สิ่งที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดในเกมฟุตบอลยุคใหม่ คือเรื่องนโยบายในตลาดนักเตะ - ที่มักจะทุ่มเงินจำนวนมหาศาล แต่กลับได้รับผลตอบแทนกลับมาอย่างน้อยนิด
แฟนบอลจำนวนมากโทษความผิดพลาดในเรื่องนี้ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พวกเขาล้มเหลวในระยะหลังๆ สองตัวอย่างที่โดดเด่นมากๆ คือ โซรัน โทซิช และอเดม ลายิช สองนักเตะที่เคยได้รับความคาดหมายว่าจะเป็นสตาร์ดัง ด้วยค่าตัวจำนวนไม่น้อย ทว่ากลับไม่อาจทำผลงานได้ตามที่คาดหวัง ขณะที่นักเตะคนหนึ่งถึงขั้นไม่ได้ย้ายมาร่วมกับสโมสรเลยด้วยซ้ำ
โทซิชและลายิช ถือเป็นสองดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามองตั้งแต่อยู่กับสโมสรเซอร์เบียชั้นนำอย่าง ปาติซาน เบลเกรด
โทซิช สร้างชื่อที่ปาร์ติซาน ในระหว่างค้าแข้งอยู่กับสโมสรนาน 2 ปี ระหว่างปี 2007-2009 ก่อนหน้านั้น ผลงานของเขากับทีมชาติเซอร์เบียในเกมประเดิมสนามเมื่อปี 2007 ก็ทำให้เขาได้รับเสียงวิจารณ์ที่ดีมากๆ
เขาได้รับการจับตามองจากสโมสรใหญ่ๆ ทั่วยุโรป จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจเลยที่ทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจคว้าตัวเขามาเมื่อปี 2009
ขณะที่กองกลางตัวรุกอย่าง อเดม ลายิช เติบโตขึ้นมาจากอคาเดมีของปาร์ติซาน เขาได้ประเดิมสนามในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบคัดเลือก เมื่อเดือนกรกฎาคม 2008 แล้วพอในเดือนตุลาคม เขาก็ได้รับข้อเสนอให้มาทดสอบฝีเท้าที่แมนเชสเตอร์
ทั้งคู่เปิดตัวเป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในเดือนมกราคม 2009 โดยโทซิชย้ายเข้ามาอยู่กับทีมในทันที ขณะที่ลายิชยังอยู่กับปาร์ติซอนไปจนถึงเดือนมกราคม 2010
![Zoran Tosic Marcus Rashford Manchester United GFX](https://assets.goal.com/images/v3/bltba2253a951ce9e5c/7b6b3d0c1466e628ef6cf28fd9b45ad82640d31b.jpeg?format=pjpg&auto=webp&width=3840&quality=60)
อย่างไรก็ดี พอถึงสิ้นปี 2010 นักเตะทั้งสองกลับไม่ได้อยู่ค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โทซิชถูกปล่อยให้โคโลญจน์ในเยอรมันยืมตัวไปใช้งาน โดยได้ลงสนามในทีมชุดใหญ่เพียง 5 นัด ขณะที่ลายิชนั้นไม่ได้มาอยู่กับยูไนเต็ดเลย เพราะปัญหาเรื่องใบอนุญาตทำงานทำให้การย้ายทีมต้องล่มลง
นักเตะทั้งสองคนมีชีวิตค้าแข้งที่ไม่เลวเลย เมื่อไม่ได้อยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยทั้งคู่ติดทีมชาติรวมกันถึงเกือบ 150 นัด
โทซิช ค้าแข้งอยู่กับ ซีเอสเคเอ มอสโก นาน 7 ปี ก่อนจะย้ายกลับมาอยู่ปาร์ติซาน และมีโอกาสได้ดวลกับยูไนเต็ดในยูโรป้าลีก เมื่อฤดูกาล 2019-20 จากนั้นจึงย้ายจากเบลเกรดอีกครั้ง เพื่อไปค้าแข้งกับไท่โจวหยวนต้า ในดิวิชันสองของจีน
ส่วนลายิช เขาอยู่ค้าแข้งในเซเรีย อา เป็นส่วนใหญ่ ทั้งฟิออเรนตินา, โรมา และโตริโน รวมถึงถูกยืมตัวไปอยู่กับอินเตอร์ มิลาน ในฤดูกาล 2015-16 ปัจจุบัน ในวัย 29 ปี เขาค้าแข้งอยู่กับเบซิคตัส และมีข่าวว่าจะย้ายไปอยู่เวสต์บรอมอยู่พักหนึ่ง
ทั้งคู่ได้รับการยอมรับพอสมควรในชีวิตค้าแข้ง ทว่าไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างที่คาดหวังไว้ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ซึ่งโทซิชเคยให้สัมภาษณ์ว่าการย้ายทีมของเขานั้นเกิดขึ้นในตอนที่เขายังเด็กเกินไป
"ผมถูกนำไปใส่ทีมชุดใหญ่เลยในทันที และระดับมันสูงมากจนเหมือนเป็นกีฬาคนละประเภทกันเลย" โทซิชกล่าวทาง The Athletic
“ช่วงสัปดาห์แรกๆ ของผมที่แมนเชสเตอร์นั้นยากมากๆ ลูกบอลเคลื่อนที่เร็วมากในตอนซ้อม คุณภาพของเกมอยู่ในระดับท็อป ไม่มีใครเสียบอลเลย ยกเว้นผม
"ผมพยายามทำอย่างเต็มที่ แต่มันก็ไม่พอ นี่ไม่ใช่ฟุตบอลแบบที่ผมรู้จักเลย”
![Adam Ljajic Besiktas GFX](https://assets.goal.com/images/v3/blt48c5030ffa4e6c9a/271fbbaf415ba1a1a6702675c996a73220bcc287.jpeg?format=pjpg&auto=webp&width=3840&quality=60)
อย่างไรก็ดี เขายอมรับว่าเขาตัดสินใจยอมแพ้กับแมนฯ ยูไนเต็ด เร็วเกินไป โดยให้สัมภาษณ์กับทาง Daily Record เมื่อปี 2012 ว่า "ผมคุยกับเซอร์อเล็กซ์หลายครั้ง เขาบอกผมมาตลอดว่าผมมีคุณภาพ และพยายามทำงานอย่างหนักต่อไป แต่ผมอยากลงสนามให้มากขึ้น ผมก็เลยย้ายไปอยู่กับโคโลญจน์ที่เยอรมันด้วยสัญญายืมตัว และมีชีวิตค้าแข้ง 6 เดือนที่ยอดเยี่ยมที่นั่น
“ตอนที่ผมกลับมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ ผมคาดหวังว่าจะได้ลงสนามกับยูไนเต็ดมากขึ้นกว่าเดิม แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น
"ในท้ายที่สุด ผมก็ไม่แน่ใจว่าผมจะได้โอกาสรึเปล่า ผมรู้สึกว่าผมสมควรจะตัดสินใจเปลี่ยนสโมสร จนถึงตอนนี้ ผมก็ยังคิดถึงช่วงเวลานั้นเสมอ บางทีผมไม่ควรรีบขนาดนั้น น่าจะอยู่ให้นานกว่านั้นเพื่อแสดงให้เซอร์อเล็กซ์ได้เห็น
“บางที ผมน่าจะอยู่ต่อ และสู้เพื่อแย่งตำแหน่งให้ได้ ถึงยังไง ที่นั่นก็แมนฯ ยูไนเต็ด”
สำหรับ ลายิช เขาถูกตั้งคำถามมากมายถึงเรื่องทัศนคติในช่วงต้นของชีวิตค้าแข้ง เขาถูกซินิซา มิไฮจ์โลวิช วิจารณ์ว่ากินนูเทลลามากเกินไปตอนอยู่กับฟิออเรนตินา และในปี 2012 เขาถูกโค้ชเดลิโอ รอสซี ตบหน้าจากกรณีที่ไปดูหมิ่นลูกของเขา
อย่างไรก็ดี นักเตะทั้งสองแทบจะเป็นคนที่ถูกลืมในประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โทซิชมีผลงานเพียงแค่เป็นตัวสำรองไม่กี่นัด ขณะที่ลายิชนั้นเดินตามรอยจอห์น โอบี มิเกล เป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้ชูเสื้อกับสโมสร แต่กลับไม่เคยได้ย้ายทีมจริงๆ เลย