม แต่สุดท้ายก็ต้องระหกระเหินไปเอซี มิลาน, กลับสู่แอตเลติโก มาดริด ทีมแจ้งเกิด ก่อนจะไปหาความท้าทายกับซางัน โทสุ ในเจลีก
Gettyฟรังโก้ ดิ ซานโต้ | 3.4 ล้านปอนด์ | 2008-10
ไอ้หนูดิ ซานโต้ มากับหุ่นสูงชะลูดและฟอร์มการเล่นสุดร้อนแรงกับ ออดักซ์ อิตาเลียโน ในชิลี เชลซีคว้าตัวเขามาร่วมทัพในปี 2008 ด้วยค่าตัว 3.4 ล้านปอนด์ และจับใส่ทีมชุดใหญ่ทันที
ดาวเตะอาร์เจนไตน์ลงสนามในฤดูกาล 2008-09 ไป 16 นัด โดยส่วนมากในฐานะตัวสำรอง - และยิงไม่ได้แม้แต่ประตูเดียว
ดิ ซานโต้ ถูกส่งให้แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ใช้งานด้วยสัญญายืมตัว แต่ 24 นัดที่ลงสนาม ก็ยิงไปได้เพียงประตูเดียว สุดท้ายเป็นวีแกนที่คว้าตัวไปร่วมทัพแบบถาวร ดิ ซานโต้ มีดีกรีเป็นแชมป์เอฟเอ คัพ ปี 2013 กับ เดอะ ลาติกส์ แต่ไม่ได้ลงสนามในนัดชิงที่พบกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่อย่างใด
Gettyเคลาดิโอ ปิซาร์โร | ฟรี | 2007-09
อดีตกองหน้าทีมชาติเปรู ยิงไปเพียงสองประตูจากสองฤดูกาลในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ หลังย้ายจากบาเยิร์น มิวนิค มาแบบไร้ค่าตัว ทั้งที่กดไปถึง 71 ประตูจาก 174 นัดกับเสือใต้
สุดท้ายปิซาร์โรก็ถูกส่งไปอยู่กับแวร์เดอร์ เบรเมน ด้วยสัญญายืมตัว ก่อนจะกลับบาเยิร์นในปี 2012
Gettyสตีฟ ซิดเวลล์ | ฟรี | 2007-08
สาเหตุที่สตีฟ ซิดเวลล์ ได้สวมเสื้อหมายเลข 9 ของเชลซี เป็นปริศนาดำมืดพอ ๆ กับสาเหตุที่สโมสรเซ็นสัญญาเขาเข้าสู่ทีมตั้งแต่แรก
อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษรุ่น U-23 โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจกับเรดดิ้ง ตัวเลขการทำประตูอยู่ที่ 29 ลูกจาก 168 นัด ทำให้เชลซีดึงเขามาร่วมทัพแบบไม่มีค่าตัว ซิดเวลล์อยู่กับทีมเพียงหนึ่งฤดูกาลครึ่ง ก่อนจะอำลาไปอยู่กับแอสตัน วิลลา เพื่อโอกาสลงสนามเป็นตัวจริง ไม่ได้ยิงให้เชลซีแม้แต่ลูกเดียว
Gettyคาลิด บูลาห์รูซ | 8.5 ล้านปอนด์ | 2006-07
ถ้ากองกลางอย่างซิดเวลล์มาใส่เบอร์ 9 ว่าแปลกแล้ว มาเจอกับบูลาห์รูซก่อน
แบ็คขวาเลือดดัตช์มีฝีเท้าที่ไม่เลว แต่ส่วนใหญ่ถูกใช้งานในฐานะตัวสำรองท้ายเกมเมื่อเป็นฝ่ายขึ้นนำ บูลาห์รูซอยู่กับทีมได้สองฤดูกาล ไม่สามารถสร้างอิมแพคใด ๆ ได้ จนถูกปล่อยให้สตุตการ์ท และไม่สามารถทำประตูได้เลย
Gettyเอร์นัน เครสโป | 16.8 ล้านปอนด์ | 2005-06
เอร์นัน เครสโป ชื่อนี้แฟนลิเวอร์พูลคงจำได้ไม่ลืม ในฐานะผู้ทำประตูให้เอซี มิลาน ในนัดชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2005 ที่สุดท้ายเป็นหงส์แดงที่พลิกกลับมาเป็นฝ่ายคว้าแชมป์ในที่สุด
กองหน้าอาร์เจนไตน์ผู้เคยเป็นผู้เล่นราคาแพงที่สุดในโลกมาแล้ว หลังจากล่าตาข่ายกับปาร์มาและลาซิโอในเซเรีย อา เจ้าตัวตัดสินใจรับข้อเสนอของเชลซีมาผจญภัยในอังกฤษ แต่ปัญหาอาการบาดเจ็บทำให้ฤดูกาลแรกของเขาในกรุงลอนดอนนั้นลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไปจนถึงปัญหานอกสนามที่รุมเร้า จนสุดท้ายก็ต้องย้ายไปเอซี มิลาน ด้วยสัญญายืมตัวในปี 2004
ผ่านไปหนึ่งฤดูกาล เครสโปกลับมาเชลซีอีกครั้ง คราวนี้ได้แชมป์กับทีมเสียด้วย เบ็ดเสร็จแล้วทำไป 20 ประตูจากการลงสนาม 49 นัด ก่อนจะย้ายไปอินเตอร์ มิลาน ในปี 2006 ด้วยสัญญายืมตัวแล้วเปลี่ยนเป็นซื้อขาด
Gettyมาเตยา เคซมัน | 5 ล้านปอนด์ | 2004-05
อดีตกองหน้าทีมชาติเซอร์เบียถือว่าผลงานเอาเรื่องเมื่อครั้งสวมเสื้อพีเอสวี ล่าตาข่ายในเอเรดิวิซี แต่เมื่อเปลี่ยนมาสวมเสื้อน้ำเงินคราม การทำประตูของเขาไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเคย
หลังกดไป 105 ประตูกับพีเอสวี ราคาห้าล้านปอนด์ดูจะถูกมากสำหรับเชลซี แต่ดีลนี้กลายเป็นดีลน่าผิดหวังไปในที่สุดด้วยผลงาน 7 ประตูจากการลงสนาม 41 นัด
แต่อย่างน้อยที่สุด เคซมันก็เป็นคนทำประตูชัยให้เชลซีเอาชนะลิเวอร์พูล 3-2 ในลีกคัพนัดชิงชนะเลิศปี 2005 ก่อนจะย้ายไปแอตเลติโก มาดริด ทันทีในช่วงซัมเมอร์
GettyGจิมมี ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ | 15 ล้านปอนด์ | 2000-04
มีกองหน้าปืนฝืดที่แอตเลติโก มาดริด รับตัวจากเชลซีไปใช้งานต่อหลายคน แต่หนึ่งในดาวยิงหมายเลข 9 ที่แฟน ๆ เดอะ บลูส์ รักมากที่สุดนั้น พวกเขาซื้อมาจากแอตเลติโกนี่เอง
ฮัสเซลเบงค์คือหมายเลข 9 คนแรกที่เชลซีเซ็นสัญญาในศตวรรษที่ 21 ด้วยค่าตัวสูงถึง 15 ล้านปอนด์ในปี 2000 จากแอตเลติโก มาดริด
กองหน้าดัตช์แมนคือหนึ่งในมือปืนที่ผลงานดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร การประสานงานของเขากับ จานฟรังโก้ โซลา และ ไอเดอร์ กุดยอห์นเซนนั้นยังติดตาแฟน ๆ ไม่ลืมเลือน ฮัสเซลเบงค์คว้าตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลแรกของเขาจากผลงาน 21 ประตู รวมผลงานกับเชลซีทั้งหมดอยู่ที่ 88 ประตูจาก 177 นัด
แต่สิ่งที่อิกวาอินไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง คือตลอดสี่ปีในรั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์ ฮัสเซลเบงค์ได้แชมป์ แชริตี้ ชิลด์ ปี 2000 เพียงรายการเดียว ที่เหลือคือรองแชมป์พรีเมียร์ลีก(2003-04) และเอฟเอ คัพ (2001-02)
โฆษณา

