ไมเคิล โอเวน อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ เปิดใจถึงช่วงเวลาที่เขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อกลับมาค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล หลังอำลาทีมไปอยู่กับ เรอัล มาดริด
อดีตเจ้าของฉายา 'เบบี้โกล' เติบโตจากอะคาเดมีของหงส์แดง และแจ้งเกิดตั้งแต่อายุยังน้อย คว้ารางวัลรองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ฤดูกาลแรกแบบเต็มตัวในปี 1997/98 ก่อนยิงไปถึง 158 ประตูให้สโมสร จน “ราชันชุดขาว” ดึงตัวไปร่วมทีมในปี 2004
อย่างไรก็ตาม หลังอยู่ในสเปนเพียงฤดูกาลเดียว เจ้าตัวก็อยากกลับอังกฤษ โดยมี 'ลิเวอร์พูล' เป็นเป้าหมายเดียวในใจ แต่ข้อเสนอจาก นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด มูลค่า 16 ล้านปอนด์ มากกว่าสองเท่าที่หงส์แดงพร้อมจ่าย ทำให้ เรอัล มาดริด เลือกขายให้สาลิกาดง
โอเวน เล่าย้อนความหลังในการให้สัมภาษณ์กับ Mashable India ว่า
“ตอนนั้นผมพูดกับทั้งประธาน เรอัล มาดริด และ ราฟา เบนิเตซ ผมใกล้จะได้กลับ ลิเวอร์พูล มาก แต่พอนิวคาสเซิลยื่นข้อเสนอเพิ่มเท่าตัว มันก็จบเลย มาดริดบอกว่าถ้า ลิเวอร์พูล จ่ายเท่ากันจะให้ไป แต่พวกเขาไม่ทำ”
เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ปี 2001 ยังเผยอีกว่า เขาใส่เงื่อนไขพิเศษไว้ในสัญญากับ นิวคาสเซิล ว่าจะสามารถย้ายกลับ ลิเวอร์พูล ได้หลังจบฤดูกาลแรก แต่สุดท้ายต้นสังกัดเก่าก็ไม่ต้องการตัวเขาอีกต่อไป
“เหตุผลเดียวที่ผมยอมเซ็นกับ นิวคาสเซิล ก็เพื่อจะได้ใส่เงื่อนไขนั้นลงไป ว่าผมจะกลับไป ลิเวอร์พูล ได้หลังหนึ่งปี นั่นคือทีมเดียวในโลกที่ผมอยากไป”
“แต่ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ไม่มีใครสนใจด้วย ทุกคนแค่พูดว่า ‘นายเล่นให้ลิเวอร์พูล แล้วไป แมนฯ ยูไนเต็ด นายไม่มีความภักดีเลย’ ทั้งที่ความจริงตรงข้ามเลย”
โอเวน ยังเผยว่า หลังจากนั้นเขาพยายามติดต่อกับกุนซือ ลิเวอร์พูล ทุกปี ในยุค เบรนแดน ร็อดเจอร์ส แต่ก็ถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ผมโทรหาผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลทุกปี บอกว่า ‘ได้โปรดรับผมกลับไป’ แต่ลิเวอร์พูลไม่ต้องการผมอีกแล้ว ตอนนั้นพวกเขามีทั้ง ซัวเรซ และ ตอร์เรส ซึ่งผมก็เข้าใจนะ มันคือฟุตบอล ผมไม่โกรธเลย”
สุดท้าย โอเวน ย้ายไปอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2009 และกลายเป็นหนึ่งในดีลที่แฟนลิเวอร์พูลยังพูดถึงจนถึงทุกวันนี้




