Getty Imagesผู้รักษาประตูดาวโรจน์รายนี้เติบโตมาจากอคาเดมีของเรอัล มาดริด และยึดมือหนึ่งของทีมชุดใหญ่ได้ตั้งแต่อายุเพียง 18 ปี
ในฤดูกาล 2003/04 เขายังคงฉายแววเด่นเกินวัย ด้วยการเฝ้าเสาไป 50 นัด เก็บได้ 10 คลีนชีท
หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ยังคงเป็นกำลังสำคัญ และสวมปลอกแขนกัปตันทีมต่อจากราอูล พาโลส บลังโกสไล่ล่าความสำเร็จนานนับทศวรรษ พร้อมทำสถิติเป็นนักเตะที่ลงสนามมากที่สุดอันดับ 2 ของสโมสรที่จำนวน 725 นัด เก็บได้ 264 คลีนชีท ก่อนย้ายไปแขวนถุงมือกับปอร์โต้
Getty Imagesแบ็คขวาสแปนิช ย้ายจากเซลต้า บีโก้ มาร่วมทัพชุดขาว ในปี 1999 และยึดตัวจริงทางกราบขวาได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรก
เชายังคงได้รับโอกาสสม่ำเสมอในฤดูกาล 2003/04 ด้วยการลงสนามไป 54 นัด ทำได้ 1 ประตู 4 แอสซิสต์
เจ้าตัวฝากสถิติรวมไว้ที่ 371 นัด ยิง 5 ประตู 25 แอสซิสต์ ก่อนย้ายไปเล่นให้แบล็คเบิร์น และแขวนสตั๊ดกับอินดิเพนเดนเต้
Gettyแบ็คซ้ายบราซิเลียน ย้ายมายังซานติอาโก้ เบร์นาเบว ในปี 1996 และสร้างชื่อโด่งดังไปทั่วโลกในฟุตบอลโลกปี 1997 จากการยิงฟรีคิก “บานานา ชู้ต”
ในฤดูกาล 2003/04 เขายึดตัวจริงทางกราบซ้ายได้อย่างเหนียวแน่น โดยทำไป 9 ประตู 11 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 49 นัด
เจ้าตัวลงเล่นไปทั้งสิ้น 527 นัด ทำได้ 69 ประตู 89 แอสซิสต์ ก่อนย้ายซบเฟเนร์บาห์เช, โคลินเทียนส์ ,อันชี และรีไทร์กับเดลี ไดนาโมส์ ในปี 2015
Gettyกองกลางเฟร้นช์แมน โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงกับยูเวนตุส จนถูกเรอัล มาดริด ทุ่มเงินถึง 77.5 ล้านยูโร คว้าตัวมาร่วมทีมในปี 2001
ในฤดูกาล 2003/04 แม้จะเริ่มเข้าสู่ช่วงปลายอาชีพค้าแข้ง แต่เขาก็ยังรักษาฟอร์มเก่งไว้ได้ ด้วยการทำไป 10 ประตู 14 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 50 นัด
เจ้าตัวแขวนสตั๊ดกับโลส บลังโกส ในปี 2006 และปัจจุบันก็คือกุนซือสมองเพชรที่พาสโมสรประสบความสำเร็จตลอดหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงยึดจ่าฝูงของลาลีกาขณะนี้
JAVIER SORIANO/AFP/Getty Imagesนักเตะสารพัดประโยชน์ ผู้เล่นได้ทั้งมิดฟิลด์ตัวรับ และกองหลัง ย้ายจากเอสปันญอลมาร่วมทัพราชันชุดขาว ในปี 1999
เขาได้ลงเล่นในฤดูกาล 2003/04 ไป 45 นัด ยิง 3 ประตู 1 แอสซิสต์
เจ้าตัวฝากสถิติรวมไว้ที่ 346 นัด ยิง 33 ประตู 14 แอสซิสต์ ก่อนย้ายไปปิดฉากอาชีพค้าแข้งกับบาเลนเซียในปี 2005
Raul - 2003กองหน้าชาวสเปน เติบโตมาจากลา ฟาบริกา และกลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่เคยประเดิมสนามให้มาดริด ด้วยวัยเพียง 17 ปี 124 วัน
ในฤดูกาล 2003/04 เขารับหน้าที่กัปตันทีม และลงสนามไป 53 นัด ซัด 20 ประตู 6 แอสซิสต์
เจ้าตัวโบกมือลาสโมสรในปี 2010 พร้อมฝากสถิติเป็นนักเตะที่ลงสนามมากที่สุดและทำประตูสูงสุดให้สโมสรที่จำนวน 741 นัด ซัด 325 ประตู (ก่อนถูกคริสเตียโน โรนัลโด้แซงในภายหลัง) ปัจจุบันเขารับงานเป็นผู้จัดการทีมสำรองของราชันชุดขาว (กาสติญา)
Gettyกองกลางชาวสเปน ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เติบโตมาจากลา ฟาบริกา และประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2003/04
โดยฤดูกาลแรกกับบราชัน ด้วยอายุและประสบการณ์ที่ยังน้อย ทำให้บทบาทส่วนใหญ่ของเขาคือการเป็นตัวสำรองที่ได้ลงสนามไป 24 นัด
เจ้าตัวถูกปล่อยยืมให้มายอร์ก้าในปี 2005 ก่อนขายขาดให้บายาโดลิด ในปีถัดมา หลังจากนั้นก็พเนจรไปเล่นให้กับหลายสโมสร และกลับมาแขวนสตั๊ดกับบายาโดลิดในปี 2019
Gettyดาวยิงชาวบราซิล เจ้าของฉายา “โล้นทองคำ” ย้ายจากอินเตอร์ มิลาน มาซบราชันชุดขาวในปี 2002 และก็ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำตั้งแต่ฤดูกาลแรก
ในฤดูกาล 2003/04 เขาก็ยังคงยิงกระจายด้วยการซัดไป 31 ประตู 13 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 48 นัด
เจ้าตัวทำได้ 104 ประตู 35 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 177 นัด ก่อนย้ายกลับอิตาลีไปเล่นให้เอซี มิลาน ในปี 2007 และรีไทร์กับโครินเทียนส์ ในปี 2011
Getty Imagesแนวรุกโปรตุกีส ย้ายข้ามฟากจากคู่แข่งตลอดกาลอย่างบาร์เซโลนา มาเล่นให้เรอัล มาดริด ในปี 2000 ด้วยค่าตัวถึง 60 ล้านยูโร
ในฤดูกาล 2003/04 เขาเป็นกำลังหลักของทีมที่ลงสนามไป 54 นัด ทำได้ 13 ประตู 17 แอสซิสต์
เจ้าตัวฝากผลงานรวมไว้ที่ 245 นัด ซัด 56 ประตู 93 แอสซิสต์ ก่อนไปค้าแข้งกับอินเตอร์ มิลาน แบบไร้ค่าตัวในปี 2006 ปัจจุบันเขาคือที่ปรึกษาด้านฟุตบอลของสหพันธ์ลูกหนังยุโรป
Getty Imagesหัวหอกดาวโรจน์ ผู้เติบโตมาจากลา ฟาบริกา ทำลายสถิติของราอูลในทีมเยาวชน ด้วยการซัดไปถึง 150 ประตู ก่อนถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2002
ในฤดูกาล 2003/04 เขามีบทบาทเป็นเพียงตัวสำรองที่ได้ลงสนามช่วงท้ายเกม และทำไปเพียง 2 ประตู จาก 30 นัด
เจ้าตัวไม่สามารถก้าวผ่านคำว่าดาวรุ่งได้ ทำให้ถูกปล่อยยืมตัวไปเล่นให้ฟิออเรนตินา และคลับ บรูจจ์ ก่อนย้ายซบกิมนาสติก แบบไร้ค่าตัวในปี 2006
Getty Imagesมิดฟิลด์สแปนิชรายนี้ก็เติบโตมาจากลา ฟาบริกา และได้โอกาสกับทีมชุดใหญ่ในเกมกับเซบีญา ในปี 1995
เขารับบทบาทเป็นรองผู้จัดการทีมในฤดูกาล 2003/04 และลงสนามไป 45 นัด ทำได้ 3 ประตู 3 แอสซิสต์
เจ้าตัวลงเล่นรวมทั้งสิ้น 542 นัด ทำได้ 77 ประตู 90 แอสซิสต์ ก่อนย้ายไปปิดฉากอาชีพค้าแข้งกับเบซิคตัสในปี 2010 หลังแขวนสตั๊ดเขาก็เดินหน้ารับงานโค้ช และเพิ่งแยกทางกับอัลเมเรียเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
Gettyแนวรับชาวสเปน ย้ายจากกานเดียเข้าสู่อคาเดมีราชันชุดขาวในปี 1997 และได้ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ในเกมกับบิลเบา เมื่อปี 2001
ในฤดูกาล 2003/04 เขาจับคู่กับทั้งเอลเกราหรือปาวอน ในแนวรับได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการลงเล่นไป 52 นัด ทำได้ 1 ประตู
เจ้าตัวฝากผลงานรวมกับสโมสรไว้ที่ 132 นัด ทำได้ 4 ประตู 4 แอสซิสต์ ก่อนย้ายซบโอลิมเปียกอสในปี 2007
Gettyแนวรุกชาวสเปน ย้ายจากลาส โรซาส เข้าสู่เรอัล มาดริด กาสติญา ในปี 2001 และถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2003/04
เขาได้ลงเล่นไปเพียง 15 นัด ซัด 1 ประตู ก่อนย้ายซบลิเวอร์พูล หลังจบฤดูกาลนั้นทันที
โดยเขาก็อยู่กับหงส์แดงได้เพียงฤดูกาลเดียวเช่นกัน ก็ต้องพเนจรไปเล่นกับหลายสโมสร จนกระทั่งประกาศแขวนสตั๊ดกับเรเกรติโบ ในปี 2018
Getty Imagesกองกลางอาร์เจนไตน์ ถูกโลส บลังโกสดึงตัวเข้าอคาเดมีในปี 1996 และปล่อยไปเก็บประสบการณ์ในบ้านเกิดกับอินดิเพนเดนเต้และริเวอร์ เพลต ก่อนย้ายกลับมายังซานติอาโก้ เบร์นาเบว ในปี 2002
ในฤดูกาล 2003/04 เขาได้ลงสนามในฐานะตัวสำรองเป็นหลัก และทำไป 1 ประตู 2 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 28 นัด และถูกปล่อยตัวไปให้อินเตอร์ มิลาน แบบไม่มีค่าตัวหลังจบฤดูกาล
ซึ่งเจ้าตัวก็โชว์ฟอร์มแกร่งจนขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในตำนานของงูใหญ่ ก่อนย้ายไปเล่นให้เลสเตอร์ และปิดฉากอาชีพค้าแข้งกับโอลิมเปียกอส
Gettyแนวรุกชาวอาร์เจนตินา ย้ายจากแอตฯ มาดริด คู่ปรับร่วมเมือง มาร่วมทัพราชันชุดขาว ในปี 2000
เขามักจะได้ลงเล่นทางกราบซ้ายในฤดูกาล 2003/04 ด้วยการซัด 9 ประตู 5 แอสซิสต์ จาก 53 นัด
เจ้าตัวฝากผลงานรวมไว้ที่ 22 ประตู 19 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 208 นัด ก่อนย้ายไปเล่นให้อินเตอร์ มิลาน, ซาน ลอเรนโซ, แอตลันเต้ และเปญารอล เป็นสโมสรสุดท้าย
Getty Imagesกองหลังดาวรุ่งผู้นี้ก็เติบโตมาจากลา ฟาบริกา และได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ครั้งแรกพร้อมกับบราโว ในเกมกับบิลเบา เมื่อปี 2001
ในฤดูกาล 2003/04 เขาก็ยังคงเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีกับบราโว และได้ลงเล่นไป 39 นัด ทำได้ 1 ประตู
เจ้าตัวย้ายไปเล่นให้ซาราโกซา แบบไร้ค่าตัวในปี 2007 ก่อนรีไทร์กับอาร์ลส์ อาวีญง ในปี 2011
Getty Imagesมิดฟิลด์เทพบุตรเท้าชั่งทอง ถือเป็นดีลที่น่าจับตามองมากที่สุดในซัมเมอร์ 2003 หลังย้ายจากแมนฯ ยูไนเต็ด มาร่วมทัพโลส บลังโกส ด้วยค่าตัว 37.5 ล้านยูโร
เขาได้ลงสนามในฤดูกาลนั้นไป 46 นัด ทำได้ 7 ประตู 17 แอสซิสต์ และฝากผลงานรวมทั้งหมดไว้ที่ 159 นัด ทำได้ 20 ประตู 51 แอสซิสต์ ก่อนย้ายซบแอลเอ กาแล็กซีในปี 2007
เจ้าตัวแขวนสตั๊ดกับเปแอสเช ในปี 2013 และปัจจุบันเขาคือประธานและเจ้าของทีมอินเตอร์ ไมอามี น้องใหม่ในเมเจอร์ลีก รวมถึงมีหุ้นร่วมกับคลาสออฟ 92 ในทีมซัลฟอร์ด ซิตี้ ด้วย
Getty Imagesแบ็คขวาดาวรุ่งชาวสเปน เติบโตมาจากอคาเดมีของสโมสร และได้โอกาสเดบิวต์กับทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2003/04
โดยในฤดูกาลนั้น เขาได้สัมผัสสนามไปเพียง 8 นัด ทำได้ 2 แอสซิสต์
เจ้าตัวย้ายออกจากเบร์นาเบว ไปร่วมทัพโอซาซูนาในปี 2006 ก่อนกลายเป็นตำนานของแอตเลติโก้ มาดริด และปัจจุบันในวัย 35 ปี เขากำลังค้าแข้งอยู่กับเซา เปาโล
