บุนเดสลีกามีตำนานของการไต่จากโอเบอร์ลีกา(ลีกระดับ 5)มาสู่ลีกสูงสุดอยู่สองเรื่อง เรื่องหนึ่งเหมือนหนังแอ็คชั่นบล็อคบัสเตอร์ที่ไม่ค่อยมีใครรัก อีกเรื่องคือดราม่าช้าเนิบ เรียบง่าย แต่อยู่ในใจแฟนบอลทั้งประเทศ
เอสเอสเฟา มาร์ครันด์สตัดท์ ทีมเล็กในเมืองใหญ่อย่างไลป์ซิก ขายสิทธิ์แข่งขันในโอเบอร์ลีกาให้กลุ่มทุนก่อเกิดเป็น แอร์เบ ไลป์ซิก ที่ใช้เงินดันทีมขึ้นบุนเดสลีกาภายใน 7 ปี — นั่นคือเรื่องแรก
อีกเรื่องเริ่มที่ แฟรงค์ ชมิดท์ อดีตกองหลังที่เพิ่งแขวนสตั๊ดกับทีมบ้านเกิด ไฮเดนไฮม์ เมืองเล็กทางตอนใต้ เขารับงานคุมทีมในปี 2007 หลังโค้ชเก่าถูกปลด ตอนนั้นทีมยังอยู่ใน Oberliga Baden-Württemberg ลีกระดับ 5 ไม่มีใครคาดคิดว่าชายวัยสามสิบต้น ๆ จะกลายเป็นรากฐานของสโมสรไปตลอด 16 ปี
ฤดูกาลแรกของเขาจบลงด้วยการเลื่อนชั้นสู่ Regionalliga Süd และอีกไม่กี่ปีต่อมา ทีมก็ไต่ขึ้นถึง ลีกา 3 - ระดับล่างสุดของลีกอาชีพระดับประเทศในปี 2009
จากจุดนั้น ไฮเดนไฮม์ไม่ได้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ค่อย ๆ เติบโตด้วยความสม่ำเสมอภายใต้การนำของชมิดท์ — นักเตะหลายคนเป็นคนในท้องที่ หรือย้ายมาจากลีกล่าง เขาเน้นพัฒนาศักยภาพและสร้างระบบทีมมากกว่าซื้อชื่อเสียง
ฤดูกาล 2013–14 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ: ไฮเดนไฮม์ คว้าแชมป์ ลีกา 3 และเลื่อนชั้นสู่ บุนเดสลีกา 2 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
“ให้ตายเถอะ ที่ไฮเดนไฮม์ เราไม่เคยพูดถึงบุนเดสลีกาเลย เราพูดถึงเรื่องซ้อมให้ดีขึ้นในวันพรุ่งนี้เท่านั้น” ชมิดท์เคยให้สัมภาษณ์ในช่วงนี้
ในลีกสอง ไฮเดนไฮม์ไม่ใช่ทีมเต็ง แต่กลายเป็นตัวอย่างของทีมที่ “รู้ว่าตัวเองคือใคร” — ไม่มีสตาร์ ไม่มีทุนมหาศาล มีแต่ระบบที่มั่นคง เกมรับเหนียว และการทำงานที่เข้าใจจังหวะของลีก
พวกเขาเริ่มเป็นที่รู้จักจากเกมเดเอฟเบ โพคาล ปี 2019 ที่พ่ายบาเยิร์น 4-5 อย่างสูสี และเกือบเลื่อนชั้นในปี 2020 แต่แพ้เบรเมนด้วยกฎประตูทีมเยือนในเพลย์ออฟ
ทีมไม่ถอดใจ กลับมาแกร่งกว่าเดิม จนฤดูกาล 2022–23 คว้าแชมป์ บุนเดสลีกา 2 ด้วยดราม่าสุดระทึก — ยิงสองประตูช่วงทดเวลาบาดเจ็บในนัดสุดท้าย แซงฮัมบูร์กคว้าตั๋วขึ้นสู่บุนเดสลีกาในวินาทีสุดท้าย
นั่นคือรางวัลของการเดินทางอันยาวนาน 16 ปี และเป็นผลลัพธ์ของปรัชญาที่ไม่เคยเปลี่ยน
ถ้านี่เป็นหนัง บรรทัดก่อนหน้าอาจจะดูเหมือนฉากจบ - แต่ไคลแม็กซ์จะเริ่มจากตรงนี้
ฤดูกาลแรกของไฮเดนไฮม์ในลีกสูงสุด พวกเขาคือหนึ่งในเซอร์ไพรส์ใหญ่ที่สุดของยุโรป ยืนซัดกับทีมยักษ์ใหญ่ของประเทศแบบไม่มีเกรง เปิดบ้านทุบบาเยิร์น มิวนิค 3-2 คือหนึ่งในเกมแห่งความทรงจำ ก่อนจะจบฤดูกาลในอันดับ 8 คว้าตั๋วไปเล่น ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก - ฟุตบอลยุโรปครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
แต่ฤดูกาลต่อมา เวลาเทพนิยายก็จบลง ไฮเดนไฮม์กระเสือกกระสนจนต้องไปเล่นเพลย์ออฟตกชั้น-เลื่อนชั้น กับเอลเวอร์สแบร์ก ทีมมาแรงจากบุนเดสลีกา 2(ใช่ ทีมนั้นแหละ) และเอาชนะมาได้แบบเลือดตากระเด็น ต่อวีซ่าลีกสูงสุดไปได้อีกหนึ่งฤดูกาล
แน่นอนว่า ทุกบรรทัด จนถึงวินาทีที่คุณอ่านอยู่ เฮดโค้ชของพวกเขาคือ แฟรงค์ ชมิดท์ คนเดิม - ไม่จำเป็นต้องอธิบายว่าสโมสรนี้ เมืองเล็ก ๆ เมืองนี้ เชื่อใจและวางใจผู้ชายคนนี้แค่ไหน
“ผมพอรู้ว่ามีคนแค่หยิบมือในเยอรมนีที่สามารถก้าวเดินในเส้นทางอาชีพนี้ได้ ผมถึงได้ตื่นมาพร้อมความตื่นเต้นที่จะได้ก้าวเดินในเส้นทางนี้ทุกวัน” ชมิดท์เคยกล่าวไว้
ระยะทางจากโซนท้ายตารางถึงกลางตาราง จากกลางตารางถึงกลุ่มนำ จากกลุ่มนำถึงจ่าฝูง จากลีกหนึ่งถึงลีกหนึ่ง จากระดับชาติถึงระดับทวีป ล้วนเป็นระยะทางที่มีจริง ต้องใช้กำลังและเวลาเพื่อเดินทางไปสู่จุดที่มุ่งหวัง ไม่มีอะไรได้มาโดยไม่พยายาม ทางไม่ได้ง่าย ทุกวันไม่ได้มีแต่วันดี ๆ ไฮเดนไฮม์ที่เป็นเมืองเล็ก ๆ ประชากรไม่ถึงแสนคน มีสโมสรฟุตบอลที่แน่วแน่พอจะเดินไปเรื่อย ๆ โดยไม่หยุด ไม่ลังเล ไม่หาทางลัด เชื่อมั่นในกระบวนการ ในคนทำงาน จนเดินมาถึงเวทีสูงสุดของฟุตบอลเยอรมัน
ในโลกฟุตบอลที่พูดกัน(ด้วยน้ำเสียงทะนงตนเสียเต็มประดา)ว่างานผู้จัดการทีมเป็นเรื่องโหดร้าย โดนปลดได้เสมอเพื่อความเป็นเลิศ ด้วยความเป็นมืออาชีพ แฟรงค์ ชมิดท์ และไฮเดนไฮม์ จะเป็นเครื่องหมายคำถามย้อนกลับไปหาทุกคน ว่าการเดินทางไกลมันต้องใช้อะไรบ้าง และคุณพร้อมจ่ายแค่ไหน - โดยเฉพาะสิ่งที่แพงที่สุดอย่างเวลา
บางที คุณไปไม่ถึงไหน เพราะใจไม่ถึงเอง


