บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

5 ประเด็นสำคัญก่อนเกม : คู่แค้นแห่งสยาม “บุรีรัมย์ - เมืองทอง”

23 ยก 6 ปีตลอดการดวลแข้งของ สองคู่รักคู่แค้นแห่งลีกสยาม ของสองสโมสรที่ศักดิ์ศรี เป็นแชมป์ไทยลีก สูงสุด 4 สมัย เท่ากัน ทุกครั้งที่เจอกัน ต่างมีเรื่องราวประเด็นต่างๆ ให้พูดถึงทั้งก่อนเกม ระหว่างเกม และหลังเกม กลายเป็นอีกหนึ่งแมตช์ที่แฟนบอลต่างเฝ้ารอย ถึงความดุเดือดในสนามตลอด 90 นาที หรือการเฉือนคมกันนอกสนาม จากวาทะและประเด็นต่างๆ

20 เกมแรก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลายเป็นฝ่ายหลอกหลอน กิเลนผยองมาตลอด ด้วยวลี “แพ้ใครแพ้ได้ แต่ไม่แพ้เมืองทอง” กระทั่ง กิเลนผยอง ปลดล็อกวลีดังกล่าว จากการบุกไปชนะที่ ไอโมบาย สเตเดี้ยม ในฤดูกาล 2016 ซีซั่นนี้ พวกเขาเป็นฝ่ายทวงคืนชัยชนะจาก ปราสาทสายฟ้า ได้เป็นครั้งแรก ก่อนต่อเนื่องด้วยการยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 3 นัดรวด

โกล ประเทศไทย รวบรวม 5 ประเด็นสำคัญก่อนเกมบิ๊กแมตช์ยกที่ 24 ระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด มาฝากทุกท่าน

อ่านบทความต่อด้านล่าง

ทีมที่เปลี่ยนไป

ในฤดูกาล 2016 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทั้งสิ้น 4 เกม ปราสาทสายฟ้า ใช้กุนซือ 2 คนในการดวลกึ๋นกับ ธชตวัน ศรีปาน และเป็นฝั่งกุนซือชาวไทยที่ได้รับการชูกำปั้นถึง 3 ครั้ง (ชนะ อเล็กซานเดร กาม่า 1 ครั้ง, ชนะ อัฟชิน ก็อตบิ 2 ครั้ง) ส่วน รานโก โปโปวิซ กุนซือคนปัจจุบัน จะได้คุมทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ลุยศึกซูเปอร์บิ๊กแมตช์เป็นครั้งแรก

บิ๊กแมตช์งวดนี้ ทั้งสองทีมต่างมีทีมที่เปลี่ยนแปลงกันพอสมควร เมืองทอง จะไม่มีนักเตะ 11 จาก 22 รายที่เคยใช้ลงสนามการเจอบุรีรัมย์ ฤดูกาลก่อน ประกอบด้วย อาทิตย์ ดาวสว่าง, ฟาบริซิโอ ดอร์เนลลาส, จูเนียร์ เนเกรา,  ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์, มาริโอ อบรานเต้, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, พีรดนธ์ ฉ่ำรัศมี, ไมเคิล เอ็นดรี้, เคลตัน ซิลวา ที่ย้ายออกไป และอีกรายคือ สารัช อยู่เย็น ที่ได้รับบาดเจ็บหนักพักยาว

ส่วน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะไม่มี 15 นักเตะจาก 25 รายที่เคยใช้งานใน 4 เกมเมื่อซีซั่นก่อน ประกอบด้วย อังเดร โมริตซ์, ไคโอะ เฟลิเป, อดุล หละโสะ, สุรีย์ สุขะ,  ธีราทร บุญมาทัน, อนาวิน จูจีน, คิม ซึง ยอง, เวสลีย์ เฟอร์โตซ่า, กษิดิศ ซีกฮาร์ท ที่ย้ายออกจากทีม

รวมถึง จิตปัญญา ทิสุด, อันเดร ตูเญซ, นัสตพล มาลาพันธ์ 3 นักเตะที่ปล่อยตัวออกด้วยสัญญายืมตัว ส่วน รูเบนนิลสัน คานู และ  บรูโน่ โมเรร่า ถูกถอดชื่อออกจากทีมเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บรบกวน  รวมถึง สุภโชค สารชาติ ที่มีอาการบาดเจ็บ

IN PICTURES : คืนประวัติศาสตร์ของเมืองทองและธีรศิลป์Goal Thailand

การดวลกันครั้งนี้ ธชตวัน ศรีปาน และ รานโก โปโปวิซ ต่างมีลูกทีมที่เปลี่ยนแปลงไป ฝั่งเมืองทองฯ โครงสร้างเดิมยังอยู่ แม้จะเสีย สารัช, ธนบูรณ์, อบรานเต้ และ เคลตัน 4 ตัวหลัก ไปในเลกแรก แต่ก็ได้ อดิศักดิ์ ไกรษร ที่ฟิตสมบูรณ์ กลับมาประสานงานกับ ซิสโก้, ธีรศิลป์ รวมถึงตัวสอดแทรกหน้าใหม่อย่าง มงคร ทศไกร

แดนกลาง โค้ชแบน สามารถ ปั้นตัวสำรองอย่าง วัฒนา พลายนุ่ม จนก้าวขึ้นมาชื่อติดทีมชาติไทย รวมถึงมิดฟิลด์เชิงสูงอย่าง ลี โฮ ที่เข้ามาเติมเต็มเกมตรงกลางสนามแทนที่ สารัช อยู่เย็น ส่วนกองหลัง เซลิโอ กองหลังร่างยักษ์พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถเล่นคู่กับ นาอาโอกิ อาโอยามะ ได้อย่างไม่มีปัญญา และ อดิศร พรหมรักษ์ ก็อัพเกรดฝีเท้าตัวเอง จนสามารถเป็นตัวหลักของทีมได้

ปราสาทสายฟ้า ต้องบอกว่าฤดูกาลที่แล้ว พวกเขายังไม่เจอทีมที่ลงตัวเท่าไหร่นัก แต่ปีนี้ยังเก็บแกนหลักอย่าง จักรพันธ์, สุเชาว์, ดิโอโก้, โก ซุล กิ ไว้กับทีมได้  

ที่หายไปและเป็นหัวใจของเกมรับคือ อันเดรส ตูเญซ ที่ปล่อยให้ เอลเช่ ยืมตัว นฤบดินทร์ และ อนาวิน ที่เคยเป็นคู่หูวิงขวาก็ถูกเปลี่ยนมาเป็น รัตนากร ใหม่คามิ ดาวรุ่งวัย 19 ปี

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

ส่วนแบ็กซ้าย กรกช วิริยะอุดมศิริ เจ้าตำแหน่งคนเก่า และ ยศวรรธน์ มณฑา ต้องชิงตำแหน่งตัวจริงจาก สุเชาว์ นุชนุ่ม กองกลางกัปตันทีมที่ถูกขยับมาเล่นแทน ส่วนกองหลังต่างชาติได้มวยแทนอย่าง โซลวี ออตเตเซน ที่ต้องดูเรื่องความฟิตอีกครั้ง รวมถึงอะไหล่อย่าง สุรีย์ สุขะ ก็ย้ายออกจากทีมไปแล้ว

แดนกลางไม่น่ามีปัญหา แต่ตัวรุกจะไม่มี สุภโชค สารชาติ ดาวรุ่งที่กำลังโชว์ฟอร์มได้ดี ที่ได้รับบาดเจ็บจากเกมล่าสุดที่เสมอ การท่าเรือ เอฟซี ขณะที่ ชาช่า กลายเป็นกองหน้าต่างชาติที่บุรีรัมย์ตามหามานานนับตั้งแตเสีย กิลแบร์โต มาเชน่า

ส่วนดาวยิงตัวเก่ง ดิโอโก ยังไว้ใจได้เหมือนเดิม คงต้องลุ้นว่า โรเจอร์ริโอ คูตินโญ ตัวจี๊ดชาวแซมบ้าจะหายเจ็บกลับมาประสานงานกับ ดิโอโก้-ชาช่า ได้หรือไม่ หากทั้ง 3 คน ได้ลงเล่นพร้อมกัน การขาด สุภโชค ก็อาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อทีมมากนัก

เพียงแต่ด้วยโควต้าต่างชาติที่จำกัด หาก”โปโป้” เลือกส่ง 3 ตัวรุกแซมบ้า ก็จำเป็นต้องตัด โซลวี่ ออตเตเซน และใช้กองหลังชาวไทย ยืนเป็นเซ็นเตอร์แบ็ก 3 คนแทน ตรงนี้อาจเป็นจุดทำให้ถูกทีมเยือนเล่นงานได้

การกลับมาเยือนถิ่นเก่าครั้งแรกของ ธีราทร บุญมาทัน

ธีราทร บุญมาทัน

ในทีมชุดปัจจุบัน มีนักเตะ 3 ราย ที่เคยค้าแข้งให้กับ เมืองทอง และ บุรีรัมย์ ได้แก่ อดิศักดิ์ ไกรษร, จักรพันธ์ แก้วพรม และ ธีราทร บุญมาทัน ซึ่งรายหลังจะเป็นครั้งแรกที่ได้กลับไปลงเล่นที่ ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม นับตั้งแต่สืบเท้าก้าวออกไปในช่วงเลกสอง

ย้อนกลับไปช่วงก่อนปิดเลกแรก ประมาณ 2 เดือน กิเลนผยอง ทำสิ่งที่ช็อคไปทั้งวงการเมื่อทุ่มเงิน 30 ล้านบาทกระชากตัว ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายเบอร์ 1 ผู้เคยได้รับฉายาว่าเจ้าชายแห่งปราสาทสายฟ้า ออกมาจากอ้อมอกของอริตลอดกาล มาร่วมทีมแบบไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

ในวันแถลงข่าว ธีราทร มาด้วยสีหน้าราบรื่นและกล่าวเพียงๆสั้นว่า เหตุผลที่ย้ายมา เพราะต้องการประสบความสำเร็จ และไม่ได้ขัดแย้งกับผู้ใหญ่ภายในทีม  ต่อมาในงานแต่งของธีราทร ก็ไร้เงาของประธานในการ์ดเชิญ ที่ทำการเปิดตัวกุนซือคนใหม่พอดิบพอดี

ตามมาด้วยการเผชิญหน้ากับทีมเก่าครั้งแรก ที่สนามเอสซีจี สเตเดี้ยม ในเกมโตโยต้า ไทยลีก ที่เมืองทองชนะ 3-2 โดย ธีราทร แสดงอาการดีใจต่อหน้าแฟนบอลทีมเก่า (เจ้าตัวได้ระบายความรู้สึกผ่านไอจี ว่าที่แสดงออกเช่นนั้น เพราะแฟนบอลทีมเก่า ด่าทอและกล่าวหาเขาว่าเป็น จูดาส ทั้งที่่เขาให้เกียรติและทุ่มเทกับทีมมาตลอดช่วงที่ผ่านมา)

หลังจบเกม ธีราทร ให้สัมภาษณ์สั้นๆเพียงว่า “สะใจครับ สะใจ” แต่ช็อตที่ถูกกล่าวถึงมากสุดคงหนีไม่พ้น การเดินสวนของ เนวิน ชิดชอบ และ ธีราทร บุญมาทัน ที่ทั้งคู่เลือกที่จะทำเป็นมองไม่เห็นและไม่มีคำทักทายใดๆ

จากนั้นอีก 2 สัปดาห์ต่อมา ธีราทร ก็พา เมืองทองฯ ย้ำแค้น บุรีรัมย์ ได้อีกครั้ง ด้วยสกอร์ 3-1 ในถิ่นเอสซีจี สเตเดี้ยม ส่งปราสาทสายฟ้า ตกรอบถ้วยช้างเอฟเอ คัพ หมดลุ้นโอกาสไปบอลถ้วยเอเชีย ซึ่งหลังจบเกม ธีราทร เดินเข้าไปโผกอด อเล็กซานเดร กาม่า อดีตกุนซือปราสาทสายฟ้าที่มาชมเกมดังกล่าว

น่าสนใจว่า การกลับไปเยือนถิ่นเก่าครั้งแรกของ ธีราทร บุญมาทัน จะออกมาเป็นเช่นไร แฟนบอลทีมเก่าจะต้อนรับเขาอย่างไร เขาจะมีปฏิกิริยาอะไร ใครจะเป็นผู้ชนะเกมนี้ จะมีการทักทายเกิดขึ้นระหว่าง อดีตนายใหญ่กับแบ็กซ้าย หรือ ทั้งคู่จะเลือกเดินผ่านไปราวกับคนไม่รู้จักเหมือนเช่นเคย  

เมืองทองฯ ผู้หยุดสถิติบุรีรัมย์ชนะติดต่อกันยาวนานสุดในไทยลีก สู่การเดินหน้าสร้างสถิติใหม่ที่ ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม

บุรีรัมย์ - เมืองทองGoal

ชัยชนะ 0-3 ของพลพรรค กิเลนผยอง ที่เกิดขึ้น ที่สนามไอ-โมบาย สเตเดี้ยม เมื่อฤดูกาลก่อน ทำให้ ปราสาทสายฟ้า ต้องสูญเสียสถิติต่างๆมากมาย.... เวลาผ่านไป 1 ปี เมืองทองฯ กลับมาที่นี่อีกครั้ง เพื่อเดินหน้าสร้างสถิติใหม่

เมืองทอง หยุดสถิติไม่ชนะ บุรีรัมย์มา 20 เกมติดต่อกันได้สำเร็จ ในเกมดังกล่าว และแถมหยุดสถิติไม่แพ้ใครติดต่อกันของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไว้ที่ 44 นัด อีกทั้งนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ บุรีรัมย์ แพ้คู่แข่งในบ้าน รอบ 4 ปี และเป็นการชนะขาดลอยที่สุดนับตั้งแต่ เมืองทองและบุรีรัมย์ เคยพบกัน

ก่อนเกมที่จะมาเยือน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นัดนี้ ลูกทีมของ ธชตวัน ศรีปาน เพิ่งทำลายอีกสถิติของปราสาทสายฟ้า นั่นคือการเก็บชัยชนะติดต่อกันยาวนานสุดตลอดกาลไทยลีก ด้วยจำนวน 15 เกม (สถิติเดิมของบุรีรัมย์ 14 นัดติดต่อกัน) จากเกมที่เปิดบ้านเอาชนะ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 2-0

ทีนี่ก็ขึ้นอยู่กับ ปราสาทสายฟ้า ว่าจะยอมเป็นสะพานให้ เมืองทอง ยูไนเต็ด เดินหน้าสร้างสถิติใหม่เพิ่มขึ้นอีกนัด หรือเบรกสถิติของกิเลนผยองไว้เพียงเท่านี้...

ทริสตอง โด, วัฒนา ไม่เคยแพ้ บุรีรัมย์ - ธีรศิลป์ ไม่เคยยิง บุรีรัมย์ (ในลีก)

วัฒนา พลายนุ่ม

ทริสตอง โด และ วัฒนา พลายนุ่ม คือ 2 นักเตะเมืองทอง ที่เคยลงสนามในการพบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และยังไม่เคยปราชัยให้กับคู่แข่ง โดย วัฒนา พลายนุ่ม เคยลงเล่นเป็นตัวสำรองเล่น 1 เกมนัดที่ชนะ เมืองทอง ยูไนเต็ด 3-2

ส่วน ทริสตอง โด เคยเจอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาแล้ว 4 ครั้ง สมัยค้าแข้งให้กับ เทโรฯ 1 เกม (เสมอ 1-1) กับ บุรีรัมย์ 1 นัด และก่อนย้ายมา เมืองทองฯ ในฤดูกาล 2016 และลงสนามช่วยทีม ชนะบุรีรัมย์ฯ ได้ 3 เกมติดต่อกัน ส่วนความพ่ายแพ้ในถ้วย ก. เมื่อฤดูกาลก่อน แบ็กขวาลูกครึ่งฝรั่งเศส ไม่ได้มีส่วนร่วมกับเกมดังกล่าว จึงยังเป็นผู้เล่นที่ไม่แพ้ใครบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ยังอยู่ในทีมชุดบุกไปเยือนไอ-โมบาย สเดเดียม หนนี้

ขณะที่ อดิศักดิ์ ไกรษร เกือบได้ชื่อว่า ไม่เคยแพ้ บุรีรัมย์ฯ แต่เจ้าตัวเคยถูกส่งลงสนามเป็นตัวสำรองช่วงท้ายเกม ที่แพ้บ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ฟุตบอลถ้วย ก. 2016 อย่างไรก็ดี เขามักยิงใส่ทีมเก่า ยิงไปแล้ว 5 ประตู (ยิงในนามเทโร 2 ประตู ยิงในนามเมืองทอง 3 ประตู)

เช่นเดียวกับ กรวิทย์ นามวิเศษ เขามีส่วนร่วมกับความปราชัย 3 เกมหลังสุดของบุรีรัมย์ฯ เพียงแค่นัดเดียว ในฐานะตัวสำรอง เกมฟุตบอลถ้วยช้าง เอฟเอ คัพ 2016 เลยไม่ได้ชื่อว่าเป็นนักเตะบุรีรัมย์ ที่ลงสนามและไม่เคยแพ้เมืองทอง

ส่วนผู้เล่นที่ทำประตูมากสุดในเกมบิ๊กแมตช์ บุรีรัมย์-เมืองทอง ตกเป็นของ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ กองหน้าจอมแสบแห่งทัพปราสาทสายฟ้า ที่หวดไป 4 ประตู

ขณะที่ ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้ากัปตันทีมเมืองทอง ยูไนเต็ด แม้จะเพิ่งซัดประตูครบ 100 ลูกในไทยลีก แต่ทีมที่เขายังไม่เคยเจาะตาข่ายได้เลยแม้แต่ประตูเดียว นั่นคือก็ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดยประตูที่เขาเคยทำได้เกิดในบอลถ้วยช้าง เอฟเอคัพ เมื่อปีที่แล้ว จึงน่าสนใจว่าครั้งนี้ ธีรศิลป์ จะปลดล็อกการยิงบุรีรัมย์ได้หรือไม่

รวมถึงนี่คือการเจอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ครั้งสุดท้ายของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ก่อนย้ายไปค้าแข้งในเจ ลีก ญี่ปุ่น ช่วงเลกสองอีกด้วย

สไตรค์ แบ็ก ทวงคืนทุกถ้วย ทวงคืนทุกความเจ็บปวด

เนวิน ชิดชอบ

ปราสาทสายฟ้า เสียสถิติต่างๆมากมายในฤดูกาลที่แล้ว รวมถึงพลาดแชมป์ลีก พลาดตั๋วไปลุยเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ได้เพียงแชมป์ร่วม โตโยต้า ลีก คัพ ฤดูกาลนี้พวกเขามาด้วยคอนเซปท์ “STRIKE BACK” ทวงคืนทุกแชมป์

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไม่แพ้ใครในบ้านมา ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2016 นับตั้งแต่พ่าย ราชบุรี มิตรผล เอฟซี 0-1 รวมแล้วทั้งสิ้น 11 นัด  

ส่วนเมืองทอง ยูไนเต็ด พวกเขาก็มีสถิติที่ดีมากในเกมเยือนเพราะ ไม่แพ้ใครในการเยือนมาแล้ว 10 นัด นับตั้งแต่บุกไปพ่าย ราชันมังกร เมื่อเดือน ก.ค. 2016 ดังนั้น หากมีทีมใดทีมหนึ่งได้ 3 คะแนนในนัดนี้ ผู้แพ้จะต้องไปเริ่มนับหนึ่งกับสถิติที่สั่งสมมา

ดังนั้น ภารกิจ “สไตรค์ แบ็ก” คงไม่ใช่แค่การทวงคืนทุกถ้วยจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด เพียงอย่างเดียว แต่คงหมายความรวมถึงการ ทวงคืนความเจ็บปวด ต่อคู่แข่งที่เคยนิยามว่า “งูเหลือมกับเชือกกล้วย” หลังปราชัยมา 3 นัดติดต่อกัน ส่วน เมืองทอง ยูไนเต็ด นัดนี้พวกเขาคงไม่มีอะไรมาก “แพ้ใครก็ได้ แต่คงไม่ต้องการแพ้ บุรีรัมย์ฯ” และมาเยือนครั้งนี้ พวกเขามาด้วยเป้าหมายที่จะยืดสถิติไม่แพ้บุรีรัมย์ ออกไปเป็นเกมที่ 4

โฆษณา