จากเจอร์ราร์ดถึงเทรนท์ : 10 ยอดนักเตะผลผลิตอะคาเดมีลิเวอร์พูล

ไม่มีนักเตะคนไหนมีอิทธิพลกับลิเวอร์พูลในช่วงศตวรรษที่ 21 ได้เท่ากับ เจอร์ราร์ด อีกแล้ว

สตีวี่จี เข้าสู่อะคาเดมีของหงส์แดงตั้งแต่อายุเพียงแค่ 8 ขวบ ก่อนจะได้ประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ในปี 1998 และรับใช้สโมสรมายาวนานจนถึงปี 2015 ฝากสถิติลงเล่น 710 เกม มากที่สุดอันดับ 3 ตลอดกาลของสโมสร และยิงไป 186 ประตู มากที่สุดอันดับ 5 ตลอดกาลของสโมสร พร้อมคว้าแชมป์ทั้งหมด 9 รายการ

และหลังจากแขวนสตั๊ด เจอร์ราร์ด ก็เลือกกลับมาทำงานให้ทีมชุด U18 ของสโมสร กระทั่งได้ออกไปรับงานใหญ่เต็มตัวกับทั้งเรนเจอร์ส และปัจจุบันกับแอสตัน วิลลาเพื่อสั่งสมประสบการณ์ เพราะเขาถูกคาดหมายว่าจะได้เข้ามาเป็นผู้เข้าสืบทอดตำแหน่งต่อจาก เยอร์เก้น คล็อปป์ ในอนาคต

นี่คือนักเตะที่เป็นความภาคภูมิใจของอะคาเดมีลิเวอร์พูล ที่ก้าวไปยืนหยัดในทีมชุดใหญ่ในปัจจุบันได้อย่างมั่นคง

เดิมทีนั้น อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เล่นเป็นกองกลางให้ทีมชุดเยาวชน แต่ถูก เยอร์เก้น คล็อปป์ ผลักดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในฐานะแบ็คขวา ก่อนจะกลายมาเป็นหนึ่งในฟูลแบ็คต้นแบบของโลกลูกหนังยุคใหม่ ที่มีดีในด้านการเติมเกมบุก รวมถึงจ่ายบอลได้อย่างแม่นยำ

และที่น่าทึ่งก็คือ เขาคว้าแชมป์รายการใหญ่กับลิเวอร์พูลได้ครบถ้วยหมดแล้ว ในวัยเพียงแค่ 23 ปีเท่านั้น

"เดอะ ก็อด" ผู้เป็นขวัญใจแฟนบอลหงส์แดงทั่วโลกในยุค 90

ฟาวเลอร์ ประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ในปี 1993 และสามารถยิงประตูได้ทันที ในเกมลีกคัพเลกแรกที่ชนะฟูแลม 3-1 และที่สุดยอดกว่านั้นคือการเหมายิงคนเดียว 5 ประตู พาทีมถล่มแบบขาดลอยในเลกสองถึง 5-0

เขาอยู่ทีมจนถึงปี 2001 ซึ่งในฤดูกาลสุดท้าย 2000-2001 ก็ส่งท้ายได้อย่างสวยงามด้วยการพาทีมคว้าสามแชมป์ฟุตบอลถ้วยอย่างลีกคัพ, เอฟเอคัพ รวมถึงยูฟ่า คัพ

จากนั้นเขาโยกไปเล่นให้ลีดส์ ยูไนเต็ด รวมถึงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กระทั่งในปี 2006 ก็ตัดสินใจย้ายกลับค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์อีกครั้งจนถึงปี 2007 พร้อมฝากสถิติยิงประตูรวมทั้งสองรอบที่อยู่กับทีมไปทั้งหมด 183 ประตู มากที่สุดอันดับ 6 ตลอดกาลของสโมสร จากการลงเล่น 369 เกม

นี่คือเจ้าของสถิติลงเล่นให้ลิเวอร์พูลมากที่สุดตลอดกาล

คันลาแกน ลงสนามให้หงส์แดงไปถึง 857 เกม ในระหว่างปี 1960-1978 และถือเป็นขุนพลเอกคนสำคัญช่วงก่อร้างสร้างทีมในยุคของ บิลล์ แชงค์ลีย์ ซึ่งเป็นรากฐานก่อนที่ทีมจะก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ในเวลาต่อมา

สุดท้ายเข้าคว้าแชมป์กับลิเวอร์พูลได้ถึง 19 รายการ รวมถึงยังได้เป็นหนึ่งในสมาชิกทีมชาติอังกฤษชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อปี 1966 อีกด้วย

นี่คือผู้มีส่วนร่วมในความสำเร็จของสโมสรทั่งในฐานะนักเตะและการเป็นทีมงานสตาฟฟ์โค้ช

ธอมป์สัน ถูกบรมกุนซืออย่าง บิลล์ แชงค์ลีย์ ดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ในปี 1972 ก่อนจะได้ลงเล่นไปทั้งหมด 477 เกม พร้อมคว้าแชมป์ได้ถึง 22 รายการ กระทั่งตัดสินใจอำลาทีมในปี 1985

ต่อมาในปี 1998 เขาถูกแต่งตั้งให้มารับตำแหน่งผู้ช่วยของกุนซืออย่าง เชราร์ อุลลิเยร์ ก่อนจะมีส่วนร่วมพาทีมประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในฤดูกาล 2000-2001 จากการคว้าสามแชมป์ฟุตบอลถ้วย ได้แก่ ลีกคัพ, เอฟเอคัพ และยูฟ่า คัพ

แม้ว่าปัจจุบันจะไม่เป็นที่รักของเหล่าเดอะ ค็อป แต่ก็ต้องยอมรับว่า โอเวน คืออดีตขวัญใจแฟนบอลในช่วงปลายยุค 90 ต่อต้นยุค 2000 อย่างแท้จริง

เจ้าของฉายา "เบบี้โกล" ทะลุขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในวัยเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น โดยแม้จะถือเป็นกองหน้างร่างเล็ก แต่ก็มีจุดเด่นเรื่องความเร็วและจบสกอร์ได้อย่างเฉียบคม

ทว่าการตัดสินใจย้ายไปอยู่กับเรอัล มาดริดในปี 2004 ก็สร้างความผิดหวังในแห่แฟนบอลหงส์แดงไม่น้อย กระทั่งสายสัมพันธ์มาขาดสะบั้นเมื่อในปี 2009 เขาตัดสินใจไปเซ็นสัญญากับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

การเลือกไปอยู่กับปีศาจแดง ส่งผลให้ โอเวน จะไม่มีวันได้รับความรักแบบเดียวกันักเตะผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ของหงส์แดงอีกต่อไป

วันคลับแมนของลิเวอร์พูล ผู้ครองสถิติลงสนามมากที่สุดตลอดกาลในอันดับ 2 เป็นรองแค่ เอียน คัลลาแกน เพียงคนเดียวเท่านั้น

คาร์ราเกอร์ลงเล่นไปทั้งหมด 737 เกม พร้อมคว้าแชมป์ได้ถึง 11 รายการ และที่สำคัญคือเขารับใช้หงส์แดงเพียงแค่สโมสรตลอดชีวิตค้าแข้ง

ปัจจุบันเรายังสามารถติดตาม คาร์ราเรอร์ กันได้เป็นประจำ ในฐานะคอมเมนเตเตอร์ตัวท็อปแห่ง Sky Sports

กองหลังคนสำคัญผู้พาทีมยิ่งใหญ่ช่วงยุค 60 จนถึงยุค 70

สมิธ ลงสนามให้หงส์แดงช่วงปี 1962-1978 ไปทั้งหมด 638 เกม มากที่สุดเป็นอันดับ 8 ตลอดกาลของสโมสร พร้อมคว้าแชมป์ได้ถึง 14 รายการ

ช็อตน่าจดจำที่สุดของเขา คือการเป็นหนึ่งในผู้ยิงประตูในนัดชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพ เมื่อปี 1977 ช่วยพาทีมเอาชนะโบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค 3-1

อีกหนึ่งนักเตะขวัญใจเดอะ ค็อปยุค 90 และเป็นหนึ่งในกลุ่มนักเตะ "สไปซ์ บอย" ในตำนาน

แม็คมานานมาน ประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่เมื่อปี 1990 ก่อนจะพัฒนาขึ้นมาเป็นปีกระดับท็อปของอังกฤษ โดยมีความสำเร็จสูงสุดคือการคว้าแชมป์เอฟเอคัพในปี 1992 รวมถึงลีกคัพในปี 1995

กระนั้นการตัดสินใจไม่ต่อสัญญาและเลือกย้ายไปอยู่กับเรอัล มาดริดแบบฟรี ๆ ในปี 1999 ก็ทำให้แฟนบอลหงส์แดงผิดหวังในการกระทำของเขาอยู่ไม่น้อย แต่ก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีของเขา จากการได้ไปประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ทั้งหมด 6 รายการ โดยเฉพาะการได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกได้ถึง 2 สมัย

นี่คือนักเตะผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น "มิสเตอร์ลิเวอร์พูล"

มอแรน ถือเป็นวันคลับแมนที่ลงเล่นให้หงส์แดงเพียงแค่สโมสรเดียวตลอดชีวิตค้าแข้ง นับตั้งแต่ประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ในปี 1952 จนกระทั่งตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 1968 โดยได้รับการยกย่องอย่างมากในเรื่องความทุ่มเทและจิตใจอันห้าวหาญที่พร้อมสู้เพื่อทีมในทุกสถานการณ์

และหลังจากแขวนสตั๊ดไปแล้ว เขาก็ผันตัวมาทำงานสตาฟฟ์โค้ชให้ทีมทันที และยังอยู่โยงในบทบาทนี้มายาวนานถึง 30 ปี ก่อนจะตัดสินใจเกษียณในปี 1998 เรียกได้ว่าเขาอยู่กับสโมสรมาตลอดชีวิตการทำงานเลยทีเดียว