ลูก้า โมดริช เบียดเอาชนะสองซูเปอร์สตาร์อย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี คว้ารางวัล Goal 50 ประจำปี 2018
นับตั้งแต่ที่ เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ คว้ารางวัลนี้ได้เมื่อปี 2010 ก็ยังไม่เคยมีคนอื่นนอกเหนือจาก โรนัลโด้ กับ เมสซี คว้ารางวัลนี้ได้อีกเลย กระทั่งในปีนี้สถิติดังกล่าวถูกทำลายลงแล้วโดยน้ำมือของกองกลางวัย 33 ปี
ด้วยผลงานสุดยอดเยี่ยมในปีนี้ ทำให้ โมดริช นั้นเหมาะสมกับการได้รับรางวัลนี้ด้วยประการทั้งปวง จากการเป็นกำลังสำคัญในการพา เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน รวมถึงยังเป็นกัปตันทีมชาติโครเอเชียพาทีมก้าวไปถึงตำแหน่งรองแชมป์ด้วย
แม้ว่า โรนัลโด้ จะยังคงรักษามาตรฐานการถล่มประตูได้อย่างมากมายเมื่อฤดูกาลก่อน แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่คว้าอันดับ 2 ของ Goal 50 ในปีนี้เท่านั้น
ขณะที่อันดับ 3 ตกเป็นของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จากผลงานสุดยอดกับการลงเล่นให้ลิเวอร์พูลเพียงแค่ซีซั่นแรก ด้วยการซัดไปถึง 44 ประตูรวมทุกรายการ และยังคว้าตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกด้วยการยิงไปถึง 32 ประตูอีกด้วย
ส่วนดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งยุคอย่าง คิลิยัน เอ็มอัปเป้ คว้าอันดับ 4 ไปครอง จากการแจ้งเกิดในฟุตบอลโลก 2018 ได้แบบเต็มตัว ด้วยการพาทีมชาติฝรั่งเศสก้าวไปถึงตำแหน่งได้อีกครั้ง
ต่อด้วยอันดับ 5 ซึ่งปีนี้ตกเป็นของ เมสซี ที่มีแม้จะยังคงทำผลงานได้ดีกับบาร์เซโลนา แต่ฟอร์มน่าผิดหวังในฟุตบอลโลก 2018 กับทีมชาติอาร์เจนตินา ก็ส่งผลให้เขาต้องร่วงลงมาถึงอันดับนี้
ด้านจอมทีพจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้อย่าง เควิน เดอ บรอยน์ ถือเป็นกำลังสำคัญในการพาต้นสังกัดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก รวมถึงยังพาทีมชาติเบลเยียมคว้าอันดับ 3 ในฟุตบอลโลก 2018 อีกด้วย.
Goal
Getty Images
Gettyตามด้วยอันดับ 7 ซึ่งตกเป็นของ ราฟาแอล วาราน ผู้ครองสถิตินักเตะคนที่ 4 ในประวัติศาสตร์เท่านั้น ที่สามารถคว้าได้ทั้งแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกและฟุตบอลโลกในปีเดียวกัน
ขณะที่อันดับ 8 นั่นคือ แฮร์รี เคน ผู้ยิงกระจายทั้งในสโมสรและทีมชาติ พร้อมพกดีกรีดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2018 ส่วนอันดับ 9 ได้แก่ อองตวน กรีซมันนน์ ซึ่งคว้าได้ทั้งแชมป์ยูโรป้าลีกและฟุตบอลโลกในปีนี้ และปิดท้ายด้วยอันดับ 10 อย่าง มาร์เซโล ผู้ซึ่งยังคงยึดครองตำแหน่งแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดโลก และเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของเรอัล มาดริด
Goal 50 คือรางวัลประจำปีที่จัดอันดับ 50 นักฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก 50 คนตลอด 12 เดือน จากทีมงานและนักข่าวจาก Goal 42 อิดิชัน ทั่วโลก โดยประเมินจากความสม่ำเสมอตลอดทั้งปี ผลงานในเกมใหญ่ ผลกระทบต่อวงการฟุตบอล รวมถึงความสำเร็จทั้งในสโมสรและระดับชาติ
