เจอร์ราร์ด, ซาลาห์ นำทัพ : 11 นักเตะชุดดรีมทีมดีสุดตลอดกาลของลิเวอร์พูล

แฟนบอลรุ่นใหม่อาจจะคุ้นเคยกับความยอดเยี่ยมของ อลิสซอน เบ็คเกอร์ กันมากกว่า แต่หากจะพูดถึงผุ้รักษาประตูที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลของลิเวอร์พูล ชื่อของ เรย์ คลีเมนซ์ จะต้องมาก่อนในลำดับแรก

คลีเมนซ์ คือเจ้าของสถิติผู้รักษาประตูที่ลงเล่นให้หงส์แดงมากที่สุดตลอดกาลถึง 665 เกม ในช่วงระหว่างปี 11967-1981 พร้อมคว้าแชมป์ไปครองได้ถึง 18 รายการ

ยิ่งเมื่อย้อนไปดูว่า ลิเวอร์พูลคว้าตัวเขามาร่วมทีมในราคาเพียงแค่ 18,000 ปอนด์เท่านั้น ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

ฟิล นีล คือนักเตะคนแรกที่ถูก บ็อบ เพสลีย์ ซื้อตัวมาร่วมทีมเมื่อปี 1974 ด้วยค่าตัว 66,000 ปอนด์ และถูกยกย่องเรื่องมาตรฐานการเล่นสม่ำเสมอที่แทบไม่เคยตกลงเลย

แบ็คขวาชาวอังกฤษค้าแข้งกับหงส์แดงช่วงระหว่างปี 1974-1985 ลงสนามไปถึง 650 เกม มากที่สุดเป็นอันดับ 7 ของสโมสร และคว้าแชมป์กับสโมสรได้ถึง 24 รายการ

แฮนเซน เป็นหนึ่งในกองหลังที่ยิ่งใหญ่ที่สดตลอดกาลทั้งกับลิเวอร์พูลและทีมชาติสกอตแลนด์ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นแนวรับที่มีชั้นเชิงสูง, อ่านเกมได้เป็นเลิศ และยังเก่งกาจในการเซ็ตบอลจากแดนหลัง

เขาลงเล่นให้สโมสรช่วงปี 1977-1991 ไปถึง 620 มากที่สุดเป็นอันดับ 10 ตลอดกาลของสโมสร พร้อมคว้าแชมป์ไปครองถึง 25 รายการ

หากว่า อลัน แฮนเซน คือกองหลังเชิงสูงในยุคก่อน ฝั่งของ ฟาน ไดค์ ก็ได้รับการยกย่องแบบเดียวกันในยุคปัจจุบัน

ค่าตัว 75 ล้านปอนด์ ที่ลิเวอร์พูลยอมจ่ายให้เซาแธมป์ตันเมื่อเดือนมกราคมในปี 2018 ซึ่งทำสถิติเป็นกองหลังแพงที่สุดในโลก ณ เวลานั้น ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง

ฟาน ไดค์ คือหัวใจในแนวรับของหงส์แดงชุดปัจจุบัน ที่พร้อมจะเดินหน้าพาทีมสานต่อความสำเร็จเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกในอนาคต หลังจากเคยพาทีมคว้าแชมป์ไปแล้ว 6 รายการ

แม้จะมีตัวเลือกในยุคเก่าอย่าง สตีฟ นิโคล รวมถึง เจอร์รี เบิร์น แต่เราก็ตัดสินใจเลือกแบ็คซ้ายของทีมชุดปัจจุบันเข้ามาอยู่ในทีมยอดเยี่ยมตลอดกาลของลิเวอร์พูล เพื่อยกย่องให้หัวใจนักสู้ของเขา

จากนักเตะที่เคยถึงขนาดโพสต์ระบายหางานทำทางทวิตเตอร์เมื่อ 10 ปีก่อน ใครจะไปคาดคิดว่าปัจจุบันเขาคือนักเตะกำลังสำคัญของหงส์แดง ที่ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ไปแล้ว 6 รายการ รวมถึงยังรับตำแหน่งเป็นกัปตันทีมชาติสกอตแลนด์อีกด้วย

ชื่อเสียงในปัจจุบันนี้ของเขา อาจจะไม่ใช่ในทางที่ดีนัก แต่หากนับเฉพาะสมัยยังเป็นนักเตะ นี่คือสุดยอดกองกลางในตำนานของทั้งลิเวอร์พูลและทีมชาติสกอตแลนด์อย่างแท้จริง

ซูเนสส์ ลงเล่นให้หงส์แดงช่วงระหว่างปี 1978-1984 ไปทั้งหมด 354 เกม คว้าแชมป์ไปครองได้ถึง 15 รายการ โดยเกมสุดท้ายของเขากับสโมสร คือการสวมปลอกแขนกัปตันทีมชูถ้วยแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ เมื่อปี 1984 เป็นการอำลาอย่างสวยงาม

คงไม่ต้องมีคำบรรยายใด ๆ กันมากสำหรับตำนานนักเตะคนนี้ เพราะนี่คือนักเตะลิเวอร์พูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 21 อย่างแท้จริง

เจอร์ราร์ด ลงเล่นให้ลิเวอร์พูลทั้งหมด 710 เกม มากที่สุดตลอดกาลอันดับ 3 ของสโมสร และยังเป็นในฐานะกัปตันทีมเกือบ 500 เกมเลยทีเดียว

แต่สิ่งที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือ เขาไม่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้เลย

แนวรุกชาวอียิปต์กลายมาเป็นเครื่องจักรถล่มประตู นับตั้งแต่ย้ายจากโรมา สู่ชายคาถิ่นแอนฟิลด์เมื่อปี 2018

ซาลาห์ ใช้เวลาเพียงแค่ 159 เกมเท่านั้น ในการยิงครบ 100 ประตูแรก และปัจจุบันก็เข้าไปอยู่ในอันดับ 9 ของตำแหน่งดาวซัลโวตลอดกาลสโมสร ด้วยการยิงไปแล้ว 156 ประตู

และล่าสุดเขาก็เพิ่งต่อสัญญาใหม่ไปหมาดๆ ทำให้จำนวนแชมป์ 6 รายการที่เขาทำได้กับหงส์แดง จะไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่นอน

"เดอะ คิง" ของแฟนบอลลิเวอร์พูล ผู้ประสบความสำเร็จทั้งในฐานะการเป็นนักเตะและผู้จัดการทีม

ดัลกลิช ถูกดึงตัวจากเซลติกมาร่วมทีมเมื่อปี 1977 เพื่อเข้ามาแทนที่ตำแหน่งของ เควิน คีแกน ซึ่งย้ายไปฮัมบูร์ก ก่อนจะกลายมาเป็นสุดยอดคู่กองหน้าในตำนานร่วมกับ เอียน รัช ที่พาหงส์แดงยิ่งใหญ่เกรียงไกรในยุค 80

จากนั้น เขาถูกแต่งตั้งให้ควบสองตำแหน่งเป็นทั้งผู้เล่นและผู้จัดการทีมในปี 1985 ซึ่งก็ยังพาทีมเดินหน้าสานต่อความสำเร็จต่อเนื่อง ก่อนจะตัดสินใจอำลาทีมในปี 1991

ตำนานปีกนิลกาฬที่ลีลาการกระชากลากเลื้อยยังอยู่ในดวงใจของเดอะ ค็อปยุค 80-90 เสมอมา

บาร์นส์ ยิงไปถึง 106 ประตู จากการลงเล่น 403 เกม ในช่วงระหว่างปี 1987-1997 พร้อมคว้าแชมป์ได้ 8 รายการ

แม้ว่าช่วงท้ายอาชีพอาจจะเจอปัญหาบาดเจ็บ จนต้องปรับตำแหน่งมาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง ได้การเล่นของเขาก็ยังเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม

นี่คือกองหน้าที่ดีที่สุดตลอดกาลของลิเวอร์พูลแบบไร้ข้อโตแย้งใด ๆ

รัช คือเจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสร ด้วยการยิงไปถึง 346 ประตู จากการลงเล่น 660 เกม พร้อมคว้าแชมป์ไปครองได้ถึง 20 รายการ

นอกจากนี้ เขาเขาเป็นนักเตะที่ยิงประตูได้มากที่สุดของศึกเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้แมตช์ ซึ่งเป็นการเจอกันของลิเวอร์พูลกับเอฟเวอร์ตันอีกด้วย