คุ้มค่าทุกเม็ดเงิน : 10 สุดยอดการเซ็นสัญญาดีสุดตลอดกาลของ แมนฯซิตี้

โกเตอร์ ย้ายมาจาก บริสตอล ซิตี้ ด้วยค่าตัว 510,000 ปอนด์ เมื่อปี 1998 แต่สโมสรกำลังอยู่ในช่วงตกต่ำและเขาไม่สามารถช่วยทีมให้รอดพ้นการตกชั้นได้

อย่างไรก็ตาม โกเตอร์ อยู่ช่วยทีมต่อและช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นกลับมาสู่ลีกสูงสุดได้ โดยทำไปถึง 50 ประตูในสองฤดูกาล

แฟนเรือใบสีฟ้าไม่มีวันลืมที่เขาทำคนเดียว 2 ประตู ในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ นัดสุดท้ายของสนาม เมนโร้ด ช่วยให้ทีมเอาชนะ แมนฯยูไนเต็ด เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี รวมแล้วเขาทำไป 103 ประตู จากการลงสนาม 211 นัดให้สโมสรตลอดระยะเวลา 13 ปี

ซาบาเลต้า คือการเซ็นสัญญาคนสุดท้ายของ แมนฯซิตี้ ก่อนที่ ชีค มันซูร์ จะเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร และเขาใช้เวลาอยู่กับทีมถึง 9 ปี

ดาวเตะชาวอาร์เจนตินาย้ายมาร่วมทัพเรือใบสีฟ้าด้วยค่าตัวเพียง 6 ล้านปอนด์ และเป็นตัวหลักของแทบทุกกุนซือที่เข้ามาคุมทีมระหว่างนั้น โดยเขาลงสนามไปถึง 333 นัด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย และลีกคัพ 2 สมัย เป็นหนึ่งในนักเตะขวัญใจตลอดกาลของแฟนบอล

เตเบซ กลายเป็นขวัญใจของแฟน แมนฯซิตี้ ตั้งแต่ยังไม่ลงสนามด้วยซ้ำ เมื่อเขาเลือกย้ายมาจากอริร่วมเมืองอย่าง แมนฯยูไนเต็ด จนมีป้าย "Welcome To Manchester" อันโด่งดังในช่วงนั้น

ดาวเตะชาวอาร์เจนตินามีส่วนสำคัญช่วยให้เรือใบสีฟ้าคว้าโทรฟี่แรกในรอบ 35 ปี เมื่อเอาชนะ สโต๊ค ซิตี้ ในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ

ซิตี้ คว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในฤดูกาลต่อมา แต่เขาหายตัวจากทีมไปนานกว่า 4 เดือนเพราะมีปัญหากับ โรแบร์โต้ มันชินี ก่อนจะกลับมาฉลองแชมป์กับเพื่อนร่วมทีม

ฮาลันด์ ย้ายมาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสถิติการทำประตูอันน่าเหลือเชื่อ แต่มีเครื่องหมายคำถามว่าเขาจะทำแบบนั้นได้กับพรีเมียร์ลีกหรือไม่

อย่างไรก็ตาม หัวหอกทีมชาตินอร์เวย์พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าลีกอังกฤษไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เมื่อทำไปถึง 52 ประตูจากการลงสนาม 53 นัด รวมทุกรายการ ในฤดูกาลแรกกับเรือใบสีฟ้า

เขาคือส่วนสำคัญช่วยให้ แมนฯซิตี้ คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร และจะกำลังหลักของทีมไปอีกนาน

มีอัฒจันทร์เดียวของ แมนฯซิตี้ ที่ตั้งชื่อตามอดีตผู้เล่นของสโมสร ซึ่งนั่นก็คือ โคลิน เบลล์ ที่ย้ายมาอยู่กับทีมด้วยค่าตัวเพีบง 47,500 ปอนด์ แต่กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่สุดของสโมสรในเวลาต่อมา

เบลล์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่สมบูรณ์แบบที่สุดคนหนึ่งในยุคของเขา โดยช่วยให้ทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ, ลีกคัพ และ คัพ วินเนอร์ส คัพ ได้สำเร็จ

แม้จะมีอาการบาดเจ็บที่เข่าเล่นงาน แต่เขายังรับใช้สโมสรไปถึง 501 นัด และติดทีมชาติอังกฤษ 48 นัด ก่อนจะเสียชีวิตไปเมื่อเดือนมกราคมปี 2021 ซึ่งเสื้อเหย้าของทีมในฤดูกาล 2022-23 ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเกียรติแก่เขาด้วย

กุนโดกัน คือการเซ็นสัญญาคนแรกของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ แต่ฤดูกาลแรกของเขาถูกรวบกวนด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บ จนหลายคนมองว่าเป็นดีลที่ล้มเหลว

อย่างไรก็ตาม หลังสลัดปัญหาอาการบาดเจ็บออกไปได้ เขาก็แสดงให้เห็นว่าทำไมกุนซือชาวสเปนไว้วางใจเขาเสมอ

มิดฟิลด์ชาวเยอรมัน มีส่วนอย่างมากในการคว้าเทรเปิ้ลแชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดยเฉพาะการทำประตูที่เร็วสุดในประวัติศาสตร์ของนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ช่วยให้ทีมเอาชนะ แมนฯยูไนเต็ด ก่อนจะอำลาทีมไปในฐานะตำนาน

แมนฯซิตี้ เอาชนะ บาร์เซโลนา และ เรอัล มาดริด ในการคว้าตัว ดาบิด ซิลบา มาร่วมทีมหลังจากเขาช่วยให้ทีมชาติสเปนคว้าแชมป์โลกเมื่อปี 2010

ซิลบา เคยโดนปรามาสว่าจะเอาตัวรอดในพรีเมียร์ลีกไม่ได้ด้วยสภาพร่างกายที่ค่อนข้างเล็ก แต่เขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเอาตัวรอดในลีกอังกฤษได้อย่างสบาย และยังถูกยกให้เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกด้วย

ดาวเตะชาวสเปน ลงสนามให้ ซิตี้ ไปทั้งสิ้น 436 นัด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 สมัย และลีกคัพ 5 สมัย น่าเสียดายที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ทำให้แฟนบอลไม่มีโอกาสได้อำลาตำนานสโมสรรายนี้ก่อนย้ายกลับสเปน

การเซ็นสัญญากับ ยายา ตูเร ช่วยยกระดับ แมนฯซิตี้ ขึ้นมาอย่างชัดเจน ค่าตัว 28 ล้านปอนด์ที่จ่ายให้ บาร์เซโลนา ถือว่าคุ้มค่าทุกเม็ดเงิน

ดาวเตะไอวอรีโคสต์ ยิงประตูชัยช่วยให้ทีมเอาชนะ สโต๊ค ซิตี้ ในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ช่วยให้ทีมคว้าโทรฟี่แรกในรอบ 35 ปี และเป็นกำลังหลักของทีมอย่างยาวนาน และเป็นซื้อตัวที่เปลี่ยนโฉมสโมสรไปตลอดกาล

กอมปานี ย้ายมาอยู่กับ แมนฯซิตี้ ด้วยค่าตัวเพียง 6 ล้านปอนด์ ก่อนที่จะกลายเป็นกัปตันทีมที่ยิ่งใหญ่สุดของสโมสรในเวลาต่อมา

ดาวเตะชาวเบลเยียมเป็นกองหลังเบอร์หนึ่งของเรือใบสีฟ้าตลอดระยะเวลา 11 ปี ลงเล่นไปทั้งสิ้น 360 นัด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 สมัย และลีกคัพ 4 สมัย และได้รับเลือกให้อยู่ในหอเกียรติยศของพรีเมียร์ลีกด้วย

35 ล้านปอนด์ที่ แมนฯซิตี้ จ่ายให้ แอตฯมาดริด กลายเป็นค่าตัวถูกเหมือนได้เปล่าเมื่อเทียบกับสิ่มที่เขามอบให้สโมสรตลอด 10 ปี

อเกวโร คือดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสรด้วยผลงาน 260 ประตู คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย, ลีกคัพ 6 สมัย และ เอฟเอ คัพ 1 สมัย

ประตูชัยในช่วงทดเวลาเจ็บนาที 94 ในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2012 กับ ควีนส์ปาร์ค จะถูกพูดถึงไปตลอดกาลคู่กับรูปปั้นของเขาที่หน้าสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม