สรุปผลงานครึ่งฤดูกาลลิเวอร์พูล : อะไรเด่น, อะไรดับ, อะไรควรปรับปรุง

หลุยส์ ดิอาซ โชว์ฟอร์มแบกแนวรุกหงส์แดงในช่วงต้นฤดูกาล ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมยังตั้งหลักไม่ได้ ทว่าเขาโชคร้ายมาได้รับบาดเจ็บในเกมกับ อาร์เซนอล เมื่อเดือนที่ผ่านมา และน่าจะกลับมาลงสนามได้ในช่วงบ็อกซิ่งเดย์

หลังการหายไปของดิอาซเป็นทางโมฮาเหม็ดซาลาห์ที่กลับมาท็อปฟอร์มโดยเขาทำไปแล้ว 14 ประตูในฤดูกาลนี้เป็นการยิงในแชมเปี้ยนส์ลีก 7 ประตูและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2 ประตูในเกมกับท็อตแนมรวมถึงประตูชัยในเกมพบแมนเชสเตอร์ซิตี้

พวกเขาอาจมีเกมที่เอาชนะท่วมท้น 9-0 และ 7-1 ในฤดูกาลนี้ แต่ชัยชนะเหนือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่แอนฟิลด์ นั้นสำคัญกว่าแบบไม่ต้องสงสัย

ลิเวอร์พูล เริ่มต้นเกมในช่วงที่ไม่ดีนัก หลังเพิ่งแพ้ อาร์เซนอล ในเกมนัดที่ผ่านมา

ทว่าลูกทีมของเยอร์เก้นคล็อปป์รวมใจหยุดยั้งเออร์ลิงฮาลันด์และเควินเดอบรอยน์ด้วยฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมก่อนได้ประตูชัยจากโมฮาเหม็ดซาลาห์พาทีมคว้าชัยได้สำเร็จ

อีกหนึ่งรางวัลให้ ซาลาห์ ด้วยประตูของเขาในเกมพบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

จากการอ่านเกมอันยอดเยี่ยมของอลิสซอนเบ็คเกอร์ก่อนเปิดบอลยาวให้โมฮาเหม็ดซาลาห์ชิงจังหวะฉีกหนีเจาคันเซโลและหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงเข้าประตูอย่างสวยงาม

ตัวเลือกแม้จะมีน้อย แต่ต้องยอมรับว่า ดาร์วิน นูนเญซ ทำผลงานได้น่าประทับใจไม่มากก็น้อย

จุดเด่นของดาวยิงทีมชาติอุรุกวัยแน่นอนว่าการทำประตู ซึ่งเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและศักยภาพที่พร้อมก้าวไปอีกระดับ

แม้จะพลาดน็อตหลุดในเกมเปิดตัวที่แอนฟิลด์ จากช็อต เฮดบัตต์ ใส่ โยอาคิม แอนเดอร์เซน จนโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม

แต่ด้วยผลงาน 9 ประตูจนถึงตอนนี้เชื่อว่าเขาจะมีแต่ดีขึ้นไปเรื่อยๆ

หลังจากถล่ม กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ต่อด้วยเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด จนเชื่อว่าพวกเขากลับมาแล้ว

ทว่าพวกเขากลับพลิกล็อคบุกไปพ่ายน็อตติ้งแฮมฟอเรสต์ทีมบ๊วยของตารางแบบสุดช็อคทำให้ย้อนกลับมาสู่ความจริงว่ามาตรฐานของพวกเขายังไม่เท่ากับฤดูกาลก่อนๆ

ยังมีเรื่องน่าชื่นใจอยู่บ้างในฤดูกาลนี้ หลังพลาดท่าให้ นาโปลี ในเกมแรก ลิเวอร์พูล เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังเอาชนะ 5 เกมที่เหลือ แม้ฟอร์มในลีกไม่คงเส้นคงวา

นับว่าน่าติดตามฟอร์มของหงส์แดงในเกมถ้วยยุโรปแม้ว่าต้องไปเจอกับเรอัลมาดริดแชมป์เก่าในรอบน็อคเอาท์

เรียกได้ว่า ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ได้ก้าวข้ามคำว่า “ดาวรุ่ง” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดาวเตะวัย 19 ปี เป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่ลงสนามครบทั้ง 22 เกมรวมทุกรายการให้กับ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้

ไม่ว่าจะในบทบาทมิดฟิลด์ตัวกลางหรือขยับไปด้านข้างในระบบ 4-4-2/4-2-3-1 ก็ยังถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมถึงขั้นเปํปลินเดอร์สยกย่องให้เป็นเพชรเม็ดงามของลิเวอร์พูล

มีนักเตะไม่กี่รายที่เข้าข่าย

ฟอร์มของ เวอร์จิล ฟาน ไดค์, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, จอร์แดน เฮนเดอร์สันและ โจ โกเมซ เป็นที่พูดถึงอยู่ตลอด รวมถึง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ ติอาโก้ อัลคันทารา ที่ไม่ได้อยู่ในฟอร์มเหมือนที่ผ่านมา

แต่เห็นได้ชัดว่าคนที่ฟอร์มตกลงไปมากที่สุดคือฟาบินโญที่เริ่มกลายเป็นจุดโหว่ในแผงกลางของลิเวอร์พูลจนบีบให้เยอร์เก้นคล็อปป์ถึงกับต้องเปลี่ยนแผนการเล่นของทีม

เรื่องใหญ่ที่สุดคือหลังจากผ่าน 1 ใน 3 ของฤดูกาล ลิเวอร์พูล ยังไม่สามารถทำแต้มขึ้นไปอยู่ในกลุ่มท็อปโฟร์ได้

จากที่ตั้งเป้าลุ้นแชมป์ ตอนนี้พวกเขามีคะแนนตามหลัง อาร์เซนอล จ่าฝูงถึง 15 แต้ม แต่จนแล้วจนรอด พวกเขาก็กลับมาตั้งหลักได้อีกครั้ง หลังฟอร์มกระท่อนกระแท่นมา

ด้วยคู่แข่งอย่างท็อตแนมฮ็อตสเปอร์, เชลซีและแมนฯยูไนเต็ดรวมถึงนิวคาสเซิลยูไนเต็ดจะทำให้การลุ้นพื้นที่ท็อปโฟร์อย่างเข้มข้นซึ่งในตอนนี้พวกเขามีคะแนนห่างอันดับสี่ 7 แต้มพร้อมเกมในมือ

ดีต์มาร์ ฮามันน์ อาจไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีความกดดันในตำแหน่งของ เยอร์เก้น คล็อปป์ มาจากเจ้าของลิเวอร์พูลใด ๆ ทั้งนั้น

แน่นอนว่าบางครั้งผู้จัดการทีมอาจทำผิดพลาด เช่นการจัดทีมในเกมที่ไปพ่ายที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด, การจับ เจมส์ มิลเนอร์ ยืนแบ็คขวาที่กูดิสัน พาร์ค และอีกหลายเกมจนเกิดการตั้งคำถามในการเตรียมทีม

แต่ยังมีเกมที่พวกเขาถล่ม 9-0 และ 7-1 รวมถึงเอาชนะ แมนฯ​ ซิตี้ และ สเปอร์ส รวมถึงการันตีเข้ารอบแชมเปี้ยนส์ ลีก

แน่นอนว่าพวกเขารู้ดีว่าต้องมีพัฒนาครั้งใหญ่และถ้าหากนักเตะกลับมาฟูลทีมอีกครั้งหลังฟุตบอลโลกทีมของเยอร์เก้นคล็อปป์อาจกลับมาผงาดอีกครั้ง