FBL-WC-CLUB-2025-MATCH27-FLUMINENSE-ULSANAFP

เรนาโต้ เกาโช : โค้ชจอมเก๋าผู้พา ‘ฟลูมิเนนเซ’ สร้างประวัติศาสตร์

ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 มีทีมจากทวีปอเมริกาใต้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 6 ทีมตามโควต้า อันประกอบไปด้วยแชมป์โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส ระหว่างปี 2021-2024 จำนวน 4 ทีม และอีก 2 ทีมซึ่งมีอันดับดีที่สุดในรอบ 4 ปีของสหพันธ์ฟุตบอลอเมริกาใต้

ศึกชิงแชมป์สโมสรโลกเดินทางมาถึงรอบรองชนะเลิศแล้ว และหากมีตัวแทนจากทวีปอเมริกาใต้เข้ามาถึงรอบนี้ได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ เพราะแม้แต่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ยังกล่าวชื่นชมทวีปดังกล่าวว่า “เป็นแหล่งผลิตนักเตะที่ดีที่สุดในโลก”

อย่างไรก็ตาม ตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวจากดินแดนละตินที่ทะลุมาถึงรอบ 4 ทีมสุดท้าย ไม่ใช่ทีมที่ผลิตนักเตะ 17 ปี ค่าตัว 45 ล้ายยูโรที่ชื่อ ฟรังโก้ มัสตันตูโอโน อย่าง ริเวอร์ เพลท ไม่ใช่แชมป์โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส ปีล่าสุดและเป็นทีมที่เอาชนะ เปแอสเช ได้อย่าง โบตาโฟโก้ ไม่ใช่ทีมซึ่งมี “นิวเมสซี” อย่าง พัลไมรัส

แต่เป็น ‘ฟลูมิเนนเซ’ ทีมซึ่งแม้จะมีดีกรีแชมป์โคปา ลิเบอร์ตาดอเรสปี 2023 แต่เมื่อฤดูกาลก่อนในลีกบราซิล พวกเขาลดสถานะกลายเป็นทีมลุ้นหนีตกชั้นด้วยการจบอันดับ 13 (ห่างโซนตกชั้น 4 แต้ม) ก่อนจะได้เฮดโค้ชผู้กอบกู้ที่ชื่อ ‘เรนาโต้ เกาโช’ จอมเก๋าวัย 62 ปีผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยประกาศว่า “ในสมัยเป็นนักเตะ ผมเก่งกว่า คริสเตียโน โรนัลโด้”

เรนาโต้ เกาโช เป็นชื่อที่อาจจะไม่คุ้นหูนักในยุโรป แต่ในอเมริกาใต้ โดยเฉพาะในบราซิล เขาคือตำนาน จากการเป็นอดีตปีกทีมชาติบราซิลผู้รับใช้ชาติไปทั้งหมด 41 นัด และยิงไปเกือบ 200 ประตูตลอดอาชีพการค้าแข้งกับ 8 สโมสร เช่น เกรมิโอ, ฟลาเมงโก้, โบตาโก้ และ ฟลูมิเนนเซ โดยช่วงพีคที่สุดในการเป็นนักเตะอยู่ในช่วงทศวรรษ 80 จากการที่ตัวเขาได้แชมป์ลีกบราซิล 2 สมัย, แชมป์โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส 1 สมัย และแชมป์โคปา อเมริกา กับทีมชาติบราซิลในปี 1989

ผ่านมาเกือบ 30 ปีนับจากนั้น เรนาโต้ เกาโช ในฐานะโค้ช พาอดีตทีมเยาวชนของเขาอย่าง เกรมิโอ คว้าแชมป์โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส ในปี 2017 พร้อมสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นชาวบราซิลคนแรก ที่ได้แชมป์รายการดังกล่าวทั้งตอนเป็นนักเตะและโค้ช 

และในการคุม เกรมิโอ ดวลกับ เรอัล มาดริด ในฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2017 นี้เองที่ เรนาโต้ เกาโช ได้กล่าวถึง คริสเตียโน โรนัลโด้ ไว้ว่า “เขาคือนักเตะที่ยอดเยี่ยม แต่ตอนสมัยเป็นนักเตะ ผมเก่งกว่าเขา ผมเป็นนักเตะที่มีเทคนิคดีกว่า และตัวเขาก็ไม่มีความสารพัดประโยชน์มากเท่ากับผม ผมอยากเห็นตัวเองมีโอกาสลงเล่นให้ เรอัล มาดริด ในขณะเดียวกันก็อยากเห็นเขา (CR7) ลงเล่นในลีกระดับรัฐ หรือในโคปา ลิเบอร์ตาดอเรส ดูบ้าง”

ตลอดการเป็นกุนซือตั้งแต่ปี 2002 ‘เกาโช’ ผ่านงานคุมทีมมาทั้งหมด 6 สโมสร โดยอยู่กับ เกรมิโอ มากที่สุดถึง 561 นัด รองลงมาคือ ฟลูมิเนนเซ ทีมซึ่งเขาสลับกลับมาคุมมากถึง 5 คำรบ และในคำรบที่ 6 ครั้งล่าสุดนี้ ซึ่งเพิ่งเริ่มต้นในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เขาพลิกจากทีมที่ลุ้นหนีตกชั้นเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เข้าถึงรอบรองชนะเลิศศึกชิงแชมป์สโมสรโลกได้ด้วยการล้ม อินเตอร์ มิลาน ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และ อัล ฮิลาล ในรอบ 8 ทีม โดยด่านต่อไปของเขาคือ ‘เชลซี’ ในคืนนี้

“เราเคารพคู่แข่งของเราทุกทีม แต่เราแสดงให้เห็นว่าพวกเราเป็นทีมที่มีความเชื่อมั่นสูง เราต่างต้องลงเล่นกับทีมระดับท็อปที่มีเงินเยอะกว่าเรามากมาย แต่เมื่ออยู่ในสนาม มันคือการดวลกันหนึ่งต่อหนึ่ง” อดีตกุนซือ ฟลาเมงโก้ กล่าว 

แท็คติกของ เรนาโต เกาโช ในการนำ ฟลูมิเนนเซ ลงเล่นใน ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ โดยเฉพาะในรอบน็อกเอาต์ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน แต่อาศัยความมีระเบียของทุกคนในสนาม นั่นคือแผน ‘คาร์เตนัชโช’ หรือการเล่นฟุตบอลแบบตั้งรับอย่างรัดดุมและเหนียวแน่นสุด ๆ ภายใต้ระบบ 5-3-2 โดยมีจุดประสงค์หลักคือเพื่อ ไม่เสียประตู กับ ไม่แพ้ ไว้ก่อน และยิ่งหากหาจังหวะยิงขึ้นนำได้ก่อน จะยิ่งเข้าทางพวกเขา เพราะหลังจากนั้นคือการปิดประตูล็อคกลอนเพื่อรักษาสกอร์เพียงอย่างเดียว ตรงตามความหมาย Catenaccio ในภาษาอิตาเลียนที่แปลว่า กลอนประตู หรือ กุญแจล็อก

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ ฟลูมิเนนเซ ขึ้นนำ อินเตอร์ มิลาน ตั้งแต่นาทีที่ 3 และหลังจากนั้นคือการเล่นเกมรับอย่างเดียว สะท้อนผ่านตัวเลขการครองบอล 35% ในครึ่งแรก และ 29% เท่านั้นในครึ่งหลัง ซึ่งสุดท้ายก็เป็นการวางแผนที่เวิร์ค เพราะนอกจากจะรักษาสกอร์นำ 1-0 ได้แล้ว พวกเขายังมายิงประตูปิดเกมเป็น 2-0 ในนาที 90+3 ส่งรองแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่าง ‘งูใหญ่’ ตกรอบไปอย่างรวดเร็ว 

“มันจะเป็นเกมที่เปรียบเสมือนหมากรุก เราต้องเล่นด้วยความระมัดระวัง และพยายามหลีกเลี่ยงการเปิดเกมบุกในช่วงต้นเกม เราต้องพยายามครอบครองบอลให้ได้ มันจะเป็นเกมที่มีโอกาสยิงกันน้อย และผู้ชนะจะเป็นผู้ที่ฉกฉวยโอกาสนั้นไว้ได้” บทสัมภาษณ์ในการแถลงข่าวก่อนเกมกับ เชลซี ของ เรนาโต้ เกาโช คืออีกหนึ่งตัวสะท้อนแนวคิดฟุตบอลที่เน้นความปลอดภัยของเขา

นอกจากนี้ เฮดโค้ชบราซิลเลียนวัย 62 ปี ยังมีนักเตะที่เปรียบเสมือนขุนพลข้างกายในสนามอย่าง ‘ติอาโก้ ซิลวา’ ที่ยังคงเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมบนวัย 40 ปี และสิ่งที่สำคัญแทบจะมากกว่าฟอร์มในสนามคือ บทบาทความเป็นผู้นำของอดีตเซ็นเตอร์แบ็คเชลซี ซึ่งเก๋าถึงขนาเป็นผู้ปรับเปลี่ยนแท็คติกแทนโค้ชในเกมที่เอาชนะ อัล ฮิลาล 2-1 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

ซึ่ง เรนาโต้ เกาโช ก็ได้อธิบายถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า  “มันเป็นเรื่องสำคัญมากในการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกทีม ผมเปรียบพวกเขาเหมือนความสัมพันธ์พ่อกับลูก และสอนพวกเขาเหมือนเป็นลูกชาย ผมเป็นโค้ชที่ชอบรับฟังนักเตะ บางครั้งนักเตะก็ชอบเข้ามาคุยกับผม เหมือนที่ ติอาโก้ ซิลวา ทำเพื่อให้คำแนะนำต่อผม และผมก็รู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก ผมเคารพความเห็นนักเตะทุกคน เพราะผมไม่ใช้โค้ชประเภทสั่งการ”

โดยนอกจาก ติอาโก้ ซิลวา แล้ว นักเตะแกนหลักของ ฟลูมิเนนเซ ยังมี ฟากุนโด้ เบร์นาล มิดฟิลด์ตัวรับวัย 21 ปีดีกรีทีมชาติอุรุกวัย ที่จับคู่ในแดนกลางกับ มัทเธอุส มาร์ติเนลลี อีกหนึ่งกองกลางตัวรับบราซิลเลียนดีกรีเด็กปั้นของทีมผู้มีมูลค่าสูงที่สุดในทีมตามการประเมินของ Transfermarkt 10 ล้านยูโร แต่จะลงสนามในเกมคืนนี้กับ เชลซี ไม่ได้ เนื่องจากติดโทษแบน และอีกหนึ่งคีย์แมนในแนวรุกของ ฟลูมิเนนเซ คือ จอน อาริอาส ตัวรุกทีมชาติโคลอมเบียเจ้าของ 17 คีย์พาสในทัวร์นาเมนต์นี้ 

“ฟลูมิเนนเซ พร้อมอย่างมากต่อการเอาชนะ เราได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์นี้ ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราจะได้มีโอกาสมาแข่งในรายการแบบนี้อีกครั้ง แต่เรามาที่นี่เพื่อชนะ ไม่ใช่มาเพื่อเข้าร่วมเท่านั้น แม้ว่าเราจะสร้างประวัติศาสตร์ได้แล้ว แต่เราต้องการไปถึงนัดชิงชนะเลิศ เรามาถึงรอบนี้โดยที่ไม่ได้เป็นทีมที่มีเงินเยอะเหมือนทีมจากยุโรป เพราะฉะนั้น ผมจึงรู้สึกภาคภูมิใจมากที่เข้ามาถึงรอบนี้ได้ เพราะน้อยคนนักที่จะเชื่อมั่นในตัวพวกเรา” เรนาโต้ กล่าวก่อนเกมประวัติศาสตร์คืนนี้กับ ‘สิงห์บลู’ 

โฆษณา