มัลดินี, โอบาเมยอง, ดอนนารุมมา : 19 แข้งดังผลผลิตอะคาเดมีเอซี มิลาน

วันคลับแมนของเอซี มิลาน ถือเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดตลอดกาลของอิตาลีในช่วงยุค 80-90

บาเรซี เข้าสู่ทีมเยาวชนของปีศาจแดงดำในปี 1972 ตั้งแต่ยังมีอายุเพียงแค่ 12 ปีเท่านั้น ก่อนจะได้ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 1978 ในวัย 17 ปี

เขาค้าแข้งกับมิลานเพียงสโมสรยาวนานถึง 20 ฤดูกาล ทำสถิติลงเล่นไปถึง 719 เกม มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ตลอดรองจาก เปาโล มัลดินี แค่คนเดียวเท่านั้น พร้อมคว้าแชมป์เซเรีย อา 6 สมัย รวมถึงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัย

นี่คือตำนานนักเตะเป็นสัญลักษณ์ของ เอซี มิลาน อย่างแท้จริง

มัลดินี เป็นหนึ่งนักเตะวันคลับแมนที่ค้าแข้งให้ปีศาจแดงดำเพียงแค่สโมสรเดียวตลอดอาชีพ โดยเข้าร่วมทีมเยาวชนในปี 1978 ก่อนจะได้ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 1985

เขายังเป็นเจ้าของสถิติลงเล่นให้มิลานมากที่สุดตลอดกาลถึง 902 เกม จากการอยู่ยงคงกระพันค้าแข้งยาวนานถึง 25 ฤดูกาล พร้อมคว้าแชมป์เซเรีย อา 7 สมัย รวมถึงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 5 สมัย

และแม้จะถนัดเท้าขวา แต่ว่า มัลดินี ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุดยอดแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดตลอดกาลของโลกลูกหนัง ขณะที่ในช่วงท้ายของอาชีพซึ่งผันตัวมาเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ก็ยังคงเหนียวแน่นแข็งแกร่งเช่นกัน

ก่อนจะกลายเป็นตำนานกองหลังของยูเวนตุสในยุค 60 ซัลวาดอเร เริ่มต้นชีวิตค้าแข้งกับเอซี มิลานเป็นสโมสรแรก

ดาวเตะผู้รับบทได้เป็นเซ็นเตอร์แบ็คแบบปกติ รวมถึงยังเล่นเป็นสวีปเปอร์หรือลิเบอโรในระบบหลังสามได้ด้วย เข้าร่วมทีมเยาวชนของปีศาจแดงดำในปี 1955 ก่อนจะถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 1958

ซัลวาดอเร ลงเล่นให้มิลานไปทั้งหมด 81 เกม คว้าแชมป์เซเรีย อา 2 ก่อนจะตัดสินใจย้ายไปอยู่กับยูเวนตุสในปี 1962 และค้าแข้งที่นั่นยาวนานจนกระทั่งตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 1974

ผู้รักษาประตูจอมหนึบเคยอยู่ในทีมเยาวชนของเอซี มิลาน ช่วงปี 1987-1990 ทว่ากลับไม่เคยได้รับโอกาสลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่แม้แต่นัดเดียว โดยมีช่วงที่ถูกปล่อยให้ 3 สโมสรอย่างเวโรนา, เทรนโต้ รวมถึงราเวนนา ยืมตัวไปใช้งานด้วย

กระทั่งในปี 1993 ตอลโด้ตัดสินย้ายไปอยู่กับฟิออเรนตินาด้วยสัญญาถาวร และครองตำแหน่งมือ 1 ของทีมมาตลอดช่วงยุค 90

จากนั้นในปี 2001 เขาเลือกโยกไปอยู่กับอินเตอร์ มิลาน โดยยังคงตำแหน่งมือ 1 ได้ในช่วงแรก กระทั่งต้องกลายเป็นตัวสำรองมือ 2 หลังการเข้ามาของ ชูลิโอ เซซาร์ แต่ก็ยังมีส่วนร่วมคว้าแชมป์เซเรีย อา 5 สมัยติดต่อกันในช่วงปี 2006-2010 รวมถึงแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2010 ซึ่งถือเป็นแชมป์สุดท้ายของเขาก่อนตัดสินใจแขวนถุงมือด้วย

ผู้ช่วยของ โรแบร์โต้ มันชินี กุนซือทีมชาติอิตาลีคนปัจจุบัน สมัยเป็นนักเตะก็ถือว่ามาจากผลผลิตทีมเยาวชนของเอซี มิลาน

เอวานี ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของปีศาจแดงดำในปี 1981 ก่อนจะค้าแข้งกับทีมยาวนานถึงปี 1993 ลงสนามไปทั้งหมด 390 เกม คว้าแชมป์เซเรีย อา 3 สมัย รวมถึงยูโรเปี้ยน คัพ 2 สมัย

จากนั้นเขาย้ายไปเล่นให้กับซามพ์โดเรีย, เรจจานา และปิดท้ายด้วยคาร์ราเรเซ จนกระทั่งแขวนสตั๊ดในปี 1998

นอกจาก ฟรังโก้ บาเรซี และ เปาโล มัลดินี แล้วนั้น อีกหนึ่งตำนานกองหลังของเอซี มิลาน แน่นอนว่าจะต้องมีชื่อของ อเลสซานโดร คอสตาคูร์ต้า รวมอยู่ด้วย

เขาเข้าร่วมทีมเยาวชนของปีศาจแดงดำในปี 1979 ก่อนจะได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 1986 โดยที่ในฤดูกาลนั้น 1986-1987 เขาถูกปล่อยให้ มอนซา ยืมตัวไปใช้งานช่วงสั้น ๆ อีกด้วย

หลังกลับมาจากการยืมตัว คอสตาคูร์ต้า ก็ยืนหยัดค้าแข้งในถิ่นซาน ซีโร ยาวนานถึง 20 ฤดูกาลติดต่อกัน โดยไม่ได้ย้ายออกไปเล่นให้สโมสรอื่นอีกเลย โดยฝากสถิติลงเล่นไปทั้งหมด 663 เกม คว้าแชมป์เซเรีย อา 7 สมัย รวมถึงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 5 สมัย กระทั่งตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 2007

ก่อนจะก้าวมามีชื่อเสียงในการเป็นฟูลแบ็คของยูเวนตุสนั้น เปสซ็อตโต้ เคยผ่านการปลุกปั้นเป็นผลผลิตจากทีมเยาวชนเอซี มิลานในช่วงยุค 80

ทว่าเขากลับไม่เคยได้รับโอกาสลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของปีศาจแดงดำแม้แต่นัดเดียว จนต้องย้ายไปอยู่กับ วาเรเซ ในปี 1989 ตามด้วยพเนจรไปเล่นให้ทั้งโบโลญญา, เวโรนา รวมถึงโตริโน

กระทั่งในปี 1995 เปสซ็อตโต้ ตัดสินใจย้ายข้ามฟากเมืองตูรินจากโตริโนไปอยู่กับยูเวนตุส ซึ่งกลายเป็นสโมสรที่เขาประสบความสำเร็จมากที่สุดในชีวิตค้าแข้ง โดยลงเล่นไปทั้งหมด 366 นัด คว้าแชมป์เซเรีย อา 4 สมัย รวมถึงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย กระทั่งตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 2006

ดอนนารุมมา น่าจะเป็นผลผลิตที่ดีที่สุดของทีมเยาวชนเอซี มิลานในช่วงยุคใหม่แล้วก็ว่าได้

เขาเข้าสู่ทีมเยาวชนของปีศาจแดงดำเมื่อปี 2013 กระทั่งได้โอกาสลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อปี 2015 ด้วยวัยเพียงแค่ 16 ปี 242 วันเท่านั้น

จากนั้นเขาพัฒนาตัวเองจนกลายมาเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดของอิตาลีในยุคปัจจุบัน ทว่าเมื่อปี 2021 กลับตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับเอซี มิลาน และย้ายไปอยู่กับปารีส แซงต์-แชร์กแมงแบบไม่มีค่าตัว

แบ็คขวาจอมบุกเคยอยู่ในเคยทีมเยาวชนของเอซี มิลานช่วงปี 1993-1995 ทว่ายังไม่ได้รับโอกาสลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ จนต้องไปเล่นให้สโมสรอื่นแบบยืมตัวทั้งฟิออเรนซูโอลา, มอนซา, ปราโต้ และ เลคโค รวมถึงการย้ายไปอยู่กับนาโปลีแบบเป็นเจ้าของร่วมกันสองทีมในปี 1999 กระทั่งสุดท้ายก็ถูกขายขาดเป็นกรรมสิทธิ์ให้แก่เวโรนาเพียงทีมเดียวในปี 2000

อ็อดโด้ อยู่กับเวโรนาจนถึงปี 2002 ก่อนจะโยกไปอยู่กับลาซิโอ ซึ่งเป็นสโมสรที่เริ่มสร้างชื่อให้เขาเป็นที่รู้จัก และยังลงเล่นที่นี่มากที่สุดในชีวิตค้าแข้งด้วยทั้งหมด 172 นัด

กระทั่งในเดือนมกราคมปี 2007 เขาถูกปีศาจแดงดำดึงกลับมาร่วมทีมอีกครั้ง ด้วยค่าตัว 10.75 ล้านยูโร และกลายเป็นหนึ่งในขุนพลที่คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลนั้น 2006-2007 ได้อีกด้วย

จากนั้น อ็อดโด้ อยู่กับมิลานจนถึงปี 2012 ลงเล่นไปทั้งหมด 80 เกม แต่ก็มีช่วงถูกปล่อยยืมตัวไปเล่นให้ทั้งบาเยิร์น มิวนิค ในฤดูกาล 2008-2009 รวมถึงเลชเช ในฤดูกาล 2011-2012 ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายในชีวิตค้าแข้งของเขาด้วย

แบ็คขวาผมทองเข้าร่วมทีมเยาวชนของเอซี มิลานในปี 1999 กระทั่งได้โอกาสลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ 2 เกม ในช่วงปลายปี 2003

ทว่าจากนั้น อบาเต้ โดนปล่อยให้ทั้งนาโปลี, ปิอาเชนซา และ โมเดนา รวมถึงการย้ายไปอยู่กับเอ็มโปลีแบบเป็นเจ้าของร่วมกันสองทีมในปี 2007 กระทั่งสุดท้ายก็ถูกขายขาดเป็นกรรมสิทธิ์ให้แก่โตริโนเพียงทีมเดียวในปี 2008

กระทั่งในปี 2009 เขาถูกปีศาจแดงดำดึงกลับมาร่วมทีมอีกครั้ง ด้วยค่าตัว 2.55 ล้านยูโร และก้าวมาเป็นตัวหลักของทีมได้สำเร็จ โดยลงเล่นไปเพิ่มเติมจากรอบแรกอีกถึง 304 เกม จากการอยู่ทีมยาวนานถึง 10 ฤดูกาล โดยมีเกียรติยศสูงสุดคือการคว้าแชมป์เซเรีย อา 1 สมัย กระทั่งอำลาทีมหลังหมดสัญญาในปี 2019 และตัดสินใจประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการในปี 2020

ตำนานแบ็คซ้ายของเอซี มิลานในยุค 70 ทะลุขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 1971 โดยได้ลงเล่นในฤดูกาล 1971-1972 ไปทั้งหมด 6 เกม

จากนั้นในปี 1972 เขาตัดสินใจโยกไปเล่นโบโลญญา แต่ก็อยู่ที่นั่นเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น เมื่อในปี 1973 เลือกกลับมาค้าแข้งในถิ่นซาน ซีโรอีกครั้ง

มัลเดรา ก้าวมาเป็นตัวหลักของทีมได้สำเร็จในการกลับอยู่ปีศาจแดงดำรอบสอง โดยลงเล่นไปเพิ่มเติมจากรอบแรกอีกถึง 308 เกม จากการอยู่ทีมยาวนานถึง 9 ฤดูกาล โดยมีเกียรติยศสูงสุดคือการคว้าแชมป์เซเรีย อา 1 สมัย ก่อนจะอำลาทีมในปี 1982 เพื่อย้ายไปอยู่กับโรมา

หลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่า โอบาเมยอง เป็นนักเตะที่มาผลผลิตในทีมเยาวชนของเอซี มิลาน

กองหน้าชาวกาบองเข้ามาร่วมทีมเยาวชนปีศาจแดงในเดือนมกราคมเมื่อปี 2007 กระนั้นเขาไม่เคยได้รับโอกาสลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่แม้แต่นัดเดียวเลย โดยต้องถูกปล่อยให้ทั้งดิฌง, ลีลล์, โมนาโก รวมถึง แซงต์-เอเตียง ยืมตัวไปใช้งาน

กระทั่งในเดือนมกราคมเมื่อปี 2012 เขาก็ได้เซ็นสัญญาถาวรกับแซงต์-เอเตียง และพัฒนาตัวเองกลายเป็นแนวรุกฝีเท้าจัด จนทำให้ในเวลาต่อมาก็ได้ย้ายไปค้าแข้งให้ทีมใหญ่อย่างโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, อาร์เซนอล รวมถึงในปัจจุบันกับบาร์เซโลนา

กองหลังผู้ค้าแข้งให้เอซี มิลานอย่างยาวนานตั้งแต่ยุค 80 มาจนถึงช่วงกลางยุค 90 คืออีกหนึ่งนักเตะที่เป็นผลผลิตจากชุดเยาวชนของสโมสร

กัลลี เข้าร่วมทีมเยาวชนปีศาจแดงดำในปี 1981 กระทั่งได้โอกาสเล่นให้ทีมชุดใหญ่ในปี 1983 และอยู่กับทีมนานถึง 14 ฤดูกาล

แม้ว่าบทบาทส่วนใหญ่ของเขาคือการรับบทเป็นกองหลังตัวสำรอง แต่ว่า กัลลี ก็มีสถิติลงเล่นให้มิลานไปถึง 325 เกม และมีส่วนร่วมอยู่ในทีมชุดคว้าแชมป์เซเรีย อา 5 สมัย รวมถึงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัย ก่อนตัดสินใจอำลาทีมในปี 1996

ฟูลแบ็คหน้าหล่อเข้าร่วมทีมเยาวชนของเอซี มิลาน ในปี 2001 กระทั่งได้โอกาสลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2006

ทว่าหลังจากนั้น ดาร์เมียน ก็ได้ลงเล่นทั้งหมดเพียงแค่ 7 เกมเท่านั้น ก่อนถูกปล่อยให้ ปาโดวา ยืมตัวไปใช้งานในปี 2009 ก่อนโดนขายขาดให้ปาแลร์โมในปี 2010

ต่อมาในปี 2011 เขาก็โยกอยู่กับโตริโน และเริ่มสร้างชื่อเป็นฟูลแบ็คฝีเท้าดีที่เล่นได้ทั้งสองฝั่ง จนกระทั่งในปี 2015 ก็ได้ย้ายไปค้าแข้งกับยักษ์ใหญ่ในต่างแดนอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แม้จะมีส่วนร่วมพาปีศาจแดงคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยทั้งเอฟเอ คัพ, ลีก คัพ รวมถึงยูโรป้า ลีก แต่ฟอร์มส่วนตัวโดยรวมของเขาถือว่าไม่ประสบความสำเร็จมากนัก จนตัดสินใจย้ายกลับอิตาลีอีกครั้งมาอยู่กับ ปาร์มา ในปี 2019

จากนั้นในปี 2020 ดาร์เมียน ก็ถูก อินเตอร์ มิลาน ยืมตัวไปใช้งาน กระทั่งได้เซ็นสัญญาย้ายมาอยู่กับบถาวรในปี 2021 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเขาก็มีส่วนร่วมพาทีมคว้าแชมป์เซเรีย อา 1 สมัย

ตำนานกองกลางของเอซี มิลานในยุค 90 ได้โอกาสลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 1989 กระทั่งจากนั้นก็ค้าแข่งให้กับทีมยาวนานถึง 14 ฤดูกาล

อัลแบร์ตินี ลงสนามให้ปีศาจแดงไปถึง 406 เกม คว้าแชมป์เซเรีย อา 5 สมัย รวมถึงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัย ก่อนจะตัดสินใจอำลาทีมในปี 2002

ช่วงท้ายชีวิตค้าแข้ง เขาพเนจรไปเล่นให้ทั้งแอตเลติโก มาดริด, ลาซิโอ, อตาลันต้า และปิดท้ายด้วยบาร์เซโลนา จนกระทั่งแขวนสตั๊ดในปี 2005

กองกลางสารพัดประโยชน์ของโรมาในปัจจุบัน ก็เคยเป็นผลผลิตในทีมเยาวชนเอซี มิลานมาก่อนด้วย

คริสตันเต้ เข้าร่วมทีมเยาวชนของเอซี มิลานในปี 2009 กระทั่งได้โอกาสลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2011

ทว่าหลังจากนั้น เขากลับได้โอกาสลงเล่นทั้งหมดเพียงแค่ 5 เกมเท่านั้น และตัดสินใจอำลาทีมไปในปี 2014 โดยพเนจรไปเล่นให่ทั้งงเบนฟิก้า, ปาแลร์โม, เปสคารา, อตาลันต้า กระทั่งมาอยู่กับ โรมา ตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปัจจุบัน

ฟูลแบ็คเอนกประสงค์เข้าร่วมทีมเยาวชนของเอซี มิลานในปี 2002 ตั้งแต่อายุเพียงแค่ 10 ปีเท่านั้น กระทั่งถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2011

เด ชีโญ ก้าวมาเป็นกำลังสำคัญของปีศาจแดงดำ โดยฝากสถิติลงเล่นไปทั้งหมด 133 เกม ก่อนจะถูกยูเวนตุสซื้อตัวไปร่วมทีมในปี 2017 ด้วยค่าตัว 12 ล้านยูโร

ปัจจุบันเขาก็ยังอยู่กับม้าลาย แม้ว่าจะมีช่วงที่เคยถูกปล่อยให้ โอลิมปิก ลียง ยืมตัวไปใช้งานเมื่อฤดูกาล 2020-2021 มาแล้วด้วย

อีกหนึ่งนักเตะของยูเวนตุสในปัจจุบัน ที่มาจากผลผลิตทีมเยาวชนเอซี มิลาน

โลคาเตลลี เข้าสู่ทีมเยาวชนปีศาจแดงเมื่อปี 2009 กระทั่งถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2016 และจากนั้นก็ได้ลงเล่นไปทั้งหมด 63 เกม

ต่อมาในปี 2018 เขาถูกปล่อยให้ซาสซูโอโลยืมตัวไปใช้งาน กระทั่งถูกซื้อขาดด้วยค่าตัว 14 ล้านยูโร ในปี 2019

จากนั้นในปี 2021 โลคาเตลลี ก็ได้ย้ายไปอยู่กับยูเวนตุส ในรูปแบบการยืมตัว 2 ปี ที่พ่วงเงื่อนไขซื้อขาด รวมเบ็ดเสร็จ 35 ล้านยูโร

แบ็คขวาตัวเก่งของทีมชุดปัจจุบัน เข้าร่วมทีมเยาวชนเอซี มิลาน เมื่อปี 2006 กระทั่งถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2015

คาลาเบรีย ลงเล่นให้ปีศาจแดงดำไปแล้วทั้งหมด 184 เกม โดยเฉพาะในฤดูกาลล่าสุด 2021-2022 ซึ่งเขาลงเล่นส่วนใหญ่ในฐานะกัปตันทีม และพาทีมคว้าแชมป์เซเรีย อา ได้สำเร็จด้วย