พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ให้สัมภาษณ์หลังเสร็จสิ้นการประชุมสภากรรมการพัฒนาทีมชาติ ครั้งที่ 1 เผยความคืบหน้าเตรียมแต่งตั้งหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยทั้ง 3 ชุด โดยกล่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่กุนซือช้างศึกชุดใหญ่อาจเป็นชาวเอเชีย แต่ ณ เวลานี้ยังไม่ขอเปิดเผยชัดเจน
ก่อนหน้านี้ทั้งบรรดากุนซือทัพช้างศึกชุดใหญ่ , รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี และทีมฟุตบอลหญิง ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งในเวลาใกล้เคียงกัน ส่งผลให้ทางสมาคมฯ ต้องเร่งหาเฮดโค้ชคนใหม่เข้ามาทำงานแทนทั้ง 3 ชุด ซึ่งในส่วนของทีมชุดใหญ่ล่าสุดจากการให้สัมภาษณ์ของประมุขบอลไทย มีความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นเทรนเนอร์ชาวเอเชียที่จะเข้ามารับตำแหน่งดังกล่าว
“สำหรับโค้ชอีกไม่กี่วันคงได้ทราบกัน ผมยังไม่กล้าพูดอะไรในตอนนี้ เพราะอีก 1% มันก็มีความผิดพลาดได้” นายกสมาคมฯ เริ่มกล่าว
“ที่ผ่านมามีบางท่านเข้ามาติดต่อจนกระทั่งจะเซ็นสัญญาอยู่แล้ว แต่ด้วยเหตุผลทางครอบครัวก็ต้องปฏิเสธหรือยกเลิกดีลกับเราทำให้เราเสียเวลา และกลับมาเริ่มตั้งต้นกันใหม่ ฉะนั้นจากประสบการณ์ที่ผ่านมาถึงแม้ว่าจะมีการลงนามในสัญญาแล้วก็อาจมีความเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นถ้าวันนี้เรารีบสรุปไปก่อนที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญา เราก็ไม่มั่นในว่าอีก 1% มันจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่”
“แต่จะทั้งสามชุดหรือไม่มันอยู่ในข้อตกลงว่าเราจะให้เขาทำอย่างไร อาจจะคนหนึ่งคุมสองชุด โดยมีโค้ชไทยไปเป็นสตาฟฟ์ผู้ช่วยเพื่อให้การทำงานรวดเร็วเรื่องการรู้จักหรือเห็นประสิทธิภาพของนักกีฬาไทยมันจะทำให้โค้ชได้ทำการบ้านมาแล้วเป็นเดือนสามารถทำงานได้เร็วขึ้น"
"ผมได้รับฟังเหตุผลจากคณะกรรมการชุดนี้อย่างเดียวคือขอให้โค้ชได้พิจารณานักเตะที่มีเพอร์ในปัจจุบัน คุณปิยะพงษ์(ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน)พูดว่า โค้ชทุกคนสามารถทำทีมให้ดีได้ถ้าคนนั้นพิจารณาเลือกนักเตะจากความจริงอย่าพิจารณานักเตะจากความเชื่อ ตราบใดที่พิจารณานักเตะจากความเชื่อไม่เอาความจริงทีมชาติก็จะไม่ได้นักกีฬาที่มีประสิทธิภาพที่ดี”
“ก็ขอเวลาอีกนิดเดียวใกล้เต็มที่แล้วเหลือแค่สัญญาเท่านั้นเอง ถ้าเกิดพูดวันนี้แล้วไม่เซ็นสัญญาขึ้นมาเดี๋ยวมีปัญหา และไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นทำให้ผมกังวลว่าถ้าเราพูดแล้ว และมีการเปลี่ยนแปลงจะมาตำหนิได้ว่าไหนคุยกันแล้ว แต่ทำไมเป็นแบบนี้ ฉะนั้นอีก 1% มันเป็นความกังวลที่ไม่สามารถบอกแฟนบอลชาวไทยได้ว่าคือใคร”
“ส่วนฟุตบอลหญิงเรามีการพูดคุยกับคนที่อยากจะเข้ามาร่วมงานกับสมาคมฯ และพูดคุยว่าเหตุการณ์เฉพาะหน้าแบบนี้ถ้าจะไปสรรหาโค้ชก็อาจไม่ทันเวลาก็อาจจะเปลี่ยนแผน ซึ่งเราคิดว่าใช้โค้ชที่มีความสามารถ และเคยทำงานกับนักกีฬาแล้วมาทำหน้าที่ตรงนี้ ซึ่งก็ต้องหารือกันต่อไป”
“ในส่วนของผู้จัดการทีมหญิงมีคนสนใจอยากมาทำตรงนี้ แต่จะดีเท่าคุณนวลพรรณ ล่ำซำ หรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องน่าเสียดายที่คุณนวลพรรณ ซึ่งเป็นคนเสียสละให้กับวงการฟุตบอลไทยมายาวนานที่ทำให้ฟุตบอลหญิงไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายถึงสองครั้งติดต่อกัน เป็นเรื่องที่ช็อคตัวผมเอง"
"แต่ผมคิดว่าส่วนตัวคุณแป้งคงมีเหตุผล และผมเองเคารพในเหตุผลนั้นว่าทำไมถึงลาวงการฟุตบอลหญิงในฐานะนายกสมาคมฯก็ขอขอบคุณคุณแป้งไว้ ณ ที่นี้ด้วย”
นอกจากนี้ยังได้ตอบผู้สื่อข่าวถึงความเป็นไปได้ว่ากุนซือคนใหม่ช้างศึกจะเป็นชาวเอเชียหรือไหม ประมุขบอลไทยกล่าวว่า “เป็นไปได้ทั้งนั้นครับ เพราะสมาคมฯต้องทำหลายอย่างเป็นแผนระยะสั้น และยาว จริงๆเราอยากวางแผนระยะยาวให้มันดี"
"เทคติคอลเขาก็บอกว่าถ้าเราอดทนยอมรับกับผลในสนามไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ และวางรากฐานฟุตบอลยาวๆในอนาคตหรือวันข้างหน้าฟุตบอลไทยจะแข็งแกร่งแน่ เพราะฟุตบอลไทยขาดการพัฒนาอย่างเป็นระบบมายาวนาน"
"ต่างกับประเทศที่เขาพัฒนาอย่างมีรูปแยย และยาวนานไม่ต้องมองไกลดูเวียดนาม เขาแข็งแกร่งได้วันนี้เพราะพัฒนามีแบบแผนมายาวนานสิบกว่าปี เขามีประธานเทคนิคมาก่อนราหลายคน มีศูนย์ฝึกที่ทันสมัยกว่าที่เราไม่เคยมีมาเป็นสิบกว่าปี เขามีเครื่องที่เรียกว่าฟุตบอลแลป 360 องศาฝึกซ้อมการยิงจากเบนฟิก้าที่กำลังติดตั้งอยู่ที่เราไม่มี”
“แต่ผมเป็นคนช่างฝันวันหนึ่งเราจะมีอย่างเขา และวันหนึ่งเราจะมีผลงานที่ดีกว่านี้ แต่ต้องอดใจรอ เพราะ 3-5 ปี ไม่ใช่วิถีพัฒนาฟุตบอล แต่มันต้องใช้การพัฒนาเป็น 10 ปี” บิ๊กอ็อด ทิ้งท้าย
ทั้งนี้ ยุน จอง ฮวาน อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอน เอสซีจี เมืองทองฯ และ อาริกะ นิชิโนะ อดีตเฮโค้ชทีมชาติญี่ปุ่น ชุดฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย คือสองกุนซือชาวเอเชียที่ตกเป็นข่าวอย่างหนักกับทีมชาติไทยในช่วงที่ผ่านมา

