แม้ว่าเส้นทางของทีมชาติกัมพูชา ใน เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิอิเล็คทริค คัพ 2022 จะจบลงไปแล้ว หลังพ่ายให้กับทีมชาติไทย 3-1 ที่สนามกีฬาธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต แต่ผลงานในรอบแบ่งกลุ่ม 4 นัด แสดงถึงพัฒนาการภายใต้การทำทีมของ เคสุเกะ ฮอนดะ ผู้จัดการทีมชาวญี่ปุ่นอย่างชัดเจน
กูปรีน้ำเงินทำประตูคู่แข่งได้ถึง 10 ประตูเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าร่วมการแข่งจันรายการนี้มา 26 ปี พวกเขาเป็นทีมที่สร้างโอกาสจะแจ้งในการทำประตู (หลุดเดี่ยวหรือยิงจ่อๆ)ได้ทั้งหมด 12 ครั้งมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในรายการเมื่อกลุ่ม A แข่งจบ น้อยกว่าแค่ 2 ทีมคือ ไทย 4 ครั้ง และ อินโดนีเซีย 3 ครั้ง ทั้งที่โอกาสยิงประตูรวมทั้งหมดเป็นอันดับ 5 (58 ครั้ง) ทั้งที่เปอร์เซ็นต์การครองบอลนั้นอยู่อันดับ 7 จาก 10 ทีมเลยทีเดียว (เฉลี่ย 47.05 %) และจาก 12 ครั้งที่สร้างโอกาสจะแจ้งในการทำประตูได้ กัมพูชา เปลี่ยนมาเป็น 6 ประตูและพลาดไป 6 ครั้ง ซึ่งจำนวนครั้งที่พลาดน้อยกว่าไทย (9ครั้ง) และ อินโดนีเซีย (7 ครั้ง)
พัฒนาการอันโดดเด่นเหล่านี้ สอดคล้องกับคำพูดของฮอนดะเมื่อครั้งประกาศรับงานคุมทีมกัมพูชาแบบช็อคโลก เมื่อเดือนสิงหาคม 2018 ว่าต้องการให้ทีมเล่นฟุตบอล "ที่ดีขึ้น" ซึ่งไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาสั้น ๆ
"ผมรับงานนี้เพราะอยากทำ ผมได้ค่าเดินทาง แต่ไม่ได้อย่างอื่นเลย ก็มีสัญญากันครับ แต่มันก็เกือบจะเท่ากับอยู่ในช่วงไม่มีสัญญาน่ะ" ฮอนดะกล่าวในงานแถลงเมื่อสี่ปีก่อน
"แต่สิ่งสำคัญคือการแชร์ไอเดียกับทุกคน โดยเฉพาะการสื่อสารกับตัวแทนแต่ละสโมสร แต่ละสโมสรก็ต้องการชนะการแข่งขัน ดังนั้นบางทีก็อาจจะทำตามข้อเรียกร้องเราไม่ได้
"สำคัญมากที่ทุกคนต้องเดินไปในทางเดียวกัน เพื่อฟุตบอลกัมพูชา เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะไปทางไหน ทุกคนก็ต้องเชื่อมั่น เดินไปด้วยกัน
"ยังมีหลายประเทศที่ไม่มีทิศทางอย่างที่ผมว่า ถ้าพูดถึงสเปน, อิตาลี, บราซิล คนส่วนใหญ่ก็จะบอกได้ไม่ยากว่าสไตล์ของพวกเขาเป็นอย่างไร แต่คงมีน้อยคนที่บอกได้ว่าสไตล์ของญี่ปุ่นคืออะไร หรือสไตล์ฟุตบอลกัมพูชาเป็นยังไง
"สำคัญมากที่เราต้องสร้างทิศทางอย่างนี้ขึ้นมา ฟุตบอลมันดีขึ้นไม่ได้ในวันสองวันหรอกครับ มันก็ต้องอดทน"
"ผมอยากจะตั้งเป้าไปที่ฟุตบอลแบบที่ทุกคนที่นี่เห็นแล้วจะรู้สึกได้ ว่ากัมพูชาเปลี่ยนไป"
"รายละเอียดคงต้องไปดูกันครับ แต่คนกัมพูชาก็ไม่ต่างจากคนญี่ปุ่นมาก การครองบอล การบีบพื้นที่ ยังปรับปรุงได้
"ฟุตบอลมันขึ้นกับคู่แข่งด้วย แต่ผมก็อยากให้แทคติกมันยืดหยุ่นไว้ก่อน จะได้ดึงประสิทธิภาพนักเตะออกมาให้มากที่สุด"
"ผมเห็นผู้เล่นระดับโลกมามาก ดังนั้นผู้เล่นกัมพูชาก็ถือว่ายังต้องพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีก
"อย่างไรก็ตาม เวลาที่ผมลงเล่นกับพวกเขาในฐานะผู้เล่นทีมชาติญี่ปุ่น ผมได้เจอกับผู้เล่นพรสวรรค์อายุน้อย ๆ มากมาย ดังนั้นผมก็เชื่อว่ายังมีผู้เล่นแบบนั้นอยู่อีก"
"ทุกครั้งที่เราลงเล่น เราก็จะพยายามชนะให้ได้ แต่ถ้าคุณสนใจแค่ชัยชนะในระยะสั้น คุณก็จะก้าวไปเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่เรื่องฟุตบอลไม่ได้ คุณต้องการเวลา
"ญี่ปุ่นได้เข้าไปเล่นฟุตบอลโลกตั้งแต่ปี 98 แต่ก็ยังลุ่ม ๆ ดอน ๆ กัมพูชาต้องเริ่มจากไปให้ถึงตรงนั้นก่อน"
"มีคนญี่ปุ่นคนหนึ่ง เดินทางมาทีนี่ ที่กัมพูชา เพื่อสร้างสไตล์ฟุตบอล เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่ากัมพูชาทำอะไรได้ ผมคิดว่าเรื่องนี้สำคัญมาก
"เหนือกว่าฟุตบอล คือการที่สองประเทศได้สร้างความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยม ผมคิดว่าสิ่งนี้จะสร้างประโยชน์ให้กันและกันทั้งสองฝ่าย"
หลังรับตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติกัมพูชาได้สองปี ฮอนดะได้ดึงตัว ริว ฮิโรเสะ อดีตผู้ช่วยของ เท็ตสึยะ มารุยามา สมัยคุมทีม สมุทรปราการ ซิตี้ เข้ามาร่วมทีมสตาฟฟ์ในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอน โดยฮิโรเสะลงคุมทีมข้างสนามให้กับทั้งทีมชาติชุดใหญ่และชุด U-23 มาตั้งแต่ปี 2021 และในทีมชุดใหญ่ก็มีผู้เล่นอายุน้อยที่ฝีเท้าโดดเด่นอยู่หลายคน
ปัจจุบันกัมพูชาอยู่ในอันดับ 177 ของฟีฟ่า แรงกิ้ง และเคยขึ้นสูงสุดที่อันดับ 153 เมื่อปี 2011
