Adrian Mutu ChelseaGetty

เกิดอะไรขึ้นกับอาเดรียน มูตู? จากฝันบัลลงดอร์สู่ชีวิตที่พังเพราะยาเสพติดและมูรินโญ

มีการย้ายทีมในพรีเมียร์ลีกไม่กี่ครั้งที่ดรามาไปกว่าอาเดรียน มูตู ที่ย้ายมาอยู่เชลซีในปี 2003

กองหน้าวัย 24 ปีในตอนนั้น ย้ายจากปาร์มามาอยู่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยค่าตัว 19 ล้านปอนด์ หลังจากที่ยิงไป 22 ประตู จาก 36 นัดให้ยอดทีมแห่งอิตาลี

มูตูประเดิมสนามนัดแรกในอังกฤษได้อย่างสวยหรู ด้วยการเป็นผู้ทำประตูชัยในเกมพบเลสเตอร์ ซิตี้ และยิงได้ 4 ประตู จาก 3 นัดแรกให้สิงห์บลู

อ่านบทความต่อด้านล่าง

อย่างไรก็ดี ผลงานของเขากลับตกลงมาอย่างรวดเร็ว เมื่อมูตูมีปัญหากับการปรับตัวเข้ากับสไตล์การเล่นในพรีเมียร์ลีก แถมการเข้ามาของโชเซ มูรินโญ ในฤดูกาลต่อมายิ่งทำให้เขาต้องเจอปัญหาเรื่องโอกาสในการลงสนามซ้ำเติมเข้าไปอีก

"ผมมีความขัดแย้งกับมูรินโญอย่างเปิดเผย เขาห้ามไม่ให้ผมไปเล่นทีมชาติ แถมบอกผมว่าเจ็บ แต่มันไม่จริงเลย ผมอยู่ในสภาพที่ดีมา 5 วันแล้ว และเขาก็รู้เรื่องนั้นดี" มูตูกล่าวในปี 2004

"ผมไม่แคร์ว่าจะโดนปรับ ผมอยากให้ทุกคนรู้ว่าทีมชาติคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผม ผมบอกมูรินโญว่าผมฟิตสมบูรณ์ เขาไม่เห็นด้วย และเอารายงานจากทีมแพทย์มาให้ผมดูเพื่อบอกว่าผมไม่ฟิต แต่ผมรู้ดีว่าผมฟิตแล้ว

"มูรินโญให้สัญญากับผมว่าผมจะได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่บางนัด แต่แล้วผมก็ไม่ได้แม้แต่จะอยู่ในทีม ซึ่งผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไม บางทีทางออกเดียว ที่แม้ผมจะไม่อยากทำก็คือไปหาทีมอื่นอยู่"

สถานการณ์ดังกล่าวซ้ำเดิมด้วยปัญหานอกสนาม เมื่อพฤติกรรมที่น่ากังวลของเขาทำให้สโมสรตัดสินใจสั่งให้มูตูไปตรวจโด๊ป

ผลตรวจในคราวนั้นเป็นลบ แต่ในอีก 2 เดือนต่อมา องค์กรต่อต้านการโด๊ปยาก็ออกมาประกาศว่ามูตูมีโคเคนอยู่ในร่างกาย ซึ่งนั่นทำให้ชีวิตค้าแข้งของเขาอยู่ในจุดวิกฤต

Adrian Mutu ChelseaGetty Images

เชลซีตัดสินใจตัดขาดทุกอย่างจากมูตูอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นคดีความวุ่นวายเมื่อพวกเขาฟ้องเรียกค่าชดเชยเป็นเงินหลักล้าน ส่วนมูตูเองก็ถูกแบนจากวงการฟุตบอลเป็นระยะเวลา 7 เดือน

ในเดือนมกราคม 2005 เขาตกลงเซ็นสัญญากับยูเวนตุส ทว่าจากผลงาน 11 ประตู จาก 46 นัด ตลอด 18 เดือนในตูริน ทำให้เขากลายเป็นส่วนเกินในทีมม้าลาย ก่อนจะเป็นฟิออเรนตินาที่ยื่นโอกาสครั้งใหม่เข้ามา  และเขาก็ตอบแทนทีมวิโอลาได้อย่างคุ้มค่า ด้วยจำนวน 40 ประตู จาก 2 ฤดูกาลแรกกับทีมม่วงมหากาฬ

อย่างไรก็ดี ช่วงต้นปี 2010 เขาก็โดนเรื่องใช้สารต้องห้ามอีกครั้ง คราวนี้โดนโทษแบน 9 เดือนก่อนจะลดลงมาเหลือ 6 เดือน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับฟิออเรนตินาค่อยๆ แย่ลง จนแยกทางกันในที่สุด

"บางที ถ้าตอนนั้นผมตัดสินใจเลือกทางอื่น ผมอาจจะไปได้ไกลถึงบัลลงดอร์เลยก็ได้ แต่ผมก็ไม่อยากจะไปคิดถึงมันมากนัก" มูตูเคยกล่าวเอาไว้ทาง Corriere dello Sport

ในปี 2012 เขาเซ็นสัญญากับอฌักซิโอ้ ซึ่งโลดแล่นในลีกเอิงเวลานั้น และบอกว่าเขาได้ท้าซลาตัน อิบราฮิโมวิช ซึ่งกำลังเล่นให้ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ว่าจะยิงประตูให้ได้มากกว่า

"ผมยังไม่ใกล้จะแขวนสตั๊ด" มูตูประกาศ "ยิ่งไปกว่านั้น ผมยังท้าทายซลาตัน อิบราฮิโมวิช ด้วยว่า ผมจะยิงให้ได้มากกว่าเขา ตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงจบฤดูกาล"

เมื่อจบฤดูกาล 2012-13 อิบราฮิโมวิช ยิงได้ 35 ประตู ส่วนมูตูยิงได้ 11 ประตู แต่ในฤดูกาลต่อมา เขากลับยิงไม่ได้เลยตลอด 9 นัดแรก ทำให้ต้องแยกทางกับสโมสรในเดือนมกราคม 2014

ในช่วงบั้นปลายของชีวิตค้าแข้ง มูตูกลับไปเล่นในประเทศบ้านเกิด ก่อนจะหันมารับบทโค้ชทีมชาติโรมาเนีย รุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี เมื่อปี 2019 ซึ่งเขาบอกว่า ด้วยปัญหาเรื่องพฤติกรรมแบบที่เขามีในช่วงเป็นนักเตะ ทำให้เขาเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเข้ามารับงานนี้

"ในปีแรกของผมกับเชลซี ผมทำงานร่วมกับเคลาดิโอ รานิเอรี ซึ่งเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม เขาอยากให้ผมอยู่ในทีม ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องส่วนตัวพวกเขา อะไรๆ มันก็คงจะเปลี่ยนไปจากนี้" มูตูกล่าวทาง BBC Sport

"ผมคิดว่าผมคือคนที่เหมาะสมกับงานนะ เพราะผมรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากนักเตะมีปัญหาในเรื่องวินัย ผมผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากพวกนั้นมาแล้ว และผมก็กลับมาอย่างแข็งแกร่งกว่าเดิม

"ถ้ามีนักเตะสักคนของผมเกิดทำอะไรผิดพลาดขึ้นมา ผมก็คงจะบอกเขาว่าให้เรียนรู้จากมัน และอย่าทำผิดพลาดซ้ำอีก ผมกลับมาได้ และเล่นได้ดีกว่าเดิม ซึ่งพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นได้ว่านักเตะดาวรุ่งที่ทำผิดพลาดควรได้รับความช่วยเหลือ ไม่ใช่ถูกตัดสินและทำลาย"

โฆษณา