Gettyสันติภพ เหลืองอ่อน
มาช้ายังดีกว่าไม่มา : ลีดส์ ยูไนเต็ด เส้นทาง 16 ฤดูกาล สู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง
Getty Images1ฤดูกาล 2019/20
แชมเปี้ยนชิพ: อันดับ 1 (เลื่อนชั้น)
เอฟเอ คัพ: รอบสาม
ลีก คัพ: รอบสอง(ยังไม่จบ)แม้ความเฉียบคมของ แพทริค แบมฟอร์ด จะยังเป็นปัญหาอยู่บ้าง แต่ 'บิเอลซาบอล' ของลีดส์ ชุดนี้ ล้ำหน้าคู่แข่งในแชมเปี้ยนชิพไปมาก ใช่วงเดือนพฤศจิกายน พวกเขาทำสถิติชนะติดต่อกัน 7 นัด ก่อนจะสะดุดไปพักหนึ่ง แล้วกลับมาชนะรวด 5 นัดติดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์- มีนาคม สถิติต้องมาหยุดลงจากสถานการณ์ไวรัสโควิด -19 ระบาดจนฟุตบอลต้องหยุดแข่งขัน ต่อเมื่อกลับมาแข่งกันต่อในเดือนมิถุนายน พวกเขาหลุดแพ้คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ เพียงนัดเดียว แล้วไม่แพ้ให้ใครอีกเลยหลังจากนั้น จนเมื่อเวสต์บรอมวิช อัลเบียน รองจ่าฝูง หลุดแพ้ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ 2-1 ในโปรแกรมรองสุดท้าย ทำให้พวกเขามีคะแนนเหลือให้เก็บอีกเพียง 3 คะแนน แต่มีแต้มตามหลังลีดส์ 5 คะแนน ส่งให้ยูงทองเลื่อนชั้นในปีที่ 10 ของการเล่นแชมเปี้ยนชิพรอบนี้ และกินเวลา 16 ปีนับตั้งแต่ตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกมา
Getty Images2ฤดูกาล 2018/19
แชมเปี้ยนชิพ: อันดับ 3 (เข้าสู่เพลย์ออฟเลื่อนชั้น)
เพลย์ออฟเลื่อนชั้น: รอบรองชนะเลิศ
เอฟเอ คัพ: รอบสาม
ลีก คัพ: รอบสองแม้จะได้สัญญาปีครึ่ง แต่การปลด พอล เฮคกิงบอททอม หลังจบฤดูกาล 2017/18 ถือว่าไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ จากผลงานที่ไม่น่าประทับใจนัก แต่เซอร์ไพรส์จริง ๆ อยู่ที่การมาของ มาร์เซโล บิเอลซา กุนซือระดับบรมครูชาวอาร์เจนตินา ขึ้นแท่นเป็นผู้จัดการทีมค่าเหนื่อยสูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสรทันที
บิเอลซามอบความคุ้มค่าให้ทันทีด้วยการเป็นผู้จัดการทีมคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ออกตัวด้วยการชนะรวดสี่นัด ก่อนจะไปหลุดเสมอกับสวอนซี คว้ารางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือนของแชมเปี้ยนชิพทันที
ตลอดทางแม้ทีมจะต้องเจอกับปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง แต่บิเอลซายังแก้ปัญหาด้วยการให้โอกาสผู้เล่นอคาเดมีลงเล่นในทีมชุดใหญ่ และพาทีมยืนอยู่ในตำแหน่งเลื่อนชั้นอัตโนมัติได้เรื่อยมา เมื่อถึงเดือนมกราคม พวกเขาสร้างเซอร์ไพรส์อีกครั้ง ด้วยการคว้าตัว กิโก กาซิยา นายด่านอนาคตไกลมาจากเรอัล มาดริด แบบไม่มีค่าตัว
บิเอลซาตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งในเดือนมกราคม เมื่อ แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในขณะนั้น ออกมาวิจารณ์เขาว่า ส่งคนมาสอดแนมการซ้อมของดาร์บี้ ซึ่งต่อมาบิเอลซาก็จัดแถลงต่อสื่อมวลชนว่ามีการสอดแนมเก็บข้อมูลคู่แข่งจริง และเก็บข้อมูลวิเคราะห์คู่แข่งทุกทีมอย่างละเอียดยิบ สุดท้ายลีดส์ถูกปรับเงิน 200,000 ปอนด์ และ EFL ออกกฎใหม่ ห้ามดูการซ้อมของคู่แข่ง 72 ชั่วโมงก่อนแข่ง โดยภายหลังเปิดเผยว่าค่าปรับจำนวนดังกล่าว บิเอลซาเป็นคนจ่ายเอง
สุดท้ายลีดส์จบอันดับสาม และไปแพ้ให้กับดาร์บี้ของแลมพาร์ดในเพลย์ออฟ พลาดการเลื่อนชั้นไปอย่างน่าเสียดาย
Getty Images3ฤดูกาล 2017/18
แชมเปี้ยนชิพ: อันดับ 13
เอฟเอ คัพ: รอบสาม
ลีก คัพ: รอบห้าการเทคโอเวอร์ของอันเดรีย ราดริซซานี เรียบร้อยเสร็จสิ้นเพียงวันเดียวก่อนจะถึงกำหนดใช้ออพชันขยายสัญญา แต่ มังค์ตัดสินใจอำลาทีม ทำให้ราดริซซานีจำเป็นต้องหากุนซือใหม่ให้ยูงทอง สุดท้ายเป็น โธมัส คริสเตียนเซน อดีตกองหน้าคนดังที่ได้มาเป็นกุนซือคนแรกในยุคของเขา
คริส วูด ดาวซัลโวของสโมสร และ ชาร์ลี เทย์เลอร์ แบ็คซ้ายฟอร์มแกร่ง ถูกเบิร์นลีย์ทุ่มเงินซื้อตัวไปในซัมเมอร์นี้ ทำให้ทีมต้องเสริมทัพผู้เล่นหลายคน โดยหนึ่งในนั้น มี โยสุเกะ อิเดงูชิ กองกลางดาวรุ่ง กัมบะ โอซาก้า อยู่ด้วย น่าเสียดายที่สุดท้ายไม่ได้ลงสนามให้กับลีดส์แม้แต่นัดเดียว
คริสเตียนเซนคุมทีมได้ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนจะถูกปลดขณะทีมอยู่ในอันดับ 10 และแทนที่โดย พอล เฮคกิงบอททอม จากบาร์นส์ลีย์ ที่สุดท้ายพาทีมจบอันดับ 13
Getty Images4ฤดูกาล 2016/17
แชมเปี้ยนชิพ: อันดับ 7
เอฟเอ คัพ: รอบสี่
ลีก คัพ: รอบห้ามัสซิโม เซลลิโน ยังคงทำเรื่องซื้อขายนักเตะให้ขัดใจแฟน ๆ ได้เสมอ ครั้งนี้เขาปล่อยตัว ลูอิส คุก กองกลางดาวรุ่งที่ดีที่สุดคนหนึ่งจากอคาเดมีสโมสรให้กับบอร์นมัธ ขณะที่ เมียร์โก อันเตนุคคี กองหน้ากำลังหลักของทีมก็ตัดสินใจย้ายกลับไปเล่นในอิตาลี แต่ข่าวดีของแกรี มังค์ กุนซือใหม่ก็คือ พวกเขาได้ตัว ปาโบล เอร์นานเดซ เพลย์เมคเกอร์รุ่นเก๋ามาเสริมทัพ เจ้าหนุ่ม คริส วูด กลายเป็นกองหน้าความหวังหนึ่งเดียวของทีม กดไป 30 ประตูจากทุกรายการ พาทีมจบอันดับ 7 พลาดเพลย์ออฟไปเพียงนิดเดียว
ส่วนเรื่องนอกสนาม อันเดรีย ราดริซซานี นักธุรกิจชาวอิตาเลียน เข้าซื้อหุ้น 50% ของสโมสรตั้งแต่เดือนมกราคม มีสถานะเป็นเจ้าของร่วมทันที ก่อนที่จะซื้ออีก 50% ที่เหลือในเดือนพฤษภาคม จบยุคสมัยของเซลลินีลงในที่สุด
Getty Images5ฤดูกาล 2015/16
แชมเปี้ยนชิพ: อันดับ 13
เอฟเอ คัพ: รอบห้า
ลีก คัพ: รอบสามมัสซิโม เซลลิโน เลือก อูเว รอสเลอร์ กุนซือชาวเยอรมันมาคุมทีมในฤดูกาลนี้ โดยหลังจากเสีย บิลลี ชาร์ป กองหน้าของทีมไป ลีดส์ทุ่มเงินสามล้านปอนด์ คว้า คริส วูดส์ กองหน้าร่างโย่งทีมชาตินิวซีแลนด์เข้ามาร่วมลาตาข่ายกับ เมียร์โก อันเตนุคคี ดาวซัลโวฤดูกาลที่แล้ว แต่ถึงเดือนตุลาคม ทีมหล่นมากองอยู่อันดับ 18 ห่างโซนตกชั้นเพียงคะแนนเดียว รอสเลอร์ถูกปลด และเป็น สตีฟ อีแวนส์ เข้ามากอบกู้สถานการณ์ด้วยสัญญาจนจบฤดูกาล พร้อมออพชั่นขยายสัญญาได้ 1 ฤดูกาล อดีตกุนซือโรเธอร์แฮมพลิกสถานการณ์พาทีมขึ้นมาจบถึงอันดับ 13 แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับการขยายสัญญา และกลายเป็นกุนซือรายที่ 6 ที่ถูกเซลลิโนปลดจากตำแหน่ง นอกจากนี้ แซม บายรัม ผลผลิตจากอาคาเดมี ขวัญใจแฟน ๆ ยังถูกขายให้เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในเดือนมกราคมอีกด้วย
Getty Images6ฤดูกาล 2014/15
แชมเปี้ยนชิพ: อันดับ 15
เอฟเอ คัพ: รอบสาม
ลีก คัพ: รอบสองไบรอัน แม็คเดอร์มอทท์ ตกลงเลิกสัญญากับทีมหลังจบฤดูกาล 2013/14 แล้วอยู่ ๆ สโมสรก็เซอร์ไพรส์ด้วยการแต่งตั้ง เดฟ ฮ็อคคาเดย์ กุนซือจากนอกลีกมากุมบังเหียน ซึ่งสร้างความโกรธแค้นให้กับแฟนบอลอย่างมาก แม้จะทำผลงานในปรีซีซันได้ดีกับทีมลีกรอง ๆ แต่เมื่อเปิดฤดูกาล ลีดส์ของฮ็อคคาเดย์ก็ดูไม่จืด และถูกเลิกสัญญาในช่วงปลายเดือนสิงหาคม สโมสรเซอร์ไพรส์อีกรอบด้วยการดึง ดาร์โก มิลานิช กุนซือ สตวร์ม กราซ มาคุมทีม แต่สุดท้ายก็อยู่ได้เพียงเดือนเดียว หลังพาทีมพ่ายทั้งหกนัดที่คุม สุดท้าย นีล เรดเฟิร์น โค้ชอคาเดมีที่รับหน้าเสื่อคุมทีมชั่วคราวมาตลอดเวลาโค้ชโดนปลด ก็ได้สัญญาถาวรในตำแหน่งผู้จัดการทีมชุดใหญ่ คุมทีมต่อไปจนจบฤดูกาล ภายใต้ความวุ่นวายต่าง ๆ ลีดส์ไม่มีวี่แววจะไต่พ้นครึ่งล่างของตารางคะแนนได้เลย
Getty Images7ฤดูกาล 2013/14
แชมเปี้ยนชิพ: อันดับ 15
เอฟเอ คัพ: รอบสาม
ลีก คัพ: รอบสามรอสส์ แม็คคอร์แม็ค ก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีมในฤดูกาลนี้ พ่วงตำแหน่งดาวซัลโวที่แทบจะยิงอยู่คนเดียวในทีม แต่เรื่องวุ่นวายหลังฉากนั้นเกิดขึ้นตลอดเวลานับตั้งแต่ GFH Capital เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2014 กลุ่มทุนบาห์เรนตัดสินใจขายหุ้น 75% ของสโมสรให้กับบริษัทเอเลโอโนรา ของ มัสซิโม เซลลิโน นักลงทุนชาวอิตาเลียน อดีตประธานสโมสรกายารี และก้าวขึ้นมาเป็นประธานสโมสรยูงทองในที่สุด หลังจบฤดูกาล แม็คคอร์แม็คขอขึ้นบัญชีย้ายหลังรู้ว่าเซลลิโนปฎิเสธข้อเสนอซื้อตัวเขาจากทีมในพรีเมียร์ลีก ก่อนที่จะไปลงเอยกับฟูแลม ที่เพิ่งตกชั้นมาในที่สุด
Charlie Crowhurst/Getty Images8ฤดูกาล 2012/13
แชมเปี้ยนชิพ: อันดับ 13
เอฟเอ คัพ: รอบห้า
ลีก คัพ: รอบ 8 ทีมสุดท้ายฟอร์มร้อนแรงของโรเบิร์ต สน็อดกราสส์ ทำให้เขาถูกนอริช ซิตี้ ดึงตัวขึ้นไปเล่นพรีเมียร์ลีกทันที ทิม วอร์น็อค เลือกเดิมพันกับ เอล ฮัดจิ ดิยุฟ ที่หมดสัญญาจากดอนคาสเตอร์ โรเวอร์ส เข้ามาเสริมเกมรุก ซึ่งผลที่ได้นั้นก็ไม่ดีอย่างที่คาด วอร์น็อคยิ่งถูกตั้งคำถามเมื่อปล่อย ลูเซียโน เบคโช กองหน้าดาวซัลโวออกจากทีมในช่วงตลาดหน้าหนาว สุดท้ายวอร์น็อคก็ต้องเป็นฝ่ายไปในเดือนเมษายน เมื่อทีมหมดลุ้นเลื่อนชั้นเรียบร้อย แม้ว่าทีมเข้ารอบบอลถ้วยลึกที่สุดในรอบหลายปีก็ตาม ไบรอัน แม็คเดอร์มอทท์ เข้ามารับไม้คุมทีมต่อจนจบฤดูกาล เมื่อถึงเดือนกรกฎาคม การเจรจาเทคโอเวอร์สโมสรโดย GFH Capital กลุ่มทุนจากบาห์เรนก็เสร็จสมบูรณ์ เคน เบทส์ ลงจากตำแหน่งซีอีโอ
Getty9ฤดูกาล 2011/12
แชมเปี้ยนชิพ: อันดับ 14
เอฟเอ คัพ: รอบสาม
ลีก คัพ: รอบสามด้วยฟอร์มอันร้อนแรงจากฤดูกาลก่อน แคสเปอร์ ชไมเคิล ถูก เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าตัวไปร่วมทัพทันทีในช่วงซัมเมอร์ เช่นเดียวกับ แม็กซ์ กราเดล ที่ แซงต์ เอเตียน ยักษ์เขียวลีก เอิง มารวบตัวไป แม้ว่า รอสส์ แม็คคอร์แม็ค และ โรเบิร์ต สน็อดกราสส์ จะพัฒนาขึ้นมาจนเป็นที่พึ่งพาของทีมได้ แต่ตัวผู้เล่นที่เซ็นสัญญาเข้ามาใหม่นั้นไม่อาจเทียบได้กับตัวที่เสียไป ซ้ำร้ายยังต้องเสีย จอนนี่ ฮาวสัน กัปตันทีมไปอีกในช่วงตลาดหน้าหนาว สุดท้าย ไซมอน เกรย์สัน ก็ถูกปลดจากตำแหน่ง แล้วแทนที่ด้วย นีล วอร์น็อค ผู้ชำนาญการเลื่อนชั้น สุดท้ายทีมหล่นมาไกลถึงอันดับ 14 และแฟนบอลตั้งคำถามกับนโยบายซื้อขายนักเตะของ เคน เบทส์ อย่างหนักหน่วง ในส่วนบอลถ้วย พวกเขาโดนอาร์เซนอลเขี่ยตกรอบเอฟเอ คัพ เป็นปีที่สองติดต่อกัน แต่ที่เจ็บใจกว่าคือลีก คัพ เพราะถูกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่งให้จอดป้ายแค่รอบสาม
Getty10ฤดูกาล 2010/11
แชมเปี้ยนชิพ: อันดับ 7
เอฟเอ คัพ: รอบสาม
ลีก คัพ: รอบสองเมื่อไม่สามารถชักจูงให้ต่อสัญญาฉบับใหม่ได้ ลีดส์จึงยกเลิกสัญญาของ เจอร์เมน เบ็คฟอร์ด ก่อนเวลาเล็กน้อยเพื่อให้เจ้าตัวได้ย้ายไปเอฟเวอร์ตันเร็วขึ้น เช่นเดียวกับแคสเปอร์ อังเคอร์เกน นายด่านมือหนึ่ง และ เทรซอร์ เคนดอล แนวรุกคนสำคัญ แต่ไซมอน เกรย์สัน ก็ยังปรับทีมของเขาให้พร้อมสำหรับแชมเปี้ยนชิพได้อย่างน่าชม แคสเปอร์ ชไมเคิล เข้ามาเป็นผู้รักษาประตูคนใหม่ แม็กซ์ กราเดล ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในแนวรุก ลูเซียโน เบคโช รับบทหน้าเดี่ยวในแผนการเล่นใหม่ พวกเขาจบอันดับ 7 พลาดเพลย์ออฟเลื่อนชั้นไปเพียงเล็กน้อย และเกือบจะน็อคอาร์เซนอลตกรอบเอฟเอ คัพ แต่พลพรรคปืนโตยังแก้ตัวได้ในเกมรีเพลย์ น่าเสียดายที่ บิลลี เพย์นเตอร์ ดาวยิงร้อนแรงจากสวินดอน ทาวน์ ที่ดึงมาเสริมทัพสวนทางกับเบ็คฟอร์ดนั้น แทบจะไม่สามารถช่วยทีมได้เลย
Getty11ฤดูกาล 2009/10
ลีก วัน: รองแชมป์ (เลื่อนชั้น)
เอฟเอ คัพ: รอบสี่
ลีก คัพ: รอบสาม
จอห์นสโตนส์ เพนท์ โทรฟี่: ชิงชนะเลิศภูมิภาคไซมอน เกรย์สัน กลายเป็นผู้จัดการทีมคนแรกในรอบสี่ปีที่อยู่จนจบฤดูกาล รวมถึงเป็นผู้จัดการทีมคนแรกในรอบ 20 ปีที่พาทีมเลื่อนชั้นได้สำเร็จ จบการผจญภัยในลีก วัน ไว้ที่ 3 ฤดูกาล เจอร์เมน เบ็คฟอร์ด ยังคงเป็นดาวซัลโวของสโมสรเป็นปีที่สามติดต่อกันที่ 31 ประตู โดยประตูสำคัญที่สุดหนีไม่พ้นลูกยิงหนีตัว เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ พายูงทองบุกเชือดแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 ในเอฟเอ คัพ ที่ทำให้พวกเขาเข้ารอบลึกที่สุดนับตั้งแต่ปี 2003
Getty12ฤดูกาล 2008/09
ลีก วัน: อันดับ 4 - เข้าสู่เพลย์ออฟเลื่อนชั้น
เพลย์ออฟเลื่อนชั้น: รองรองชนะเลิศ
เอฟเอ คัพ: รอบสอง
ลีก คัพ: รอบสี่
จอห์นสโตนส์ เพนท์ โทรฟี่: รอบสองภาคเหนือลีดส์ยังคงอยู่ในลีก วัน ต่อไปอีกหนึ่งฤดูกาล พวกเขาทำได้ดีในตลาดนักเตะฤดูกาลนี้ เมื่อ ลูเซียโน เบชโช กองหน้าอาร์เจนไตน์ราคาสามแสนปอนด์ และ โรเบิร์ต สน็อดกราสส์ ปีกฟรีเอเจนต์ ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีม ขณะที่บรรดาดาวรุ่งฟอร์มแรงก็เริ่มตกเป็นเป้าของทีมในพรีเมียร์ลีก แม็คอลิสเตอร์ทำผลงานได้ดีก่อนจะวูบหนักช่วงปลายปี 2008 ลีดส์เลือกไซมอน เกรย์สัน อดีตกุนซืออีกคนเข้ามากอบกู้สถานการณ์ และครั้งนี้เกรย์สันทำได้ดี พาทีมไต่จากอันดับ 8 ขึ้นมาจบอันดับ 4 เข้าสู่เพลย์ออฟอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่แม้ว่า เจอร์เมน เบ็คฟอร์ด จะยิงไป 34 ประตู เป็นกองหน้าที่ยิงได้มากที่สุดของทั้งประเทศในฤดูกาลนั้น และลีดส์จะเป็นเจ้าของสถิติแฟนบอลเข้าชมมากที่สุดของเกมนอกพรีเมียร์ลีก พวกเขากลับจบเส้นทางเพลย์ออฟเลื่อนชั้นไว้ที่รอบรองฯ เท่านั้น นอกจากนี้ หลังจบฤดูกาล ฟาเบียน เดลฟ์ ก็ตัดสินใจโบกมือลาทีมไปอยู่กับแอสตัน วิลลา อีกด้วย
Getty13ฤดูกาล 2007/08
ลีก วัน: อันดับ 5 - เข้าสู่เพลย์ออฟเลื่อนชั้น
เพลย์ออฟเลื่อนชั้น: รองชนะเลิศ
เอฟเอ คัพ: รอบสาม
ลีก คัพ: รอบสาม
จอห์นสโตนส์ เพนท์ โทรฟี่: รอบก่อนรองชนะเลิศระดับภูมิภาคฤดูกาลแรกในลีกลำดับสาม ถือเป็นฤดูกาลที่สุดขีดในทุกทางของยูงทอง ปัญหาหนี้สินยังคงตามมาหลอกหลอน พวกเขาต้องถูกตัดอีก 15 คะแนน ขายผู้เล่นในทีมออกเพื่อลดค่าใช้จ่ายและหาเงินมาใช้ รวมถึง แดนนี โรส ดาวรุ่งวัย 17 ที่ขายให้สเปอร์สได้ราคาถึง 1 ล้านปอนด์ แต่เมื่อเปิดฤดูกาล พวกเขาทำผลงานได้อย่างร้อนแรง บรรดาดาวรุ่งของทีมพากันแจ้งเกิดไม่ว่าจะเป็น เทรซอร์ เคนดอล, ฟาเบียน เดลฟ์ และ เจอร์ เมน เบ็คฟอร์ด ที่ก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าตัวความหวังของทีม ขณะเดียวกันความเกรี้ยวกราดของไวส์และโปเยต์ก็ลงเอยด้วยการถูกปรับอยู่บ่อยครั้ง แม้ผลงานจะยอดเยี่ยม คว้าตัวแหน่งผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือนได้บ่อย ๆ และก็ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมนี่เอง ทำให้ทั้งผู้เล่นและโค้ชต่างตกเป็นเป้าหมายของทีมอื่น ๆ ปลายเดือน ต.ค. สเปอร์สดึงโปเยต์ไปเป็นสมาชิกทีมโค้ชชุดใหญ่ ก่อนที่นิวคาสเซิลจะมาดึงไวส์ไปนั่งแท่น ผอ. ในปลายเดือนมกราคม แกรี แม็คอลิสเตอร์ อดีตกัปตันทีม กลับมายังเอลแลนด์ โรด อีกครั้ง เพื่อรับตำแหน่งกุนซือ ลีดส์จบอันดับ 5 เข้าสู่เพลย์ออฟเลื่อนชั้น เบียดชนะคาร์ไลส์ ยูไนเต็ด เข้าสู่นัดชิง แต่ไปแพ้ให้กับดอนคาสเตอร์ โรเวอร์ส ในที่สุด
Getty14ฤดูกาล 2006/07
แชมเปี้ยนชิพ: อันดับ 24 - ตกชั้นสู่ลีกวัน
เอฟเอ คัพ: รอบสาม
ลีก คัพ: รอบสามหลังความผิดหวังครั้งใหญ่ที่มิลเลนเนียม สเตเดียม ลีดส์กลายเป็นทีมเสียประตูท้ายเกมถึงแพ้อยู่บ่อยครั้งจนอันดับกราวรูด ถึงเดือนกันยายน เควิน แบล็คเวลล์ ถูกปลด แล้วดัน จอห์น คาร์เวอร์ จากทีมโค้ชชุดใหญ่มารับหน้าเสื่อแทน แต่คาร์เวอร์ก็ยังไม่สามารถกอบกู้สถานการณ์ได้ ยูงทองขยับอีกครั้งด้วยการดึง เดนนิส ไวส์ อดีตกัปตันพันธุ์ดุของเชลซีมากุมบังเหียนด้วยสัญญาเพียงจบฤดูกาล พร้อม กุสตาโว โปเยต์ เคียงข้างในตำแหน่งผู้ช่วย แม้ไวส์จะพยายามเต็มที่ ถึงขั้นดึง โทเร อังเดร โฟล เพื่อนเก่ามาช่วยล่าตาข่าย แต่สภาพของทีมนั้นเกินเยียวยา บวกกับปัญหาการเงินที่ตามมาหลอกหลอน ลีดส์ถูกตัด 10 คะแนนและต้องเข้าสู่การควบคุมกิจการ ลงเอยด้วยการตกชั้นสู่ลีก วัน คร้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ด้วยการจบอันดับสุดท้ายของตาราง โดยในนัดสุดท้าย ไวส์ให้โอกาส ฟาเบียน เดลฟ์ กองกลางกัปตันทีมสำรองวัย 17 ได้ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก
Getty15ฤดูกาล 2005/06
แชมเปี้ยนชิพ: อันดับ 5 - เข้าสู่เพลย์ออฟเลื่อนชั้น
เพลยออฟเลื่อนชั้น: รองชนะเลิศ
เอฟเอ คัพ: รอบสาม
ลีก คัพ: รอบสามหลังจากพอจะตั้งหลักเรื่องการเงินได้ ลีดส์เริ่มเสริมทัพอย่างเป็นน้ำเป็นเนื้ออีกครั้ง และวางเป้าหมายไปที่การเลื่อนชั้น ทุกอย่างดูจะเป็นไปได้ดี ร็อบ ฮัลส์ กองหน้าตัวยืมจากฤดูกาลที่แล้วและถูกซื้อขาดมาจากเวสต์บรอมฯ ทำผลงานได้ร้อนแรง แต่ในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่พวกเขาอยู๋ในอันดับ 3 ของตารางคะแนน ลีดส์ก็ช็อตไปดื้อ ๆ เก็บได้เพียง 4 คะแนนจาก 6 นัด จำเป็นต้องเบนเป้าหมายไปที่เพลย์ออฟ และแม้จะหักด่านเปรสตัน นอร์ธ เอนด์ มาได้ พวกเขาก็ถูกวัตฟอร์ดยิงไม่เลี้ยง 3-0 เป็นฝ่ายผิดหวังในเพลย์ออฟนัดชิงในที่สุด โดยในช่วงปลายฤดูกาล พวกเขาคว้าตัว เจอร์เมน เบ็คฟอร์ด กองหน้าดาวรุ่งจากทีมนอกลีกมาร่วมทัพ และมีโอกาสลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ 5 นัด
Getty16ฤดูกาล 2004/05
แชมเปี้ยนชิพ: อันดับ 14
เอฟเอ คัพ: รอบสาม
ลีก คัพ: รอบสามผู้เล่นชุดพรีเมียร์ลีกเกือบทั้งหมดถูกปล่อยตัวออกจากทีมเพื่อลดเพดานค่าเหนื่อย รวมถึงสนามซ้อม และ เอลแลนด์ โรด รังเหย้า ก็ยังต้องถูกขายออกเพื่อกู้วิกฤติหนี้สิน แม้จะทำถึงขนาดนี้ ลีดส์ก็ยังเกือบจะถูกเข้าควบคุมกิจการ ก่อนที่ เคน เบทส์ อดีตประธานสโมสรเชลซี จะเข้ามาซื้อหุ้น 50% ด้วยเงิน 10 ล้านปอนด์ ยูงทองจึงได้ต่อลมหายใจ จากที่หวังกันว่าจะได้ลุ้นเลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุดทันที ลีดส์ทำได้เพียงประคองตัวไม่ให้ตกชั้นไปสู่ลีกวัน
Getty17ฤดูกาล 2003/04
พรีเมียร์ลีก: อันดับ 19 (ตกชั้น)
เอฟเอ คัพ: รอบสาม
ลีก คัพ: รอบสามฤดูกาลสุดท้ายในลีกสูงสุดนับตั้งแต่โฮเวิร์ด วิลกินสัน พาพวกเขาเลื่อนชั้นกลับจากดิวิชั่นสอง รวมเวลาได้ 14 ปี ยูงทองหนี้สินล้นพ้นตัว เสริมทัพได้เพียงการเซ็น โจดี้ มอร์ริส มาแบบไม่มีค่าตัว และยืมผู้เล่นเกรดรอง ๆ มาจากทั่วยุโรป ขณะที่ต้องปล่อยผู้เล่นตัวหลักออกอย่างต่อเนื่อง ปีเตอร์ รีด ถูกปลดจากตำแหน่งผู้จัดการทีมหลัง 12 นัดแรกเก็บมาได้เพียง 8 คะแนน เอ็ดดี้ เกรย์ อดีตผู้เล่นและกุนซือถูกดึงตัวมาแก้วิกฤติ แต่สุดท้ายเป็นงานหนักเกินมือ ลีดส์ตกชั้นตั้งแต่ต้นเดือนพฤศภาคมหลังพ่ายโบลตัน 4-1 เกรย์โบกมือลาทีมแล้วให้เควิน แบล็คเวลล์ อดีตผู้ช่วยของรีดมารับช่วงต่อ
โฆษณา

