โปรแกรมถ่ายทอดสด
| TV station | Thairath TV |
เช็คโปรแกรมถ่ายทอดสดทุกคู่ได้ที่นี่
วันและเวลาแข่งขัน
| เกม | เชลซี - ลิเวอร์พูล |
| วันที่ | วันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 |
| เวลา | 22.00 น. |
| สนาม | เวมบลีย์ |
LIVE UPDATE คาราบาว คัพ : เชลซี - ลิเวอร์พูล
ฟุตบอลคาราบาว คัพ 2023/24 รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ เป็นการพบกันระหว่าง เชลซี เจอกับ ลิเวอร์พูล
เมาริซิโอ โปเช็ตติโน กุนซือสิงโตน้ำเงินคราม เลือกจัดทัพมาในระบบ 3-4-2-1 โดยใช้ นิโคลัส แจ็คสัน ออกสตาร์ทหน้าเป้าคอยทำเกมรุกร่วมกับ โคล พาลเมอร์, คอเนอร์ กัลลาเกอร์ และ ราฮีม สเตอร์ลิง
ทางฝั่งหงส์แดงของ เยอร์เก้น คล็อปป์ วางหมากมาในแผน 4-3-3 ใช้สามแนวรุกเป็น ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์, โกดี้ คักโป และ หลุยส์ ดิอาซ ขณะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ดาร์วิน นูนเญซ ไม่มีชื่อแม้แต่ตัวสำรอง
ครึ่งแรกดำเนินมาจนถึงนาทีที่ 28 ฝั่งของลิเวอร์พูลต้องเสียกองกลางอย่าง ไรอัน กราเฟนแบร์ก ซึ่งบาดเจ็บจากจังหวะโดน มอยเซส ไกเซโด้ ย่ำใส่ข้อเท้า และต้องหามเปลออกจากสนาม โดยเปลี่ยนเอา โจ โกเมซ ลงมาแทนเป็นตัวสำรองคนแรก
Getty/ GOALถัดมานาทีที่ 33 เชลซีส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่าย จากจังหวะที่ นิโคลัส แจ็คสัน ไหลบอลทางกราบขวาเข้ากลางให้ ราฮีม สเตอร์ลิง แปด้วยซ้ายจ่อ ๆ เข้าไป ทว่าโดน VAR ริบประตู เพราะทาง แจ็คสัน อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ทำให้จบครึ่งแรกสกอร์ยังเสมอกันอยู่ 0-0
ครึ่งหลังนาทีที่ 62 ลิเวอร์พูลส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้บ้าง จากลูกฟรีคิกทางกราบซ้ายที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดเข้าเขตโทษให้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ โหม่งเข้าไป ทว่าโดน VAR ริบประตู เพราะทาง วาตารุ เอนโด ซึ่งอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ไปเจตนาขวาง ลีวาย โคลวิลล์ ไม่ให้วิ่งตามประกบ ฟาน ไดค์ ที่โฉบไปได้โหม่งนั่นเอง
Gettyหลังจากนั้นก็ยังไม่มีฝ่ายใดยิงประตูได้เลย ทำให้จบเกมเวลาปกติ 90 นาที สกอร์ยังเหมือนเดิมที่ 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที
ช่วงต่อเวลาพิเศษนาทีที่ 118 กลายเป็นฝั่งของลิเวอร์พูลมาทำประตูขึ้นนำจนได้ จากลูกเตะมุมฝั่งขวาที่ คอสตาส ซิมิคาส เปิดให้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ โฉบมาโหม่งตุงตาข่ายแบบขาวสะอาด ส่งให้หงส์แดงออกนำ 1-0
สุดท้ายจบเกม 120 นาที เป็นลิเวอร์พูลชนะไป 1-0 ผงาดคว้าแชมป์คาราบาว คัพไปครองเป็นสมัยที่ 10 มากที่สุดตลอดกาลด้วย
11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
เชลซี(4-2-3-1) :ยอร์เย เปโตรวิช;มาโล กุสโต้,อักเซล ดิซาซี,ลีวาย โคลวิลล์,เบน ชิลเวลล์ (เทรโวห์ ชาโลบาห์ น.113); มอยเซส ไกเซโด้, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ;โคล พาลเมอร์,คอเนอร์ กัลลาเกอร์ (โนนี มาดูเอเก้ น.97), ราฮีม สเตอร์ลิง (คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู น.67);นิโคลัส แจ็คสัน (มิไคโล มูดริค น.90)
สำรองไม่ได้ใช้ :โรเบิร์ต ซานเชซ, มาร์คัส เบตติเนลลี, อัลฟี กิลคริสต์, ยิมี เตาริไอเนน, บิลลี จี
ใบเหลือง - เบน ชิลเวลล์ น.45+3, โคล พาลเมอร์ น.120+2
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : ควีวีน เคลเลเฮอร์; คอเนอร์ แบรดลีย์ (บ็อบบี้ คลาร์ก น.72), อิบราฮิมา โกนาเต้ (จาเรลล์ ควอนซาห์ น.105), เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (คอสตาส ซิมิคาส น.87); อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (เจมส์ แม็คคอนเนลล์ น.87), วาตารุ เอนโด, ไรอัน กราเฟนแบร์ก (โจ โกเมซ น.28); ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์, โกดี้ คักโป (เจย์เด้น แดนน์ส น.87), หลุยส์ ดิอาซ
สำรองไม่ได้ใช้ : อาเดรียน, ลูอิส คูมาส, เทรย์ เอ็นโยนี
ใบเหลือง - คอเนอร์ แบรดลีย์ น.45+3, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ น.81, อิบราฮิมา โกนาเต้ น.82, เจมส์ แม็คคอนเนลล์ น.107, โจ โกเมซ น.120+3
