GOAL
Getty Imagesผู้รักษาประตู : ธิโบต์ กูร์ตัวส์ (เรอัล มาดริด)
ก่อนหน้านี้ นายด่านชาวเบลเยียมถือเป็นผู้เล่นที่ "อันเดอร์เรต" หรือว่าถูกยกย่องต่ำกว่าความเป็นจริงมาตลอด ถึงกับที่เจ้าตัวออกมาบ่นอุบเลยว่าไม่ได้รับเครดิตเท่าที่ควร โดยเฉพาะที่อังกฤษ
กระทั่งเขามาระเบิดฟอร์มเหนียวแน่นอันสุดยอด ด้วยการเซฟไปถึง 9 ครั้ง พาเรอัล มาดริดสยบลิเวอร์พูล 1-0 คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอย่างยิ่งใหญ่
เฉพาะฟอร์มในรอบชิงชนะเลิศ UCL แค่นัดเดียว ก็เพียงพอแล้วที่จะยกย่องให้เขาผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลก ณ เวลานี้
Getty Imagesแบ็คขวา : เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (ลิเวอร์พูล)
ไม่เพียงแค่ทำได้ดีแค่การเล่นในพรีเมียร์ลีกเท่านั้น แต่ผลงานของแบ็คขวาชาวอังกฤษยังอยู่ในระดับท็อปของยุโรปด้วย
TAA ทำไปถึง 18 แอสซิสต์รวมทุกถ้วยในฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นรองเพียงแค่ 2 คนอย่าง โธมัส มุลเลอร์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เท่านั้น
แม้จะยังมีจุดอ่อนในเกมรับอยู่บ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาคือแบ็คขวาที่โชว์ฟอร์มดีที่สุดในฤดูกาลนี้อย่างแท้จริง
Gettyเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ : เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (ลิเวอร์พูล)
มีข้อสงสัยอย่างมากว่า ฟาน ไดค์ จะกลับมาเป็นผู้เล่นคนเดิมหรือไม่ หลังจากเจอปัญหาอาการบาดเจ็บที่เข่า ซึ่งทำให้ต้องพักยาวไปหลายเดือน
อย่างไรก็ตาม กองหลังชาวดัตช์กลับมาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมตามมาตรฐานอีกครั้ง และเป็นหัวใจในแนวรับที่ช่วยให้ลิเวอร์พูลมีลุ้นทั้ง 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้
แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะได้ไปเพียงแค่ 2 แชมป์ฟุตบอลถ้วยอย่างลีกคัพและเอฟเอคัพ แต่ก็ถือผลงานที่น่าชื่นชมแล้วของทั้งตัว ฟาน ไดค์ เอง รวมถึงหงส์แดงด้วย
Gettyเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ : ดาวิด อลาบา (เรอัล มาดริด)
ก่อนเริ่มฤดูกาลนี้ เรอัล มาดริด ต้องเสียสองเซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักอย่าง เซร์คิโอ รามอส และ ราฟาแอล วาราน ที่ตัดสินใจอำลาทีมไปพร้อมกัน พวกเขาจึงต้องเสริมทัพด้วยการกองหลังระดับท็อป
สุดท้ายก็ไปได้ดาวเตะจากบาเยิร์น มิวนิค เข้ามาสวมเสื้อหมายเลข 4 แทนที่ของ รามอส และก้าวมาเป็นหัวใจในแนวรับคนใหม่ได้อย่างรวดเร็ว โดยแม้ว่าจะไม่ใช่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟโดยธรรมชาติ แต่จุดเด่นของ อลาบา คือมีชั้นเชิงการอ่านเกมที่ทำได้ยอดเยี่ยม รวมถึงยังเป็นกองหลังในแบบฉบับยุคใหม่ ที่สามารถจ่ายบอลขึ้นเกมได้ตั้งแต่แดนหลัง
และอีกหนึ่งช็อตสร้างชื่อของเขา ก็คือการชูเก้าอี้ฉลองยามที่ เรอัล มาดริด ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ ซึ่งแฟนบอลราชันชุดขาวก็ได้ฉลองกับภาพนี้อย่างชื่นมื่น ด้วยการได้ดับเบิ้ลแชมป์ทั้งลาลีกา และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
Gettyแบ็คซ้าย : เตโอ แอร์กน็องเดซ (เอซี มิลาน)
ดาวเตะดีกรีทีมชาติฝรั่งเศส คือหนึ่งในขุนพลสำคัญที่ช่วยให้ เอซี มิลาน กลับมาคว้าแชมป์เซเรีย อา ได้อีกครังในรอบ 11 ปี
เตโอ ทำไป 5 ประตู กับอีก 9 แอสซิสต์ ทั้งที่เล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย โดยเขามีจุดเด่นคือการเติมเกมรุกได้ถูกที่ถูกเวลา รวมถึงมักจะหุบเข้ากลางเข้ามาช่วยต่อบอลเหมือนกับว่าเป็นกองกลางอีกคนด้วย
แน่นอนว่าช็อตน่าจดจำของเขาในฤดูกาลนี้ ต้องเป็นจังหวะโซโล่เดี่ยวตั้งแต่แดนตัวเองเข้าไปยิงใส่อตาลันต้า ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประตูที่ยอดเยี่ยมที่สุดของลีกยุโรปฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้
Getty Imagesกองกลางตัวรับ : โรดรี้ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
กองกลางชาวสเปน เข้ามาทดแทนตำแหน่งของ แฟร์นานดินโญ ซึ่งเริ่มจะโรยราลงไป ได้แบบไม่มีขาดตกบกพร่อง
โรดรี้ ถือเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัยติดต่อกัน โดยเฉพาะในเกมสุดท้ายที่เขาเป็นผู้ทำประตูสุดสำคัญตีเสมอแอสตัน วิลลา 2-2 กระทั่งสุดท้ายก็แซงคว้าชัยได้แบบสุดดราม่า
แน่นอนว่านี่คือหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในโลก ณ เวลานี้อย่างแท้จริง
Getty Imagesปีกขวา :โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล)
ดาวเตะชาวอียิปต์ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองได้ดี แม้ว่าจะมีบางช่วงที่ฟอร์มดูฝืด ๆ ไปบ้าง แต่สุดท้ายก็เหมาคว้าทั้งดาวซัลโวและจอมแอสซิสต์ของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไปครอง
น่าเสียดายที่เขาทำภารกิจแก้แค้นเรอัล มาดริดไม่สำเร็จ เมื่อหงส์แดงต้องเป็นฝ่ายปราชัยในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
Getty Imagesกองกลางตังรุก : เควิน เดอ บรอยน์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
ผลงาน 19 ประตู 14 แอสซิสต์ รวมทุกถ้วยในฤดูกาลนี้ หากจะยกให้ เดอ บรอยน์ เป็นกองกลางตัวรุกที่ดีที่สุดในโลก ณ เวลานี้ ก็คงไม่จะไม่ใช่คำชื่นชมที่เกินเลยนัก
ดาวเตะชาวเบลเยียมสร้างอิมแพ็คในเกมสำคัญได้เสมอ โดยเฉพาะการยิงถึง 4 ประตูในเกมเดียวใส่วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส รวมถึงการจ่ายบอลให้ อิลคาย กุนโดกัน ยิงประตูชัยในเกมสุดท้ายแซงชนะแอสตัน วิลลา ซึ่งถือเป็นช็อตที่ส่งให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างแท้จริง
น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวที่เขายังไม่สามารถพาเรือใบสีฟ้าไปถึงฝั่งฝันในถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกได้เสียที
Gettyปีกซ้าย : ราฟาเอล เลเอา (เอซี มิลาน)
แนวรุกดาวรุ่งตัวจี๊ดชาวโปรตุกีส ยกระดับฝีเท้าการเล่นของตัวเองขึ้นมาได้ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตาในฤดูกาลนี้
เลเอา ทำไป 14 ประตู 12 แอสซิสต์ รวมทุกถ้วยในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะในเกมสุดท้ายที่พบกับซาสซูโอโล 3-0 ซึ่งเขาทำแอสซิสต์แบบแฮตทริก พาปีศาจแดงแดงดำกลับมาชูถ้วยสคูเด็ตโต้อีกครั้งในรอบ 11 ปี
และด้วยผลงานยอดเยี่ยมเช่นนี้ ทำให้เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเซเรีย อาไปครอง
Getty Imagesกองหน้า : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (บาเยิร์น มิวนิค)
ในวัย 33 ปี ดาวยิงชาวโปแลนด์ยังคงรักษามาตรฐานความเป็นสุดยอดกองหน้าได้อย่างแบบไร้ที่ติ แถมอาจจะยิ่งยอดเยี่ยมขึ้นไปเรื่อย ๆ ด้วยซ้ำ
ผลงานระเบิดตาข่ายกดไปถึง 50 ประตู รวมทุกถ้วยในฤดูกาลนี้ การันตีการคว้ารางวัลรองเท้าของยุโรป 2 สมัยติดต่อกัน
ขณะเดียวกัน เลวานดอฟสกี้ กำลังจะกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่เนื้อหอมที่สุดประจำตลาดซัมเมอร์นี้ เมื่อเขาตัดสินใจอำลาบาเยิร์น มิวนิคไปแล้ว
Getty Imagesกองหน้า : คาริม เบนเซมา (เรอัล มาดริด)
นี่คือฤดูกาลที่ เบนเซมา ยิงประตูได้มากที่สุดในชีวิตค้าแข้ง ซึ่งน่าเหลือเชื่อที่มันเกิดขึ้นช่วงที่เขาอยู่ในวัย 34 ปีไปแล้ว
ดาวยิงชาวฝรั่งเศสกดไป 44 ประตูรวมทุกถ้วย พาเรอัล มาดริดผงาดคว้าดับเบิ้ลแชมป์ทั้งลาลีกา และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
และหากไม่มีอะไรผิดพลาดหรือพลิกโผ เขาจะเป็นเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ในปีนี้ค่อนข้างแน่
Getty Imagesตัวสำรอง
ยังนักเตะผลงานดีอีกหลายรายที่ไม่ได้ติดเป็น 11 นักเตะในทีมยอดเยี่ยมของเรา
อย่างผู้รักษาประตูก็มีทั้ง ไมค์ เมญอง รวมถึง อลิสซอน เบ็คเกอร์ โดยเฉพาะในรายของนายด่านจากเอซี มิลานที่เขาทดแทนการย้ายทีมไปของ จานลุยจิ ดอนนารุมมา ได้แบบไร้ที่ติ
ส่วนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟก็มีทั้ง รูเบน ดิอาส ที่เป็นหัวใจในแนวรับของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวมถึง อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ที่ทำให้เชลซีต้องเสียดาย เพราะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขากับทีมแล้ว
ด้านฟูลแบ็คอย่าง เชา คันเซโล และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ก็ยังคงยอดเยี่ยมตามมาตรฐานของตัวเอง โดยเฉพาะในรายของดาวเตะชาวโปรตุกีสที่ยกระดับตัวเองมาอีกขั้น ด้วยการสามารถเล่นได้ทั้งสองฝั่งด้วย
กองกลางจอมเก๋าอย่าง ลูก้า โมดริช ก็ยังสามารถยืนระยะความเป็นนักเตะระดับท็อปไว้ได้อย่างน่ายกย่อง แม้วัยจะล่วงเลยไปถึง 36 ปีแล้ว ขณะที่ แบร์นาร์โด้ ซิลวาBernardo Silva ก็ถือเป็นห้องเครื่องคนสำคัญที่พาแมนฯ ซิตี้ป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก และยังมีกองกลางรุ่นใหม่ที่ยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นแถวหน้าของเซเรีย อาอย่าง ซานโดร โตนาลี ที่การันตีด้วยผลงานการพาเอซี มิลานแถลงแชมป์เซเรีย อา
ปิดท้ายด้วยแนวรุกอย่าง คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ที่พุ่งทะลุขึ้นมาจนคาดว่าน่าจะได้อยู่กับ แอร์เบ ไลป์ซิก อีกไม่นานแล้ว ส่วนนักเตะอย่าง ซาดิโอ มาเน รวมถึง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ก็ยังคงรักษามาตรฐานความยอดเยี่ยมไว้ได้ต่อเนื่อง และที่ลืมไม่ได้คือดาวรุ่งที่ยกระดับฝีเท้ามาเป็นนักเตะชั้นนำไปแล้วอย่าง วินิซิอุส จูเนียร์ การันตีด้วยผลงานการเป็นตัวตัดสินเกมยิงประตูชัยพาเรอัล มาดริด แถลงแชมป์ยุโรปสมัยที่ 14 อย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร
GOALทีมยอดเยี่ยมยุโรปฤดูกาล 2021-2022 โดย GOAL
และนี่คือโฉมหน้าทีมยอดเยี่ยมยุโรปฤดูกาลนี้ของเรา!
คิดเห็นอย่างไรบ้างกับทีมของเรา พิมพ์คอมเมนต์กันมาได้เลย...
โฆษณา