ดับฝัน 4 แชมป์! แมนฯ ยูฯ แซงน็อคลิเวอร์พูลต่อเวลา 4-3

LIVE UPDATE เอฟเอ คัพ : แมนฯ ยูไนเต็ด - ลิเวอร์พูล

เอฟเอ คัพ 2024 คู่บิ๊กแมตช์ส่งท้ายโปรแกรมในรอบ 8 ทีม เป็นการพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดรังเหย้า โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทำศึกแดงเดือดพบกับ ลิเวอร์พูล

เอริค เทน ฮาก กุนซือปีศาจแดง วางหมากมาในแผน 4-2-3-1 ใช้หน้าเป้าเป็น ราสมุส ฮอยลุนด์ ทำเกมรุกร่วมกับ อเลฮานโดร การ์นาโช, บรูโน แฟร์นันด์ส และ มาร์คัส แรชฟอร์ด

ด้านหงส์แดงของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เลือกจัดทัพมาในระบบ 4-3-3 ใช้สามแนวรุกเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดาร์วิน นูนเญซ และ หลุยส์ ดิอาซ

ออกสตาร์ทเกมเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น เป็นฝั่งของยูไนเต็ดมาได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ อเลฮานโดร การ์นาโช ยิงด้วยขวาในเขตโทษไปติดเซฟ ควีวีน เคลเลเฮอร์ มาเข้าทาง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ตามซ้ำดาบสองด้วยขวาจ่อ ๆ ไม่เหลือ ส่งให้ปีศาจแดงออกนำ 1-0

ทว่าช่วงท้ายครึ่งแรกนาทีที่ 44 ลิเวอร์พูลมาได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ ดาร์วิน นูนเญซ ไหลบอลในเขตโทษให้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ซัดด้วยขวาแฉลบเท้าของ ค็อบบี้ ไมนู เปลี่ยนทางเข้าไป ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1

ต่อด้วยช่วงทดเวลานาทีที่ 45+2 หงส์แดงในชุดเยือนสีขาวสลับเขียวเป็นฝ่ายพลิกขึ้นนำ จากจังหวะที่ ดาร์วิน นูนเญซ ยิงด้วยขวาในเขตโทษไปติดเซฟ อ็องเดร โอนานา มาเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซ้ำดาบสองด้วยขวาตุงตาข่าย ช่วยให้ทีมเยือนแซงนำ 2-1 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังยูไนเต็ดมาตามตีเสมอได้บ้างเช่นกัน ในช่วงท้ายเกมนาทีที่ 87 จากจังหวะที่ อเลฮานโดร การ์นา ล้มตัวจ่ายบอลในเขตโทษให้ อันโตนี หมุนตัวยิงเรียดด้วยขวาเบียดโคนเสาเข้าไปอย่างเฉียบคม ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันอีกครั้งที่ 2-2

จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเวลาปกติ 90 นาที สกอร์เสมอกัน 2-2 ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที

ช่วงต่อเวลาพิเศษนาทีที่ 105 ลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากจังหวะที่ คอเนอร์ แบรดลีย์ ไหลบอลทางกราบขวาเข้ากลางให้ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ยิงด้วยซ้ายแฉลบเท้าของ คริสเตียน อีริคเซน เปลี่ยนทางเข้าไป ส่งให้ทีมเยือนนำอีกรอบ 3-2

แต่แล้วนาทีที่ 112 ยูไนเต็ดก็มาตีเสมอได้อีกครั้งเช่นกัน จากจังหวะที่ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ไหลบอลเข้าเขตโทษให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิงด้วยขวาอย่างเด็ดขาด ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันอีกรอบที่ 3-3

ต่อด้วยช่วงทดเวลานาทีที่ 120+1 ปีศาจแดงมาพลิกแซงนำ จากจังหวะที่ อเลฮานโดร การ์นาโช ไหลบอลให้ อาหมัด ดิยัลโล ยิงเรียดด้วยซ้ายเช็ดเสาเข้าไป ช่วยให้เจ้าบ้านแซงนำ 4-3 ทว่าการที่เขาถอดเสื้อดีใจหลังจากทำประตูได้ ก็ส่งผลให้โดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกไปด้วย

สุดท้ายจบเกมในช่วงต่อเวลาพิเศษ กลายเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเฉือนชนะไปแบบสุดมัน 4-3 ตีตั๋วเข้ารอบรองชนะเลิศเอฟเอ คัพ เป็นทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : อ็องเดร โอนานา; อารอน วาน-บิสซาก้า (แฮร์รี แม็คไกวร์ น.71), ราฟาแอล วาราน (อาหมัด ดิยัลโล น.85), วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ (เมสัน เมาท์ น.105), ดิโอโก้ ดาโลต์; ค็อบบี้ ไมนู (คริสเตียน อีริคเซน น.80), สกอตต์ แม็คโทมิเนย์; อเลฮานโดร การ์นาโช, บรูโน แฟร์นันด์ส, มาร์คัส แรชฟอร์ด; ราสมุส ฮอยลุนด์ (อันโตนี น.71)

สำรองไม่ได้ใช้ : โซฟียาน อัมราบัต, ทอม ฮีตัน, วิลลี คัมบวาลา, โอมารี ฟอร์สัน

ใบเหลือง - บรูโน แฟร์นันด์ส น.45+3, อาหมัด ดิยัลโล น.116, น.120+2

ใบแดง - อาหมัด ดิยัลโล น.120+2 (สองใบเหลือง)

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : ควีวีน เคลเลเฮอร์; โจ โกเมซ (คอสตาส ซิมิคาส น.101), จาเรลล์ ควอนซาห์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (คอเนอร์ แบรดลีย์ น.76); อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, วาตารุ เอนโด, โดมินิค โซโบสไล (ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ น.72); โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (โกดี้ คักโป น.77), ดาร์วิน นูนเญซ, หลุยส์ ดิอาซ (บ็อบบี้ คลาร์ก น.114)

สำรองไม่ได้ใช้ : อาเดรียน, ไรอัน กราเฟนแบร์ก, เจมส์ แม็คคอนเนลล์, เจย์เด้น แดนน์ส

ใบเหลือง - อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ น.31, โจ โกเมซ น.60, ควีวีน เคลเลเฮอร์ น.109

โปรแกรมถ่ายทอดสด 

เช็คโปรแกรมถ่ายทอดสดทุกคู่ได้ที่นี่

วันและเวลาแข่งขัน