เมื่ออันโตนิโอ รูดิเกอร์ ยิงประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บในเกมชนะท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ 3-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้เชลซีมีผลการแข่งขันที่เทียบเท่าลิเวอร์พูล ทั้งแต้ม, ลูกได้เสีย และจำนวนประตูที่ยิงได้
ชัยชนะเหนือไก่เดือยทองเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การแข่งขันลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ ที่มีสองทีมมีผลการแข่งขันตลอดทั้ง 5 นัดแรกเหมือนกันทุกประการ ทั้งสองทีมเริ่มต้นฤดูกาลด้วยชัยชนะ 3-0 ก่อนจะชนะด้วยสกอร์ 2-0 ในนัดที่สอง
จากนั้น ทั้งคู่ก็มาเผชิญหน้ากันที่แอนฟิลด์ในเกมนัดที่สาม ซึ่งจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 และตามด้วยผลชนะ 3-0 ติดต่อกันอีกสองนัด
ซึ่งนั่นทำให้เชลซีและลิเวอร์พูลมีแต้มเท่ากันที่ 13 คะแนน มีผลต่างประเทศได้เสียอยู่ที่ +11 และยิงได้เท่ากันที่ 12 ประตู
แล้วกฎพรีเมียร์ลีกว่าไว้อย่างไร? เมื่อทั้งสองทีมเกิดกรณีแบบนี้
ตำแหน่งเดียวกัน แต่ต่างที่ตัวอักษร
ตามกฎของ C.7 ของพรีเมียร์ลีก ระบุไว้ว่า เมื่อมีสองทีมที่มีแต้มเท่ากัน, ประตูได้เสียเท่ากัน และจำนวนประตูที่ยิงได้เท่ากัน "ทั้งคู่จะถือว่าอยู่ในอันดับเดียวกันในตารางคะแนน"
ดังนั้น ถ้าว่ากันตามกฎข้อดังกล่าว เชลซีและลิเวอร์พูล จึงถือว่าอยู่ในอันดับเดียวกันในตอนนี้ แต่เพราะตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกเป็นตารางแบบแนวตั้ง ทำให้เชลซีเป็นทีมที่มีชื่อเป็นจ่าฝูงเหนือลิเวอร์พูลด้วยเหตุผลว่าเป็นการเรียงตามลำดับตัวอักษรล้วนๆ
Getty Imagesคำตัดสินเมื่อจบฤดูกาล
แน่นอน การเรียงตามลำดับตัวอักษรย่อมไม่ใช่วิธีการตัดสินอันดับเมื่อจบฤดูกาล
เมื่อทั้งสองทีมมีแต้ม, ผลต่างประตูได้เสีย และจำนวนประตูที่ยิงได้เท่ากัน ตามกฎข้อ C.17 อันดับในตารางจะตัดสินด้วยผลการแข่งขันแบบ เฮด-ทู-เฮด
ดังนั้น เมื่อทีม เอ กับ ทีม บี มีแต้ม, ผลต่างประตูได้เสีย และจำนวนประตูที่ยิงได้เท่ากัน ตามกฎข้อ C.17.1 ระบุไว้ว่า หาก ทีม เอ มีแต้มมากกว่า ทีม บี ในการดวลกันแบบ เฮด-ทู-เฮด ทีม เอ จะมีอันดับในตารางสูงกว่า ทีม บี
แต่หากทั้งสองทีมยังคงมีแต้มเท่ากันในผลการแข่งขันแบบ เฮด-ทู-เฮด เช่น ต่างฝ่ายต่างชนะ หรือเสมอกันทั้งสองนัด ตามกฎข้อ C.17.2 ระบุไว้ว่าจะตัดสินอันดับในตารางด้วยกฎประตูทีมเยือน
ถ้าทั้งกฎ C.17.1 และ C.17.2 ยังไม่สามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้ จะต้องมีการแข่งขันเพลย์ออฟกันในสนามกลาง ซึ่งบอร์ดพรีเมียร์ลีกจะเป็นผู้ตัดสินใจ เรื่อง รูปแบบการแข่งขัน, เวลาแข่ง และสนาม