สิงห์แดงแรงฤทธิ์! ย้อนตำนาน 'มิดเดิ้ลสโบรห์' ชุดรองแชมป์ยูฟ่าคัพ

ผู้รักษาประตูชาวออสซี ย้ายจากแบรดฟอร์ดมาร่วมทีมมิดเดิ้ลสโบรห์ ในปี 1997

ในฤดูกาล 2005/06 ด้วยวัย 32 ปี เขาก็ยังคงยึดมือหนึ่งได้อย่างเหนียวแน่น โดยในศึกยูฟ่าคัพ เจ้าตัวได้ลงเฝ้าเสาไป 11 นัด 4 คลีทชีท

เขากลายเป็นหนึ่งในตำนานของโบโร่ ที่ฝากสถิติลงสนามมากถึง 446 นัด ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับ 8 ของสโมสร ก่อนจะย้ายไปฟูแลมในปี 2008 

แบ็คขวาดาวโรจน์ผู้เติบโตมาจากอคาเดมีของสโมสร และกลายเป็นกำลังสำคัญทางกราบขวาในฤดูกาล 2005/06

โดยในยูฟ่าคัพ เขาได้ลงเล่นไป 11 นัด ทำได้ 1 ประตู ก่อนจะย้ายไปร่วมทัพเบอร์มิงแฮม ในปี 2007

เขากลับมาค้าแข้งกับโบโร่อีกครั้งช่วงปลายอาชีพระหว่างปี 2012-2014 ฝากสถิติรวมทั้งหมด 143 นัด ทำได้ 3 ประตู 3 แอสซิสต์์ 

กองหลังชาวอังกฤษ ย้ายจากดาร์บี้ เคาน์ตี้ มายังถิ่นริเวอร์ไซด์ สเตเดี้ยม ในปี 2003 

ในฤดูกาล 2005/06 เขาคือตัวหลักของทีม ที่ได้ลงเล่นในยูฟ่าคัพครบ 90 นาที ไป 13 นัด ซัด 1 ประตู

เจ้าตัวโบกมือลาสโมสรไปร่วมทีมคาร์ดิฟฟ์ ในปี 2010 ฝากผลงานไว้ที่ 141 นัด ทำได้ 7 ประตู

แนวรับจอมเก๋าย้ายจากแอสตัน วิลลา มาร่วมทีมมิดเดิ้ลสโบรห์ ช่วงปลายอาชีพค้าแข้ง ในปี 2001 

ในฤดูกาล 2005/06 เขาจับคู่กับ คริส ริกกอตต์ และประคองรุ่นน้องในทีมได้เป็นอย่างดี ด้วยการลงสนามในยูฟ่าคัพ ไป 9 นัด ก่อนจะประกาศรีไทร์หลังจบฤดูกาล

เจ้าตัวรับบทบาทเป็นเฮดโค้ชของทีมในฤดูกาลถัดมา และปัจจุบันเขาคือนายใหญ่สมองเพชรของทีมชาติอังกฤษ 

แบ็คซ้ายเฟร้นช์แมน ย้ายมาเล่นแบบยืมตัวกับโบโร่ในฤดูกาล 2001/02 ก่อนจะถูกซื้อขาดในฤดูกาลถัดมา

ในฤดูกาล 2005/06 เขายังคงเป็นกำลังหลักที่ลงเล่นในยูฟ่าคัพไป 14 นัด และด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ทำให้ฟูแลมคว้าตัวไปร่วมทีมหลังจบฤดูกาลทันที 

แต่เจ้าตัวก็อยู่กับเจ้าสัวน้อยได้เพียงฤดูกาลเดียว ก็พเนจรไปเล่นให้เบอร์มิงแฮม, โคลเชสเตอร์, ล็องส์ และแขวนสตั๊ดกับเรดสตาร์

กองกลางดาวรุ่งรายนี้เติบโตขึ้นมาจากอคาเดมีของโบโร่ และได้โอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ในถ้วยเอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2003/04 

ในฤดูกาล 2005/06 ด้วยวัย 19 ปี เขาก็ได้รับโอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ และลงเล่นไป 9 นัด ในยูฟ่าคัพ 

เจ้าตัวอยู่กับทีมต่ออีก 1 ฤดูกาล ก่อนจะย้ายไปเล่นให้เวสต์บรอมฯ และแขวนสตั๊ดกับเดอะ แบ็กกีส์ ในปี 2019 พร้อมขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในตำนานของสโมสรเรียบร้อยแล้ว

กองกลางบราซิเลียน คือนักเตะป้ายแดงที่เพิ่งย้ายจากบาร์เซโลนามาร่วมทัพโบโร่ ในซัมเมอร์ 2005

 และในฤดูกาลแรก เขาก็ได้ลงสนามในยูฟ่าคัพ ไป 6 นัด ตลอด 3 ฤดูกาลในถิ่นริเวอร์ไซด์ เขาลงสนามไปทั้งสิ้น 91 นัด ซัด 7 ประตู 7 แอสซิสต์  

ก่อนจะย้ายกลับไปเล่นให้สปอร์ติ้ง ลิสบอนแบบไร้ค่าตัว ในซัมเมอร์ปี 2008 

มิดฟิลด์จอมแกร่งย้ายจากแอสตัน วิลลา มาร่วมทีมมิดเดิลสโบรห์ ในปี 2002 และยึดตำแหน่ง 11 ตัวจริง ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรก

ในฤดูกาล 2005/06 เขายังคงเป็นนักเตะคนสำคัญที่ลงเล่นในยูฟ่าคัพ ไป 12 นัด ยิง 1 ประตู 1 แอสซิสต์ 

เจ้าตัวฝากผลงานรวมไว้ที่ 9 ประตู 5 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 219 นัด ก่อนจะย้ายไปร่วมทัพฮัลล์ ในปี 2008

ปีกอนาคตไกลรายนี้ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เติบโตมาจากอคาเดมีของสโมสร และได้โอกาสในทีมชุดใหญ่นัดแรกในเกมกับอิปสวิช ทาวน์ ฤดูกาล 2001/02

ในฤดูกาล 2005/06 เขาโชว์ฟอร์มร้อนแรงเกินอายุ ที่ทำไป 4 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 9 นัด ในยูฟ่าคัพ 

เจ้าตัวอำลาโบโร่ในปี 2009 ก่อนจะกลับมาร่วมทีมอีกครั้งในปี 2015 พร้อมกับขึ้นแท่นเป็นตำนานของสโมสรที่ลงสนามไปทั้งสิ้น 399 นัด ซัด 31 ประตู 49 แอสซิสต์

กองหน้าชาวออสเตรเลีย สร้างชื่อจนโด่งดังกับลีดส์ ก่อนจะย้ายมาร่วมทีมมิดเดิ้ลสโบรห์ ในปี 2004

และในถิ่นริเวอร์ไซด์แห่งนี้ สัญชาตญาณดาวยิงของเขาก็ไม่ลดลงเลย โดยในยูฟ่าคัพ ฤดูกาล 2005/06 เขายิงไป 6 ประตู 1 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 9 นัด

เจ้าตัวทำสถิติรวมไว้ที่ 41 ประตู 7 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 98 นัด และย้ายไปแขวนสตั๊ดกับนิวคาสเซิล 

ดาวยิงจอมเก๋า สร้างชื่อจนโด่งดังกับเชลซี ก่อนจะย้ายมาเล่นให้โบโร่ช่วงปลายอาชีพค้าแข้งในปี 2004

ในฤดูกาล 2005/06 แม้เขาจะอายุ 33 ปี แต่ก็ได้ลงสนามในยูฟ่าคัพไปถึง 13 นัด ทำได้ 4 ประตู 1 แอสซิสต์

เขาอำลาสโมสรไปเล่นให้ชาร์ลตัน หลังจบฤดูกาลนั้นแบบไม่มีค่าตัว ก่อนจะไปปิดฉากอาชีพค้าแข้งกับคาร์ดิฟฟ์ ในอักฤดูกาลถัดมา

หัวหอกอิตาเลียน ย้ายจากเอ็มโปลี มาร่วมทัพโบโร่ ในปี 2002 และบทบาทส่วนใหญ่ในฤดูกาล 2005/06 คือซูเปอร์ซับที่ลงมาช่วงท้ายเกม

แม้ผลงานในลีกจะไม่ค่อยโดดเด่นนัก แต่ในยูฟ่าคัพ เจ้าตัวซัดไปถึง 5 ประตู จากการลงสนาม 8 นัด 

หลังอำลาสโมสรในปี 2007 เขาก็พเนจรไปเล่นให้กับหลายสโมสรในบ้านเกิด และแขวนสตั๊ดในปี 2020

กองหน้าอนาคตไกล โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงกับพอร์ทสมัธ ทำให้มิดเดิ้ลสโบรห์ ยอมทุ่มเงินเป็นสถิติสูงสุดสำหรับนักเตะไนจีเรีย มาร่วมทีมในซัมเมอร์ 2005

ในฤดูกาล 2005/06 เขาเป็นตัวสำรองที่ได้รับโอกาสสอดแทรกอยู่บ่อยครั้ง และในยูฟ่าคัพ ก็ยิงไป 2 ประตู จากการลงสนาม 14 นัด 

เจ้าตัวอยู่กับทีมเพียง 2 ฤดูกาล ลงสนามทั้งสิ้น 102 นัด ทำได้ 32 ประตู 6 แอสซิสต์ ก่อนจะย้ายไปอยู่กับเอฟเวอร์ตัน ในปี 2007

มิดฟิลด์ชาวอังกฤษผู้นี้ก็เติบโตมาจากอคาเดมีของมิดเดิ้ลสโบรห์ และได้โอกาสแจ้งเกิดในทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2005/06 ทันที 

แม้จะมีวัยเพียง 17 ปี แต่เขาก็ได้รับโอกาสค่อนข้างบ่อยในครึ่งฤดูกาลหลัง และลงสนามในยูฟ่าคัพไป 5 นัด 

เจ้าตัวย้ายไปร่วมทัพวีแกนช่วงสั้น ๆ ในปี 2007 ก่อนที่จะกลายเป็นตำนานคนสำคัญของซันเดอร์แลนด์ และไปแขวนสตั๊ดกับวีวีวี เวนโล ทีมในเนเธอร์แลนด์เมื่อปี 2020

นายด่านดาวโรจน์ชาวออสซีย้ายมาเป็นนักเตะเยาวชนของโบโร่ในปี 1999 ก่อนที่จะโดนปล่อยยืมเสียเป็นส่วนใหญ่

ในฤดูกาล 2005/06 เขารับบทเป็นมือสองรองของทีมชุดนี้ และได้ลงเล่นในยูฟ่าคัพไป 4 นัด เก็บได้ 3 คลีนชีท 

หลังออกจากทีม เจ้าตัวย้ายไปเล่นให้ลิเวอร์พูล, ดาร์บี้ เคาน์ตี้, แบรดฟอร์ด, เอ็นอีซี, เฟเยนูร์ด, อัล-นาสเซอร์ และเพิ่งตัดสินใจแขวนถุงมือกับ เพิร์ธ กลอรี เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา

กองหลังชาวอังกฤษ โด่งดังมากับแอสตัน วิลลา ก่อนจะย้ายมายังถิ่นริเวอร์ไซด์ สเตเดี้ยม ในปี 2000

ในฤดูกาล 2005/06 เขาได้โอกาสลงสนามไป 7 นัด และฝากผลงานรวมทั้งสิ้น 144 นัด ทำได้ 8 ประตู ก่อนจะโยกไปค้าแข้งกับลีดส์แบบยืมตัวหลังจบฤดูกาล และย้ายไปเรนเจอร์ส ในปี 2008

หลังรีไทร์ เขาทำหน้าที่เป็นโค้ชชุด U-23 ให้สเปอร์ส แต่เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เจ้าตัวจากโลกนี้ไปด้วยวัยเพียง 44 ปี หลังจากหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันในสนามซ้อม เมื่อปี 2017

หนึ่งในตำนานอาร์เซนอลยุคไร้พ่าย ย้ายมาร่วมทัพโบโร่แบบไร้ค่าตัวในซัมเมอร์ 2004 และยึดตำแหน่งตัวจริงได้ในฤดูกาลนั้น

ก่อนที่ฤดูกาล 2005/06 ด้วยวัยที่โรยรา เจ้าตัวจึงถูกลดบทบาทลงไปเป็นตัวสำรอง และได้เล่นในยูฟ่าคัพไป 4 นัด  

เขาอำลาสโมสรไปค้าแข้งกับฮัลล์ ในปี 2007 ฝากสถิติการลงสนามรวมไว้ที่ 58 นัด 

กองหลังดาวรุ่งเด็กปั้นของสโมสร ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2004

ส่วนในถ้วยยูฟ่า คัพ เมื่อฤดูกาล 2005/06 เขาได้ลงสนามไปทั้งหมด 5 เกม

เบ็ตส์ อยู่กับสิงห์แดงจนถึงปี 2012 ก่อนโยกไปเล่นให้บริสตอล ซิตี้, แบรดฟอร์ด ซิตี้ และแขวนสตั๊ดกับฮาร์เทิลพูล ยูไนเต็ด เมื่อปี 2017

มิดฟิลด์สแปนิชสร้างชื่อโด่งดังกับบาเลนเซีย และย้ายมาร่วมทัพโบโร่ในช่วงปลายอาชีพค้าแข้ง ทำให้ได้ลงสนามในยูฟ่าคัพฤดูกาล 2005/06 ไปเพียง 6 นัด

ในฤดูกาล 2006/07 ภายใต้การคุมทีมของเซาธ์เกต เขาไม่ได้รับโอกาสมากนัก และได้ลงเล่นนัดสุดท้ายกับทีมในเกมกับเอฟเวอร์ตัน เมื่อเดือนธันวาคม 2006

ก่อนที่จะประกาศแขวนสตั๊ดในปี 2008 หลังหมดสัญญา ฝากสถิติรวมไว้ที่ 79 นัด ทำได้ 4 ประตู 6 แอสซิสต์

ปีกดาวรุ่งรายนี้เติบโตมากับอคาเดมีสโมสร และมีโอกาสขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในฤดูกาล 2004/05 ด้วยวัยเพียง 17 ปี

ในฤดูกาล 2005/06 เขาได้รับโอกาสมากขึ้น และลงเล่นในยูฟ่าคัพ ไป 3 นัด ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทัพแมนฯ ซิตี้ ในปี 2010 

หลังโบกมือลาเรือใบ เจ้าตัวก็ย้ายไปอยู่กับซันเดอร์แลนด์ และกราฟของเขาก็ดิ่งลงถึงขีดสุดเมื่อถูกลงโทษจำคุกฐานกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ในปี 2016 ก่อนจะถูกปล่อยตัวในปี 2019 ที่ผ่านมา