นิวัฒน์ อินสอาด ผู้ตัดสินอธิบายเหตุผลว่า ทำไม สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด จึงเสียจุดโทษให้กับ อุทัยธานี เอฟซี ในศึก รีโว่ ไทยลีก 2023/24 เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
เกมดังกล่าวมีเหตุการณ์ให้พูดถึงในจังหวะที่ ริคาร์โด ซานโตส กองหน้าทีมเยือน พยายามบังบอลเพื่อยิงประตูจาก บรรพกิจ พรหมณี แนวรับทีมเยือน ซึ่งจากภาพ VAR เผยให้เห็นว่า ริคาร์โด ที่กำลังจะง้างเท้ายิง มีจังหวะเหวี่ยงขาไปสะกิดโดนขาของ บรรพกิจ ก่อนที่ตัวเองจะล้มลงไป จากนั้นผู้ตัดสิน นิวัฒน์ อินสอาด ที่ทำหน้าที่ชี้ขาดในเกมนี้เป่าให้เจ้าบ้านได้จุดโทษ พร้อมกับแจกใบเหลืองให้ บรรพกิจ และเป็น บรินเนอร์ ยิงให้เกมนี้จบเสมอ 1-1
จากเหตุการณ์นี้สร้างความน่ากังขาให้กับ เชียงราย เมื่อ มิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสร เชียงราย ออกมาวิจารณ์การทำหน้าที่ของ นิวัฒน์ ก่อนจะส่งเรื่องไปถึงสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งต่อมาเชิ้ตดำรายนี้ได้ถูกคณะวินัยฯ ลงโทษแบน 2 เดือน เนื่องจากเป่าให้จุดโทษ ทั้งที่ไม่มีการทำผิดกติกาและมีผลต่อการแข่งขัน
นอกจากนี้ยังรวมไปถึง นพภเดช เมืองงาม ผู้ช่วยผู้ตัดสินวีดิทัศน์ 1 (VAR) ที่ถูกแบน 4 สัปดาห์ เนื่องจากยืนยันตามคำตัดสินของผู้ตัดสินว่าจังหวะดังกล่าวเป็นจุดโทษ จึงไม่ได้ทำการแจ้งให้ผู้ตัดสินมาทำการตรวจสอบ VAR (On-Field Review)
อย่างไรก็ตาม นิวัฒน์ อินสอาด ได้ออกมาให้เหตุผลที่เขาตัดสินใจเป่าให้จุดโทษกับ อุทัยฯ หลังถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า
“บางครั้งคำว่าตัดสินมั่วๆหรือรับเงินหรือเปล่าขอใช้ช่องทางเล็กๆแห่งนี้อธิบายในส่วนที่ผมเห็นเหตุการณ์เพียงเสี้ยววินาที”
“อันดับแรกผู้เล่นสีส้มคือฝ่ายรับผู้เล่นสีดำคือฝ่ายรุกโดยผู้เล่นฝ่ายรุกรับบอลมาจากผู้เล่นฝ่ายเดียวกันและกำลังจะวางเท้ายิงประตูโดยมีลูกบอลอยู่ที่เท้าด้านขวาพร้อมที่จะยิงประตูโดยมีผู้เล่นฝ่ายรับวิ่งตามมาจากด้านหลังและพยายามเข้าแย้งชิงโดยสังเกตจากแขนขวาเข้าไปบริเวณลำตัวของฝ่ายรุกพร้อมกับขาขวาเข้าขยับตามสัดส่วนของลำตัวซึ่งขาขวานี่เองที่ไปกีดขวางการยิงของผู้เล่นฝ่ายรุกในขณะที่ผู้เล่นฝ่ายรุกกำลังจะยิงประตู”
“บางคนบอกว่าเตะวืดมั่งไม่โดนมั่งอยากให้ดูภาพเคลื่อนไหวจะเห็นว่ามีจุดสัมผัสและเท้าผู้เล่นฝ่ายรุกสบัดอย่างชัดเจนพร้อมทั้งให้สังเกตว่าลูกที่ผู้เล่นฝ่ายรุกวางเท้าครั้งแรกกำลังเคลื่อนที่มาทางด้านเท้าซ้ายที่กำลังจะยิงประตูพอดีถ้าหากไม่โดนผู้เล่นฝ่ายรุกกีดขวางก่อนก็จะโดนลูกบอลพอดีผมจึงพิจารณาให้เป็นจุดโทษถึงอย่างไรผมก็บอกผู้เล่นว่าVARเช็คอัตโนมัติอยู่แล้วแต่ครั้งแรกพี่เห็นตามที่ได้อธิบาย”
“ตามหลักของVARหากผู้ตัดสินกับVARเห็นเหมือนกันก็ไม่ต้องแทรกแซงหรือไปดูจอสิ่งที่ผมพูดทุกคำคือความจริงไม่ได้พูดเพื่อแก้ตัวหรือแย้งกับผลพิจารณาแต่ผมก็ตัดสินตามหลักวิเคราะห์ของผมตามกติกาผมเป็นครูมีจรรยาบรรณมีวิชาชีพครูและมีลูกศิษย์มีน้องผู้ตัดสินหลายคนที่มีผมเป็นแบบอย่างอยู่การกระทำใดก็แล้วแต่ที่จะไม่ถูกต้องผมไม่เอาชื่อเสียงและศรัทธามาหยุดแค่นี้แน่นอน”
“และสุดท้ายผมเป็นผู้ตัดสินผมให้เกียรติทุกทีมไม่ว่าจะทีมใหญ่หรือทีมเล็กในT1ส่วนการพิจารณาถ้ามันออกมาจากคณะวินัยอย่างไรผมก็น้อมพร้อมจะแก้ไขเพื่อพัฒนาต่อไปผมลูกผู้ชายพอเมื่อผิดก็ต้องยอมรับผิดครับ” นิวัฒน์ เผยผ่านโซเชียลของตัวเอง




